ภาพห้องส่วนตัวอบอวลไปด้วยควันบุหรี่ปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์ ในห้องนั้นมีทั้งผู้ชายผู้หญิงอยู่รวมกัน ผู้หญิงทุกคนในนั้นล้วนแต่สวมเสื้อผ้าเปิดเผยเนื้อหนังอย่างใจกล้า ทั้งยังมีท่าทางยั่วยวนอย่างมาก มองเพียงปราดเดียวทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าสถานที่แห่งนั้นคือที่ไหน
สีหน้าของหลิวหงเจียงเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นห้องส่วนตัวห้องนั้น ก่อนที่ภาพอันพร่ามัวนั้นจะปรับโฟกัสได้ เขาก็คำรามเสียงเบาใส่คนข้างหลังว่า “ปิดเครื่อง! ปิดทุกอย่างให้หมด!”
เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ควบคุมวีดีโอได้ยินคำสั่งของหลิวหงเจียง เขาเริ่มทุบกำปั้นลงบนปุ่มหยุดเล่นอย่างแรง แต่ความพยายามของเขาก็สูญเปล่า!
ภาพบนจอยังคงเล่นต่อ และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งหยุดโฟกัสอยู่ที่ใบหน้าของหนึ่งในชายกลุ่มนั้น!
ชายคนนั้นดูคุ้นตาอย่างน่าขนลุก เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลิวหงเจียงนั่นเอง เขาอยู่ในชุดสูทตัวโปรดและกอดผู้หญิงทรงโตท่าทางสำส่อนคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขน พร้อมกับยื่นปากจูบผู้หญิงคนนั้นไปทั่วใบหน้า เขาคงดื่มไปมากพอสมควร เพราะหน้าของเขาเป็นสีแดงระเรื่อ และปัดป่ายมือลูบไล้ไปทั่วร่างของผู้หญิงคนนั้น ดวงตาที่ปรือนั้นทำให้เขาดูหื่นกามอย่างที่สุด ท่าทางภูมิฐานและความสง่างามที่เขาเคยมีหายไปจนหมด พฤติกรรมของเขาไม่น่ามองเลยแม้แต่นิดเดียว
“พระเจ้าช่วย!” นักข่าวที่อยู่ตรงนั้นร้องขึ้นด้วยความตกใจ ในที่สุดหลังจากตั้งสติได้ เสียงรัวชัตเตอร์กล้องก็ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับรีบหันไปถ่ายภาพของหลิวหงเจียงอย่างรวดเร็ว
จริงอยู่ที่หลิวหงเจียงเป็นคนเชิญพวกเขามา และเคยให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายในการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันเป็นข่าวใหญ่ทีเดียว!
รับประกันได้ว่าช่องที่สามารถจับภาพปฏิกิริยาของหลิวหงเจียงจะต้องได้รับเรตติ้งทางโทรทัศน์และพาดหัวข่าวอันน่าตกใจอย่างแน่นอน!
ใบหน้าของหลิวหงเจียงซีดเผือด เขาปรี่ไปที่แผงควบคุมวีดีโอและพยายามกดปุ่มทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่มันก็เปล่าประโยชน์!
ไม่ใช่แค่การกระทำของเขาเท่านั้นที่สูญเปล่า แต่วีดีโอกลับเริ่มมีเสียงดังออกมาอีกด้วย
มันเป็นบทสนทนาที่เขาคุยกับเหล่าลิ่วในคืนที่รถไฟเคลื่อนขบวน เขาให้คำแนะนำกับอีกฝ่ายอย่างเฉพาะเจาะจงว่า “ทุกวันนี้การตรวจสอบของเบื้องบนเข้มงวดขึ้นมากไม่เหมือนเมื่อก่อน นายต้องระวังให้มาก เอายานอนหลับตัวที่แรงกว่านี้ให้เด็กพวกนั้นกินซะ เราจะได้ขนย้ายพวกเขาออกไปได้สะดวกขึ้น…”
นั่นเป็นเสียงของเขา
เขาไม่มีทางปฏิเสธเรื่องนี้ได้
เวลานี้หลิวหงเจียงดูลนลานและตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ามือของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ เขายื่นมือออกไปกระชากเลขาของตัวเองเข้ามาถามว่า “นี่มันอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครแตะต้องอุปกรณ์พวกนี้”
“ผม ผมไม่ทราบครับ” โดยปกติแล้วเลขาคนนี้ตัวติดกับรองผู้กำกับ ดังนั้นเขาจึงตกใจพอๆ กันกับหลิวหงเจียงเมื่อได้เห็นวีดีโอนี้
ข่าวอื้อฉาว!
นี่คือปฏิกิริยาแรกที่บรรดาสาธารณชนมี
เมื่อเทียบกับสิ่งที่อยู่ในวีดีโอ คำพูดก่อนหน้านี้ของหลิวหงเจียงย่อมเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลทั้งเพ แค่นึกถึงสิ่งที่เขาพูด ทุกคนก็รู้สึกคลื่นไส้
หลิวหงเจียงเหมือนไก่ไร้หัว เขาไม่สนใจนักข่าวที่อยู่ในงานแถลงข่าวนี้อีกต่อไป แต่กลับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดหมายเลขบนหน้าจอพร้อมกับตะโกนว่า “ตัดการถ่ายทอดสดเดี๋ยวนี้!”
“รองผู้กำกับหลิว ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยคุณ แต่สิทธิ์ถ่ายทอดสดในอีกครึ่งชั่วโมงจากนี้ถูกคนอื่นซื้อไปแล้ว ในฐานะสื่อมวลชนที่ได้รับการรับรอง ตราบใดที่ไม่มีคำสั่งที่แน่ชัดออกมา ผมก็ต้องทำการเผยแพร่รายการนี้ให้กับคนที่เขาจ่ายเงินมา อย่างไรธุรกิจก็คือธุรกิจ”
เมื่อได้ยินคำตอบนั้น หลิวหงเจียงก็แทบอยากปาโทรศัพท์ลงตรงนั้นทันที!
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครควักกระเป๋าซื้อสิทธิ์ในการเผยแพร่ทั้งหมดไปแบบนี้!
คนที่มีทรัพยากรทางการเงินเป็นจำนวนมหาศาลขนาดนี้คือใครกันแน่!
ใครกันที่ต้องการต้อนให้เขาจนมุม
คนพวกนั้นไม่ได้ถูกขังไปหมดแล้วหรือ
อีกอย่างหนึ่ง พวกเขา… ได้วีดีโอนี้มาได้อย่างไร!
ถ้าพวกเขามีวีดีโอนี้อยู่ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ปล่อยมันออกมา ทำไมต้องรอจนกระทั่งเขาจัดแถลงข่าวก่อน
โหดเหี้ยมเหลือเกิน!
คนพวกนี้มันจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
พวกเขาต้องการให้เขาต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าคนทั้งประเทศหรือ
หรืออยากให้เขาตาย
หลิวหงเจียงรู้สึกชาวาบไปทั้งหัวใจ เขารู้สึกหวาดกลัวจากใจจริงเพราะการถ่ายทอดสดไม่เหมือนกับโลกอินเตอร์เน็ต เขากลัวว่าแม้แต่คนผู้นั้นก็อาจจะไม่สามารถช่วยเขาได้ทันทีที่ภาพนี้เผยแพร่ออกไป
แต่เขานึกไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายหาข้อมูลมากมายเกี่ยวกับตัวเขามาได้อย่างไร และตั้งแต่ตอนไหน
หลิวหงเจียงคงไม่รู้ว่าข้อมูลพวกนี้ถูกองค์ชายแถวนี้บันทึกเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่ไป๋หลี่ซ่างเสียถูกพาตัวมาที่เมืองอวิ๋นกุย แต่เขาไม่ได้ทำอะไรกับมันเพราะการลักลอบค้ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ
ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของหลิวหงเจียงก็คือการจับตัวคนที่เขาไม่ควรจับมานั่นเอง
องค์ชายยึดถือหลักการข้อหนึ่งมาโดยตลอด นั่นคือหลักการที่ว่าใครก็ตามที่ทำให้เขาโมโหย่อมไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกวาดสายตามองภาพที่เกิดขึ้นด้วยท่าทางสง่างามเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏขึ้นบริเวณมุมปากของเขาทำให้เขาดูเหมือนผีดูดเลือดจากภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าที่หลิวหงเจียงต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะองค์ชายแถวๆ นี้นี่เอง
ไป๋หลี่ซ่างเสียไม่มีคำคัดค้านต่อชะตากรรมของหลิวหงเจียง คนที่จับกุมตัวท่านแม่และน้องชายของเขาไปสอบปากคำย่อมสมควรได้รับผลกรรมอันน่าสังเวชนี้
มนุษย์หนอมนุษย์ ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่สกปรกตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขาถึงกับคิดที่จะป้ายความผิดให้กับท่านแม่ของเขาต่อหน้าท่านพ่อ ช่างโง่เขลาไร้สมองเสียไม่มี!
สีหน้าของสองพ่อลูกเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งคนเด็กคนโตต่างก็กระตุกยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินฝ่าฝูงชนกลับไปยังห้องสอบปากคำ
ความแตกต่างเดียวที่มีคือมือของไป๋หลี่ซ่างเสียที่ลากยมทูตสองตนอยู่ข้างหลัง กับท่าทางทรงอำนาจที่เตือนไม่ให้ใครเข้าใกล้เขา คนทั้งสองเหมือนแค่ออกมาเดินเล่นพร้อมกับยมทูตที่เป็นสัตว์เลี้ยง…
ยมทูตพวกนั้นพูดไม่ออก : พวกข้ามาที่นี่เพื่อให้ท่านพามาเดินเล่นหรือ นี่พูดจริงหรือ
สองพ่อลูกเดินออกมาโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ไม่แม้แต่คิดที่จะทำอย่างนั้นเลยสักนิดเดียว
แต่ความวุ่นวายที่พวกเขานำมากลับยังสั่งสมกันอยู่ที่นั่น กลุ่มนักข่าวกรูกันเข้ามาจากทุกทิศทางทำให้หลิวหงเจียงไม่สามารถหนีไปจากที่นั่นได้
“รองผู้กำกับหลิว คุณจะอธิบายวีดีโอนี้ว่าอย่างไรครับ”
“ผู้หญิงที่คุณกอดอยู่คือใครครับ เธอไม่ใช่ภรรยาของคุณใช่ไหม”
“ในฐานะคนเป็นพ่อ คุณไม่กลัวกรรมตามสนองจากสิ่งที่คุณทำหรือคะ”
ในเวลานี้ ไม่ใช่เพียงแค่สถานีโทรทัศน์เท่านั้น แต่แม้กระทั่งเว็บไซต์โซเชียลมีเดียใหญ่ๆ หลายเจ้าก็ยังร่วมถ่ายทอดสดเหตุการณ์อื้อฉาวนี้อีกด้วย
ผู้คนที่สัญจรอยู่บนถนนหนทางต่างก็ชะงักฝีเท้าลง คนจำนวนหนึ่งพากันปัดนิ้วอ่านบล็อกที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งรับชมภาพนั้นผ่านทางหน้าจอ LED ขนาดยักษ์ในห้างสรรพสินค้า เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนต่างอึ้งไปตามๆ กัน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างเร่าร้อน
“ไอ้สารเลวเอ๊ย! เจ้าคนแซ่หลิวนั่นมันต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เสียอีก!”
“ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่ชั่วขนาดนี้อยู่บนโลก นี่มันให้ความร่วมมือกับอาชญากรชัดๆ! แล้วเขายังกล้าโยนความผิดตัวเองให้คนอื่นอีก คนแบบเจ้าหมอนี่สมควรถูกยิงเป้า!”
“มันคงถึงเวลาที่ลูกชายของเขาถูกลักพาตัวบ้างแล้ว เขาจะได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดของการสูญเสียลูกไปซะบ้าง!”
“พวกเราต้องการคำอธิบาย! ไม่มีใครควบคุมหมอนี่ได้เลยเหรอ”
ในที่สุดหลิวหงเจียงก็กลับมาถึงห้องทำงานของตัวเองได้ เขายังมีความหวังว่าจะสามารถใช้เส้นสายเก่าๆ ที่มีมาปกป้องตัวเอง
ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่วานรเจาะระบบป้องกันการแทรกแซงเข้ามาได้ ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะยังไม่ได้ออกมา แต่ปัญหานี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคำสั่งของเธอแม้แต่นิดเดียว
เธอนั่งสั่งการทุกอย่างอยู่ในห้องสอบปากคำราวกับราชินีผ่านทางหูฟังบลูทูธ เวลานี้ไพ่ตายใบที่สามถูกทิ้งลงจากมือแล้ว…