บทที่ 895 จิตใต้สำนึกและวิญญาณหลัก ก้อนหินลำบากมากจริง ๆ!
ม่านหมอกสีเทาซัดสาด ก้อนหินดุดันเหลือคณา
มันชักดาบใหญ่สีเทาเล่มหนึ่งซึ่งหลอมรวมขึ้นจากพลังสีเทา แฝงไว้ด้วยพลังพิเศษบางอย่าง ฟาดฟันออกไปรัว ๆ ด้วยความไร้เทียมทาน!
ต้นหลิวถูกข่มพลัง ก้านหลิวที่ตวัดออกไปถูกตัดทั้งหมด
มันเลิกคิ้วขึ้น เคยถูกก้อนหินอัดเช่นนี้ที่ไหน ไม่เคยเลย!
นี่เป็นครั้งแรก!
ตู้ม!
ก้อนหินลงมืออย่างอำมหิต จู่โจมไปหาต้นหลิวอย่างรวดเร็วโดยไม่ยืดเยื้อ เห็นได้ชัดว่าต้องการจัดการต้นหลิวให้ได้โดยไว
ดาบใหญ่ในมือมันเปล่งประกายสีเทาไม่หยุด แสงทุกสายล้วนสยดสยอง เพียงพอที่จะถล่มทั้งจักรวาลนี้
“เจ้าคิดอะไรอยู่ ข้าคือพี่ใหญ่ ไฉนเลยจะถูกลูกสมุนข่มได้!”
ต้นหลิวเข้ารับการโจมตี เริ่มเผยให้เห็นถึงพลังที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้มันเพียงต้องการหยั่งพลังของก้อนหินเท่านั้น ยามนี้ถึงเริ่มต่อสู้อย่างแท้จริง
มันก่อร่างทวนยาวสีเขียวเล่มหนึ่งด้วยก้านหลิว เปล่งประกายระยับเข้าต่อสู้ดุเดือดกับก้อนหิน
“หืม?!”
ก้อนหินตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าต้นหลิวยังมีพลังซ่อนไว้ แท้จริงแล้วกล้าแกร่งถึงเพียงนี้!
“ขั้นหกตอนปลาย!”
ระหว่างที่ต้นหลิวลงมือ มันก็แน่ใจได้ทันทีว่าพลังของต้นหลิวอย่างน้อย ๆ ก็ต้องอยู่ในขั้นหกตอนปลาย!
ซ้ำยังอาจแข็งแกร่งกว่านั้น อยู่ในขั้นเจ็ด!
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของมันไปนิดหน่อย
“มิน่ามันถึงยำเกรงต่อเจ้ามาตลอด มองว่าพลังที่แท้จริงของเจ้านั้นกล้าแกร่ง ข้าประเมินเจ้าไว้สูงมากแล้ว กระนั้นก็ยังต่ำเกินไป!”
ก้อนหินหัวเราะเสียงเย็น
‘มัน’ ที่ว่าก็คือก้อนหินในอดีต
มันล่วงรู้ทุกอย่างของก้อนหิน ในส่วนลึกความทรงจำของก้อนหิน มองว่าต้นหลิวทรงพลังมาตลอด แม้ต้องการกำราบต้นหลิวมาเป็นลูกสมุน แต่กลับมิกล้าลงมือเสียที
“เจ้ามีความเกี่ยวข้องอันใดกับก้อนหินกันแน่?!”
ต้นหลิวโจมตี ประกายสีเขียวส่องสว่างบนทวนยาว พร้อมแทงไปข้างหน้า
ก้อนหินป้องกันด้วยดาบใหญ่สีเทา ทว่ากันไว้มิได้ ดาบใหญ่สีเทาแหลกสลายตามเสียง ถูกทำลายลงราบคาบ
ทว่าก้อนหินใช่ว่าจะต่อกรด้วยง่าย ๆ อย่างเห็นได้ชัด ม่านหมอกสีเทาแผ่ซ่านออกจากตัวมัน รัดพันทวนยาวไว้ในพริบตาและหยุดยั้งเอาไว้
“เกี่ยวข้องหรือ ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกัน เพียงแต่มันก็คือข้า และข้าก็คือมันเท่านั้น”
เสียงของก้อนหินเย็นชา พลังกล้าแกร่งปะทุ น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง ม่านหมอกสีเทาที่รัดพันทวนยาวบดขยี้ทวนยาวจนแหลกละเอียด!
“พูดจาเหลวไหล หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าจงปล่อยจิตสำนึกของก้อนหินออกมา!”
ต้นหลิวไม่เชื่อ มันสัมผัสได้ว่าจิตสำนึกของก้อนหินถูกข่มไว้ บัดนี้เป็นจิตสำนึกใหม่อย่างแท้จริง
ทว่ามันแน่ใจได้ว่าจิตสำนึกใหม่นี้มีความเกี่ยวข้องใหญ่หลวงกับก้อนหิน
มิฉะนั้น จิตสำนึกใหม่นี้ไม่มีทางข่มจิตสำนึกของก้อนหินลง และควบคุมร่างกายของก้อนหินได้
ขอบเขตแท้จริงของก้อนหินนั้นไม่สูงนัก ทว่าได้ลวดลายที่คุณชายสลักให้ หากไม่ได้เกี่ยวข้องกันใหญ่หลวง จิตสำนึกของก้อนหินย่อมไม่มีทางถูกข่มลงง่าย ๆ
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นลวดลายฝีมือคุณชาย เปี่ยมด้วยพลังมหาศาล ปกป้องจิตสำนึกก้อนหินได้ไม่เป็นปัญหา
อันที่จริง มันสงสัยในเรื่องนี้ตั้งแต่เกิดความผิดปกติกับก้อนหิน
มีลวดลายสลักของคุณชายอยู่ ตามหลักแล้วก้อนหินไม่น่าเกิดเรื่อง กระนั้นมันยังเกิดเรื่อง แปลกมากจริง ๆ
นอกจากนี้ เรื่องที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ยามนี้ลวดลายมิมีพลังใดแผ่ขยายออกมา หม่นหมองไร้ประกาย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
มันไม่เชื่อว่าพื้นที่สีเทาจะน่ากลัวถึงปานนั้น กระทั่งลวดลายฝีมือคุณชายยังข่มได้อย่างสิ้นเชิง
“เจ้าจะไปรู้อะไร ข้าคือวิญญาณ มันคือกายเนื้อ ร่างกายนี้เดิมเป็นของข้าอยู่แล้ว มันเป็นเพียงจิตใต้สำนึกในร่างกายของข้าเท่านั้น!”
ก้อนหินเอ่ย
และวาจาของมันก็ช่วยให้ต้นหลิวเข้าใจอย่างถ่องแท้
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
ในที่สุดต้นหลิวก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจิตสำนึกของก้อนหินถึงถูกกำราบได้อย่างง่ายดาย และเหตุใดลวดลายที่คุณชายสลักถึงไม่มีพลังใดหลุดออกมา
จิตสำนึกนี้คือวิญญาณหลัก ก้อนหินเป็นเพียงจิตใต้สำนึกในร่างกาย พวกมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถึงได้ส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกของก้อนหินได้ง่าย ๆ จนจิตสำนึกของก้อนหินตกอยู่ในภาวะนิทรา
ที่ไม่มีพลังลวดลายหลั่งไหลออกมาก็ไม่ใช่เพราะถูกข่ม แต่คงเพราะไม่เคยถูกใช้มากกว่า
“เจ้าหลี่จิ่วเต้าเดนตาย สลักลวดลายบ้าบออันใดบนตัวข้า ไม่อย่างนั้น ข้าคงจัดการเจ้าได้นานแล้ว!”
ก้อนหินตวาดกราดเกรี้ยว
วิญญาณหลักกลับคืน จิตใต้สำนึกของร่างกายควรคืนกลับเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณหลักทันทีถึงจะถูก
ทว่าเพราะลวดลายเหล่านี้ มันจึงไม่สามารถดึงจิตใต้สำนึกกลับมา
ลวดลายนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่มีผลต่อภายนอก หากแต่ยังมีผลต่อจิตใต้สำนึกอีกด้วย
บนจิตใต้สำนึกมีลวดลายเช่นนี้คอยปกป้องอยู่เช่นกัน
นี่เพราะมันเป็นวิญญาณหลักถึงส่งผลกระทบต่อจิตใต้สำนึกได้โดยตรง สั่งการให้จิตใต้สำนึกหลับใหล ตัวมันรับช่วงร่างกายนี้ต่อ
หากมันไม่ใช่วิญญาณหลัก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับจิตใต้สำนึก เกรงว่าต่อให้นำพลังเข้ามาทั้งหมดก็ไม่ไหว พลังของลวดลายนั้นสยดสยองเกินไป ยากจะกำราบให้ลง
“บังอาจ! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงหยามเหยียดคุณชายเช่นนี้!”
ต้นหลิวโจมตีอีกครั้ง สำแดงวิชามวยไทเก๊ก อานุภาพน่าประหวั่นพรั่นพรึง แฝงไว้ด้วยพลังเกินหยั่ง ปรมัตถ์ของมวยไทเก๊กถูกมันเผยออกมาจนหมด
อันที่จริง หากมันต้องฝึกฝนด้วยตนเองย่อมไม่มีทางครอบครองพลังกล้าแกร่งปานนี้
แน่นอนว่ายังมิใช่ตอนนี้
มันต้องฝึกฝนเป็นเวลานานจึงจะมีพลังกล้าแกร่งขนาดนี้ได้
และที่มันในยามนี้ได้ครอบครองพลังระดับนี้ ล้วนเป็นเพราะคุณชาย!
คุณชายวาดภาพให้มันภาพหนึ่ง เป็นภาพวาดต้นหลิว!
มันไม่อาจเข้าใจได้เลย ฝีมือของคุณชายอยู่ในระดับเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง!
หลังคุณชายวาดภาพให้มันเสร็จ มันก็วิวัฒนาการทันที พลังแต่ละด้านล้วนทวีคูณไม่หยุด!
บัดนี้แล้ว มันยังวิวัฒนาไม่เสร็จ ทุกอย่างดำเนินต่อ มันไม่แน่ใจเลยว่าตนเองสามารถยกระดับขึ้นไปขนาดไหน แล้วได้ครอบครองพลังกล้าแกร่งปานใด
แน่นอนว่าก้อนหินก็รู้เรื่องนี้
ทว่าก้อนหินไม่รู้ว่าวิวัฒนาการเช่นนี้ของมันทรงพลังเพียงใด มันไม่ได้บอกก้อนหิน
ช่วยมิได้ ก้อนหินฝันอยากเป็นพี่ใหญ่มาตลอด ต้องการข่มมันไปเป็นลูกสมุน มันไม่ระแวงก้อนหินได้อย่างไรไหว
หากไม่ป้องกันไว้หน่อย มันต้องเสียเปรียบแน่
“ด้อยความรู้นั้นน่ากลัวจริง ๆ เจ้าและจิตใต้สำนึกนี้ล้วนคิดว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นบันดาลได้ทุกอย่าง เก่งกาจเหลือแสน หารู้ไม่ ทั้งหมดนี้เพียงเพราะพวกเจ้าสายตาคับแคบ มิเคยพานพบผู้เก่งกาจอย่างแท้จริง ถึงได้เกิดความคิดว่าหลี่จิ่วเต้านั้นเก่งกล้าสามารถ!”
ก้อนหินกล่าว “ข้าไม่เหมือนกับพวกเจ้า ข้าเคยเห็นตัวตนผู้ที่ทำได้ทุกอย่างมาแล้วจริง ๆ เกินกว่าที่หลี่จิ่วเต้าจะเทียบได้!”
มันกล่าวต่อ “ที่หลี่จิ่วเต้าทรงพลังได้เพียงนี้ล้วนเป็นเพราะเขาได้รับรากฐานพิเศษมาจากโลกหน้าฉาก และรากฐานพิเศษของโลกหน้าฉากถูกทิ้งไว้โดยท่านผู้นั้น หลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะเทียบกับท่านผู้นั้นได้?! ทาบไม่ติดเลยสักนิด!”
“เจ้าหมายถึงผู้บุกเบิกตนนั้นน่ะหรือ?” ต้นหลิวเอ่ย
ดูท่าก้อนหินคงเป็นหินชั่วช้าจากโลกหลังฉากนั่นจริง ๆ คิดแล้วคงได้รับการชี้แนะจากผู้บุกเบิกตนนั้นจริง และต่อมาก็ยังค้นพบพื้นที่สีเทาจริง
คงเพราะก้อนหินประสบปัญหาบางอย่างในพื้นที่สีเทา ถึงส่งผลให้วิญญาณแยกออกจากร่าง
มันไม่เคยได้พบผู้บุกเบิกท่านนั้น และไม่รู้ว่าผู้บุกเบิกท่านนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ทว่าดูจากที่บรรดาสิ่งมีชีวิตหลังฉากนับถือผู้บุกเบิกท่านนั้นเพียงนี้ ผู้บุกเบิกท่านนั้นคงแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึงอย่างแท้จริง
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่คิดว่าคุณชายจะไม่อาจทัดเทียมผู้บุกเบิกท่านนั้น
ในใจของมัน คุณชายนั้นไร้เทียมทาน เก่งกล้าสามารถไปเสียทุกอย่างจริง ๆ!
มันหูหนวกตาบอดเชื่อใจคุณชายอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้แหละ!
“แน่นอน!”
ก้อนหินกล่าว “ท่านผู้นั้นหว่านเมล็ดแห่งอารยธรรม ชี้นำสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก้าวสู่เส้นทางฝึกตน ผู้ใดเล่าจะเทียบเทียมท่านผู้นั้น ไม่มีเลย!”
“นี่เป็นเพียงความคิดของเจ้า ก้อนหินไม่มีทางคิดเช่นนี้!”
ต้นหลิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“ความคิดของข้าก็คือความคิดของมัน! มันเป็นเพียงจิตใต้สำนึกของข้าเท่านั้น ข้าต่างหากคือวิญญาณหลัก!”
ก้อนหินตวาดเสียงเย็น
“ไม่ ๆ เจ้าไม่มีวันเข้าใจว่าคุณชายมีตำแหน่งเช่นไรในใจเรา”
ต้นหลิวส่ายหัว
จากนั้น มันก็เงยหน้าหันมองก้อนหิน
“เจ้าก้อนหินเส็งเคร็ง เจ้าจะยอมให้มันย่ำยีคุณชายอยู่เช่นนี้หรือ ยังไม่รีบตื่นขึ้นมาอีก!”
มันตะโกนเสียงเข้ม
“น่าขัน เมื่อมีจิตสำนึกวิญญาณหลักอย่างข้าอยู่ เจ้ายังคิดปลุกมันขึ้นมาอีกหรือ จะไร้เดียงสาไปถึงไหน”
ก้อนหินส่งเสียงดูแคลน ย่อมรู้ดีว่าต้นหลิวต้องการอันใด อีกฝ่ายคิดจะปลุกจิตใต้สำนึกของร่างกายนี้
บ้าไปแล้วหรือ!
จะเป็นไปได้อย่างไร!
จิตใต้สำนึกต้องเป็นไปตามบัญชาของวิญญาณหลัก ต้นหลิวฝันเฟื่องเกินไปแล้ว!
ทว่าลมหายใจต่อมาสีหน้ามันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
จิตใต้สำนึกในร่างกายมีทีท่าจะตื่นขึ้นมาจริง ๆ!
“จงนอนเสีย!”
มันออกคำสั่งทันทีด้วยสีหน้าอึมครึม ถ่ายทอดไปยังส่วนลึกของจิตใต้สำนึก
“นอนกับผีอะไร!”
ทว่าคราวนี้ มันล้มเหลว เสียงก่นด่าดังออกจากในร่าง
“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร! นี่เป็นร่างกายของข้า! เจ้าบังอาจย่ำยีคุณชายปานนี้ ข้าจะทุบเจ้าให้ตาย!”
จิตสำนึกที่แท้จริงของก้อนหินตื่นขึ้น
พฤติกรรมเหยียดหยามคุณชายของวิญญาณหลักกระตุ้นมันขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์
ชั่วพริบตานั้น พลังลวดลายตื่นเต็มที่ ม่านหมอกสีเทามากมายถูกบีบเค้นออกมา
ขณะเดียวกัน วิญญาณสองร่างก็เหินออกจากร่างของก้อนหิน
ร่างหนึ่งคือวิญญาณที่แท้จริงของก้อนหิน ส่วนอีกร่างคือวิญญาณหลัก เนื้อตัวเป็นสีเทาทั้งหมด
“ก้อนหิน ขอยกให้เป็นหน้าที่เจ้า คุณชายคือผู้ที่พวกเราศรัทธา ไฉนเลยจะยอมให้มันย่ำยีเช่นนี้ ทุบมันให้ตายเสีย!”
ต้นหลิวกล่าว
“วางใจปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”
วิญญาณแท้จริงของก้อนหินคลี่ยิ้มพลางเอ่ย
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
อีกด้านวิญญาณหลักยังเชื่อไม่ลง รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องเหลวไหล
จิตใต้สำนึกของมันเป็นปฏิปักษ์กับมันอย่างนั้นหรือ
เรื่องบ้าอะไรกัน!
“ไยจึง… เป็นไปไม่ได้! หากมิใช่เพราะข้าชะล่าใจ รู้ไม่เท่าถึง ไฉนเลยจะเสียท่าให้เจ้า?!”
วิญญาณแท้จริงของก้อนหินด่ากราด
ก่อนหน้านี้มันไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร รู้สึกเพียงง่วงงุนจึงหลับไป พลังที่ไหลเวียนในลวดลายหยุดชะงักเพราะเหตุนี้
ตอนนี้มันรับรู้ทุกอย่างแล้ว เป็นเพราะจิตสำนึกของวิญญาณหลักที่ส่งผลกระทบถึงมัน จนมันรู้สึกง่วงงุน
มันประมาทไปจริง ๆ ที่ไม่ได้คิดให้มากความตั้งแต่แรก คิดเพียงว่าตัวมันอยากนอนเท่านั้น
หากครานั้นมันไม่ได้เลินเล่อ ทันทีที่รู้สึกอยากนอนก็ต่อต้านด้วยพลังลวดลาย วิญญาณหลักไม่มีทางสำเร็จ
พลังที่แฝงอยู่ในลวดลายนั้นลบล้างผลกระทบที่วิญญาณหลักมีต่อมันได้อย่างสิ้นเชิง
น่าเสียดายที่มันยังไม่รู้ตัวในครานั้น ไม่ได้พินิจพิเคราะห์ ไม่ได้ใช้พลังลวดลาย
บัดนี้มันกระตุ้นพลังลวดลายเต็มที่ จึงลบล้างผลกระทบจากวิญญาณหลักที่ต่อมันได้ทันที!
แน่นอนว่าแค่ลบล้างผลกระทบจากวิญญาณหลักเท่านั้น ไม่อาจหยุดยั้งวิญญาณหลักได้อย่างแท้จริง จนมิอาจส่งผลกระทบต่อมันได้อีก
วิญญาณหลักยังคงส่งผลกระทบต่อมันได้ทุกเมื่อ สิ่งที่มันทำได้คือตอบโต้ด้วยพลังลวดลายเพื่อลบล้างผลกระทบนั้น ๆ
ถึงอย่างไร มันและวิญญาณหลักก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งมิอาจตัดขาด
จิตสำนึกวิญญาณหลักนั้นเรียกได้ว่าอยู่ทุกที่ในห้วงความคิดของมัน ไฉนเลยจะตัดขาดได้ง่าย ๆ
นอกเสียจากมันสามารถลบล้างจิตสำนึกวิญญาณหลักได้อย่างสมบูรณ์ หรือหลอมละลายจิตสำนึกวิญญาณหลัก เช่นนี้มันจึงจะมีเอกราชอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้รับผลกระทบอีก
“ข้าเป็นหลัก เจ้าเป็นรอง เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า?!”
วิญญาณหลักใจเย็นลงอีกครั้งพลางกล่าว “ภายใต้อิทธิพลของข้า เจ้าไม่มีทางสู้กับข้าได้เลย!”
มันส่งสัญญาณรบกวนก้อนหินไม่หยุด ก้อนหินทำได้เพียงใช้พลังลวดลายลบล้างความคิดที่ส่งผลกระทบต่อมัน ส่วนมันนั้นรีบบุกไปหาร่างกายเพื่อช่วงชิง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ภาวะของก้อนหินลำบากมากจริง ๆ