บทที่ 893 สัพพัญญูไท่ชิง ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่เปี่ยมคุณธรรม!
ร่างกายอันตรธาน พลังปราณสาบสูญ เดิมเฟยต้าวคิดว่าอย่างไรซีก็เล็งเป้าที่เขามิได้ แต่สุดท้าย ซีกลับทลายวิชาของเขาได้ในพริบตา สร้างความผวาระคนปวดหัวให้เขาอยู่พักใหญ่
“ไม่เป็นไร ต้านทานไว้สักระยะเป็นพอ!”
เขาให้กำลังใจตนเอง เรียกเกราะวิเศษออกมาป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่า และสวมใส่อย่างรวดเร็ว
กำลังรบซีแข็งแกร่งแล้วอย่างไร อย่างไรก็อยู่ได้เพียงวูบเดียวเฉกเช่นดอกถานฮวา มิอาจคงสภาพไว้ได้นาน
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงอึดใจเดียวก็สวมเกราะให้ตนเองแล้วสิบกว่าชิ้น ทั้งยังเรียกกระดองเต่าออกมาอีกชิ้นหนึ่งแล้วมุดเข้าไป
เขาในยามนี้ไม่ต้องการปะทะซึ่งหน้ากับซีเท่าใด หากแต่คิดหาวิธียื้อเวลาให้นานที่สุด
อย่าล้อเล่นน่า ซียกระดับกำลังรบไม่หยุดหย่อน ขืนยังปะทะซึ่ง ๆ หน้ากับซีในสถานการณ์เช่นนี้ นับเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุด
“เต่าชรา เขาเลียนแบบเจ้าหรือ”
ซีหัวเราะเบา ๆ มิได้ใส่ใจ นางไม่มีอาการข้างเคียงแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องกังวล
“ใช่ที่ไหน ข้ากล้าหาญกว่าเขามากนัก! เขานั้นขี้ขลาดอย่างแท้จริง เหมือนเต่ากว่าข้าเสียอีก!”
เต่าชราตะโกน
มันมีหน้าตะโกนได้อย่างไร!
เฟยต้าวก่นด่าในใจไม่หยุด แม้ว่าเขาจะหลบเข้ามาในกระดองเต่า กระนั้นยังมองเห็นสถานการณ์ด้านนอก
ยามเต่าชราตะโกนออกมามิกล้าแม้แต่จะโผล่หัว ยังมีหน้าเอ่ยว่ากล้าหาญอีกหรือ
“ยั่วโมโหข้ารึ น่าขัน ข้าหรือจะติดกับ! ไม่มีทางออกไปอยู่แล้ว!”
เขาหัวเราะเสียงเย็น
ขอเพียงเขาทนยื้อไปได้สักระยะ ทุกอย่างย่อมอยู่ในกำมือของเขา ถึงคราวนั้นเขาจะให้ซีและเต่าชราได้เห็นดี!
ตู้ม!
เวลานั้นซีลงมือ พลังเปี่ยมอยู่ในทุกอิริยาบถ
นางสำแดงมหาวิชา พลานุภาพสยดสยอง ดุดันแข็งกร้าว ถล่มออกไปไม่หยุด
เฟยต้าวรีดเร้นพลังทั่วกาย กระตุ้นเกราะวิเศษทั้งหมดบนตัวรวมถึงอานุภาพของกระดองเต่าเพื่อป้องกัน
เกราะวิเศษเหล่านี้และกระดองเต่าล้วนมิใช่ของธรรมดา ระดับสูงส่ง เมื่อได้รับการกระตุ้นจากเขาจักมีพลังป้องกันแกร่งกล้าอย่างแท้จริง สามารถหยุดยั้งการโจมตีของซีได้หลายครา
ทว่าซีดุดันเกินไป วิชาอภินิหารที่โถมออกมาล้วนมิใช่วิชาธรรมดา แสนยานุภาพยิ่งใหญ่
ภายใต้การโจมตีไม่หยุดหย่อนจากซี กระดองเต่าซึ่งอยู่ชั้นนอกสุดแหลกลาญในที่สุด
เฟยต้าวสีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ อะไรกัน ซีจะสะท้านโลกาเกินไปแล้ว เวลาที่คงสภาพได้นานกว่าที่เขาคาดไว้มาก
“เจ้าฝืนทนไปเถิด!”
เฟยต้าวกัดฟันเอ่ย “ใบหน้าเจ้าซีดขาว ดูก็รู้ว่าลมหายใจเฮือกสุดท้าย ทนไม่ไหวแล้ว!”
เขาไม่เชื่อว่าซีสามารถคงสภาพไว้ได้นานเช่นนั้นจริง ๆ รู้สึกว่าซีต้องใกล้แตกสลายเต็มที เวลานี้เพียงแต่ฝืนทนต่อไปเท่านั้น
“???”
ซีรู้สึกหมดคำพูด
หมายความว่าอย่างไรที่ว่าใบหน้าของนางซีดขาว ดูก็รู้ว่าลมหายใจเฮือกสุดท้าย ทนไม่ไหวแล้ว?
เฟยต้าวใช้ชีวิตในโลกของตนเองอย่างเดียวจริง ๆ จินตนาการได้เรื่อย ๆ นางใบหน้าซีดขาวที่ไหน แต่เดิมสีผิวของนางเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ทั้งหมดเป็นเพียงจิตปรุงแต่งของเฟยต้าวเองเท่านั้น
นางลงมือต่อไปเรื่อย ๆ มิเคยหยุด การโจมตีรุนแรงระลอกแล้วระลอกเล่าถูกปล่อยออกไป เกราะวิเศษบนตัวเฟยต้าวแหลกเหลวระเบิดอย่างรวดเร็ว
เฟยต้าวร้อนใจ สำแดงวิชาออกมามากมายเพื่อต้านทาน
อนิจจา ซีผู้ยกระดับพลังขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่าที่เฟยต้าวจะต่อกรด้วยไหว!
เสียงดังพรวด เฟยต้าวถูกโจมตีรุนแรง กระเด็นออกไปกระแทกกับยอดเขาแห่งหนึ่งจนพังครืน ก่อนจะล้มลงกับพื้น จมอยู่ใต้กองหิน
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
เขากระอักเลือดไม่หยุด โผล่หัวขึ้นจากกองหินด้วยหน้าตาเหลือเชื่อ
ซีอยู่ในสภาพแรงเฮือกสุดท้ายที่ไหน นางยังคงมั่นคง พลังมากล้นดังเดิม!
เขาเชื่อไม่ลง โลกทัศน์ถูกพลิกผัน
ซีทำได้อย่างไร ยกระดับได้รัวแล้วยังมั่นคงได้ถึงเพียงนี้ ซ้ำดูปราศจากผลข้างเคียงอีกด้วย!
“ข้าถามสิ่งใด เจ้าจงตอบตามนั้น”
ซีเข้ามาอยู่เบื้องหน้าเฟยต้าว ยื่นนิ้วหนึ่งออกไป ลำแสงพวยพุ่งจ่อแนบหน้าผากเขา
“ได้!”
เหงื่อเย็นไหลลงมาตามใบหน้าเฟยต้าว รับรู้ได้ว่าแสงลำนี้เล็งมาที่ดวงวิญญาณของเขา
เขาไฉนเลยจะกล้าขัดขืน รู้ดีว่าหากไม่ยอมทำตาม วิญญาณของเขาต้องถูกแสงลำนี้ลบล้างในพริบตาอย่างแน่นอน
“สถานการณ์ในอาณาจักรนี้เป็นอย่างไร”
ซีถามเฟยต้าว พอดีได้สืบข้อมูลของอาณาจักรนี้จากเขาด้วย
เฟยต้าวรีบตอบโดยมิมีปิดบังโป้ปด
เขามิกล้าปิดบังโป้ปดแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าซีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็ไม่อาจปิดบังโป้ปดได้เลย ต้องถูกจับได้ในพริบตา
นอกจากนี้เขาตกตะลึงในใจเช่นกัน
ซีและเต่าชราเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าฉากจริง ๆ พวกเขาเข้ามาได้อย่างไร เขาคิดไม่ตกเลย!
ถึงอย่างไร กำลังรบที่ซีสำแดงออกมาก็กล้าแกร่งอย่างยิ่ง กระนั้นยังคงอยู่ในขอบเขตนิรันดร์ ไม่มีทางเข้ามายังโลกหลังฉากจากภายนอก
คิดจะเข้ามายังโลกหลังฉากจากภายนอกอย่างน้อย ๆ ต้องอยู่ในขอบเขตอิสระ
“ที่นี่คือโลกหลังฉาก…”
เขารีบอธิบายทุกสิ่ง บอกทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับโลกหลังฉากให้ซีฟัง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ซีเข้าใจแล้วว่าเหตุใดที่นี่ถึงมหัศจรรย์น่าทึ่งเพียงนี้
โลกหน้าฉากและโลกหลังฉาก เป็นคำเรียกขานที่เหมาะเจาะจริง ๆ
ทุกอย่างถูกปกปิดมิให้ล่วงรู้ความจริง มิเท่ากับเป็นคนหน้าฉากหรือ
เหล่าบุคคลที่ล่วงรู้ความจริงซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง ไม่เป็นที่รับรู้มิเท่ากับเป็นคนหลังฉากหรือ
ถึงอย่างไรก็มีวลีหนึ่งว่าไว้ ผู้บงการหลังฉาก
“ข้าขอร้องให้เจ้าช่วยข้าสักอย่างได้หรือไม่”
เวลานั้น ซีกล่าวต่อเฟยต้าว
“…”
หลังเฟยต้าวได้ยินคำกล่าวของซีก็หมดคำพูดทันที
เขาอยากบอกเหลือเกินว่า พี่สาว เจ้าเล็งพลังมาที่วิญญาณของข้า กุมชีวิตข้าไว้ในกำมือ ข้าย่อมต้องทำทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า ‘ขอร้อง’ เลย!
ทำเช่นนี้มิได้เข้าใกล้คำว่าขอร้องสักนิด!
“อย่าทำเช่นนี้ ข้าเป็นคนมีมารยาท กำลังขอร้องให้เจ้าช่วยจริง ๆ” ซีกล่าว
เฟยต้าวยิ่งรู้สึกหมดคำพูด นึกในใจไปว่า พี่สาว ท่านช่างเป็นคนมีมารยาทจริง ๆ!
“ท่านเชิญว่ามาได้เลย ไม่ว่าเรื่องใดข้ายินดีทำทุกอย่าง!” เขารีบตอบ
“ข้าอยากขอให้เจ้าพาข้าไปยังสถานที่หนึ่ง ที่ที่สามารถดูดกลืนสสารขุมปราณชีวิตแห่งฟ้าดินได้อย่างบ้าคลั่งโดยไม่ถูกสงสัย”
ซีปริปาก
ยอดฝีมือหลังฉากมากเกินไป ลึกล้ำยิ่งยวด ยังดีที่ผู้มาในคราวนี้คือเฟยต้าว นางยังพอจัดการไหว
หากเป็นยอดฝีมือขอบเขตอิสระขึ้นไป นางต้องพบปัญหามหาศาลแน่
แม้ว่านางมีพลังจากท่านผู้นั้นคอยคุ้มครอง กระนั้นโลกหลังฉากก็มิธรรมดา หากหลีกเลี่ยงปัญหาได้ก็หลีกเลี่ยงดีกว่า
“หมายความว่าอย่างไร ท่านหมายถึงเหมือนกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือ” เฟยต้าวถาม
เขาสัมผัสได้ว่าสสารขุมปราณชีวิตฟ้าดินในที่แห่งนี้เดือดพล่านรุนแรงเป็นพิเศษถึงถูกดึงดูดเข้ามา ดูท่าซียังต้องการทำเช่นเดิม เพียงแต่ไม่อยากให้เอิกเกริกอีกแล้ว
“ถูกต้อง”
ซีพยักหน้า “หากเจ้าบอกสถานที่เช่นนี้มาได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“ขอข้าตรึกตรองสักครู่!”
เฟยต้าวตั้งใจคิดหา
เขามิกล้าหลอกซี ถึงอย่างไรชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของนาง หากเขาให้คำตอบน่าพอใจกับนางมิได้ น่ากลัวว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ
ที่แห่งใดสามารถดูดกลืนสสารขุมปราณชีวิตฟ้าดินได้อย่างบ้าคลั่งโดยไม่ถูกสงสัยบ้าง
เขาคิดแล้วคิดอีก
ในที่สุดเขาก็คิดออก
“ไปที่ลานเต๋าสัพพัญญูไท่ชิงก็ได้”
เขาเอ่ย “ที่นี่เป็นลานเต๋าที่ผู้อาวุโสสะท้านโลกาท่านหนึ่งทิ้งเอาไว้ เป้าหมายเพื่อให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากก้าวหน้าได้โดยไว ภายในนั้นมีสถานที่มงคลอยู่หลายที่ ที่นั่น ต่อให้สสารขุมปราณชีวิตฟ้าดินเดือดพล่านเพียงใดก็ไม่มีปัญหา มิมีผู้ใดสงสัย”
สัพพัญญูไท่ชิงเป็นยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์ท่านหนึ่ง และเป็นคนแรกที่รู้เรื่องพลังมืดมิด
เขานั้นเปี่ยมด้วยคุณธรรม หลังรู้เรื่องพลังมืดมิดก็บุกออกไปเป็นคนแรก เปิดฉากต่อสู้กับพลังมืดมิดอย่างยิ่งใหญ่ สั่นระฆังเตือนภัยให้กับสิ่งมีชีวิตหลังฉาก ขวางกั้นมิให้พลังมืดมิดรุกราน
นอกจากนี้ ก่อนเขาจากไปยังตั้งใจเปิดลานเต๋าของตนให้ใช้ อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากเข้าไปฝึกฝนในลานเต๋าของเขา
นั่นเป็นลานเต๋าที่เขาใช้ฝึกฝนมาทั้งชีวิต เต็มไปด้วยความทุ่มเทของเขามากกว่าที่ไหน ๆ การได้ฝึกฝนในนั้นช่วยให้ได้ผลดีขึ้นเป็นเท่าตัว
“การฝึกฝนในลานเต๋าสัพพัญญูไท่ชิง ไม่ว่าสสารขุมปราณชีวิตฟ้าดินเดือดพล่านปานใดก็มิเป็นไร ผู้คนรังแต่จะคิดว่ามีสาเหตุจากลานเต๋า หาได้ข้องใจในตัวท่าน”
เฟยต้าวกล่าว “ที่นั่นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง พื้นที่ตั้งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง สสารขุมปราณชีวิตฟ้าดินเข้มข้นอุดมสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตหลังฉากนับคณาอยากเข้าไปฝึกฝนในลานเต๋าสัพพัญญูไท่ชิง”
ซีตาเป็นประกาย
ทำเลดี ทั้งยังไม่ถูกสงสัยให้เป็นปัญหา นับเป็นสถานที่ในอุดมคติที่สุด!
นางสามารถยกระดับพลังของตนในลานเต๋าสัพพัญญูไท่ชิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นจะได้ไปสืบเสาะในดินแดนว่างเปล่าให้รู้ความ
“ทว่าลานเต๋าสัพพัญญูไท่ชิงหาได้เข้าไปง่าย ๆ มีผนึกสกัดกั้นนับแต่เข้าไปในลานเต๋า ส่วนจะเข้าไปในพื้นที่มงคลต่าง ๆ นั้นยิ่งมีผนึกเยอะเข้าไปใหญ่”
เฟยต้าวเอ่ย “เอาเป็นว่า ลานเต๋าสัพพัญญูไท่ชิงเป็นลานเต๋าที่ผู้อาวุโสสัพพัญญูไท่ชิงท่านนั้นเตรียมไว้ให้บุตรแห่งสวรรค์โดยเฉพาะ ผู้ที่มิได้มีพรสวรรค์โดดเด่นมิอาจเข้าไปได้!”
“เข้าใจแล้ว” ซีว่า
หากสิ่งมีชีวิตตนใดล้วนเข้าไปได้คงวุ่นวายแย่ ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นจะต้องถูกถ่วงไปด้วย
ถึงอย่างไร ผู้อาวุโสสัพพัญญูไท่ชิงท่านนี้ก็ต้องการให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากแข็งแกร่งขึ้นโดยไว ก้าวหน้าขึ้นกว่านี้ ย่อมต้องพิจารณาผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นอันดับแรก
“ข้าเองก็อยากเข้าไป น่าเสียดายที่ผ่านประตูใหญ่ลานเต๋าไปมิได้ด้วยซ้ำ…”
เฟยต้าวเอ่ยเสียงเศร้าสร้อย
ซีจับตาดูวิญญาณของเฟยต้าวอยู่ตลอด แน่ใจว่าเฟยต้าวมิได้โกหก
นางในยามนี้ยังคงสภาพยกระดับพลังขึ้นหลายเท่า หากอีกฝ่ายโกหก นางจะรับรู้ได้ในทันที
สุดท้ายนางก็ปล่อยเฟยต้าวไป ขณะที่ตนมุ่งหน้าไปยังลานเต๋าสัพพัญญูไท่ชิงพร้อมเต่าชรา
…
นอกเมืองชิงซาน ริมลำธาร
ต้นหลิวปวดหัวเป็นที่สุด
เดิมมันคิดว่าหลังพื้นที่สีเทาถูกคุณชายโต้จนล่าถอยแล้วก้อนหินจะกลับมาเป็นปกติ
ทว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
ห่างจากคราวก่อนเพียงไม่กี่วัน ก้อนหินก็สูญเสียความทรงจำไปอีกหลายครั้ง เกิดเรื่องที่คุมตนเองมิได้อยู่บ่อย ๆ
นี่อย่างไร ตอนนี้ก้อนหินออกอาการอีกแล้ว
ก้อนหินสูญเสียความทรงจำ ควบคุมตนเองไม่อยู่ ต้องการไปจากที่นี่
มันรัดพันก้อนหินด้วยก้านหลิวของตนแน่น ไม่ยอมให้ก้อนหินเหินไปไหน
“เจ้าพันธนาการข้าได้เพียงชั่วคราว ไม่มีทางจองจำข้าไปตลอดชีวิต!”
ก้อนหินตะโกน เผยปากใหญ่ออกมากัดกินก้านหลิวที่พันธนาการตนอยู่
“เจ้าจองจำตัวข้าได้ แต่เจ้าจองจำใจข้ามิได้!”
มันกัดไปพลาง ตะโกนไปพลาง
“ผู้ใดพิศวาสร่างเส็งเคร็งของเจ้ากันฮ้า!”
ต้นหลิวสบถ เจ้าก้อนหินพูดจาอะไร อ้อยอิ่งเสียไม่มี ทำประหนึ่งมันหมายตาร่างกายก้อนหินอย่างนั้น
อย่างที่คิดเจ้าก้อนหินนั้นเปลี่ยนนิสัยยาก ต่อให้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ไม่มีสติ ก็ยังใช้วาจาพิสดารไม่น่าฟังอยู่ดี
“ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปมิได้แล้ว ข้าต้องรู้ก่อนว่าเกิดอันใดขึ้น”
ต้นหลิวพึมพำกับตนเอง
มันตัดสินใจไปหาตาเฒ่าขี้เมา ดูว่าในอดีตก้อนหินมีความเป็นมาอย่างไร
คราวก่อนตาเฒ่าขี้เมาพูดจาเหลวไหลยกใหญ่ว่าก้อนหินเป็นหินพิทักษ์บ่ออุจจาระ แน่นอนว่ามันไม่เชื่อ
ทว่ามันคิดว่าตาเฒ่าขี้เมาอาจรู้จักร่างในอดีตของก้อนหินจริง ๆ