บทที่ 896 ทุกจิตความคิดกลับมา เริ่มการเคลื่อนไหว!
วิญญาณหลักส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าก้อนหินเกิดความเหนื่อยล้าจนไม่อาจต่อสู้กับมันได้
นี่สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นสำคัญ
มันสามารถส่งผลกระทบต่อเจ้าก้อนหินได้ แต่เจ้าก้อนหินไม่อาจสร้างผลกระทบต่อมัน
ผลคือการทำให้เจ้าก้อนหินตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ วิญญาณนิ่งไม่ขยับ กำลังวุ่นวายอยู่กับการลบล้างผลกระทบเล่านั้น
วิญญาณหลักมาถึงร่างกายอย่างรวดเร็ว ต้องการเข้าสู่ร่างกายเพื่อพากลับออกไป
ตราบใดที่มันสามารถนำร่างกลับไปได้ มันก็จะหลอมรวมวิญญาณผสานเป็นหนึ่ง ทำให้ควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของมันแล้ว การสร้างร่างขึ้นมาใหม่ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด สามารถทำได้ง่าย ๆ
อีกทั้งมันยังได้ปรับแต่งร่างใหม่ของตนเองในพื้นที่สีเทานานแล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังคงใช้งานอยู่
ทว่านี่เป็นร่างกายเดิมของมัน ร่างกายที่เคยได้รับการชี้แนะจากคนผู้นั้น เหนือเกินกว่าที่ร่างใหม่จะนำมาเทียบได้ ความแตกต่างมีอยู่มากจนเรียกได้ว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
มันรวดเร็วยิ่ง เพียงพริบตาก็มาถึงร่างของมัน ส่วนเจ้าก้อนหินที่เป็นวิญญาณที่แท้จริงยังคงนิ่งไม่ขยับ
มันรีบตรงเข้าหาร่างกายโดยไร้ซึ่งความลังเล
ทว่าแสงสีตระการตาอันงดงามกลับขัดขวางมันเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเข้าไปได้
“สมควรตาย เหตุใดจึงต้องขัดขวางข้าด้วย?!”
มันมองไปทางวิญญาณด้วยความโกรธเกรี้ยว
ตามแผนการเดิม มันส่งความคิดอย่างต่อเนื่องพอให้มีอิทธิพลต่อเจ้าก้อนหิน ทำให้เจ้าก้อนหินเหนื่อยล้ากับอิทธิพลเหล่านี้จนไม่อาจใช้พลังลวดลายเพื่อปกป้องร่างเอาไว้ได้ จากนั้นมันก็เข้าสู่ร่างกายแล้วจากออกไปพร้อมร่างกาย
ทว่ามันไม่คาดคิดเลย ถึงแม้เจ้าก้อนหินจะยังยุ่งกับการรับมืออิทธิพลเหล่านั้น แต่ก็ยังสามารถแบ่งจิตมาใช้พลังลวดลายปกป้องร่างกายเอาไว้
“นั่นคือร่างกายของข้า เจ้าหยุดก่อเรื่องวุ่นวายได้แล้ว! เหตุใดข้าจะปล่อยให้เป็นไปตามเจ้าต้องการ!”
เจ้าก้อนหินที่เป็นวิญญาณแท้จริงสบถด่า นี่นับเป็นเรื่องยากลำบากอย่างแท้จริง
ทว่ามันก็ยังคงทำต่อไป ทางหนึ่งรับมือต่อต้านอิทธิผลเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็ควบคุมพลังลวดลายในร่างไม่ปล่อยให้วิญญาณหลักเข้ามา
วิญญาณหลักโกรธมากเสียจนขบฟันแน่น
วิญญาณแท้จริงอย่างเจ้าก้อนหินมีพลังลวดลายอยู่ มันจึงไม่สามารถลงมือโดยตรงกับวิญญาณหลักได้ และก็ไม่อาจลงมือกับร่างกายได้ ไร้หนทางใดแม้แต่น้อย!
“ไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้! ข้าจะขอให้จ้าวแดนธุลีช่วยเหลือ เมื่อถึงยามนั้น พลังลวดลายอันใดนั้นทั้งหมดจะถูกทำลายลง!”
มันคำรามออกมาก่อนถอยกลับไป
ตอนนี้ทำได้แต่เพียงล่าถอย เพราะรั้งอยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์
ตอนนั้นเองต้นหลิวก็เคลื่อนไหว มันยื่นมือออกไป พลันปรากฏพลังอันไร้ที่สิ้นสุดพุ่งออกมา จับวิญญาณหลักเอาไว้ในมืออย่างแน่นหนาไม่ปล่อยให้หนีไป
วิญญาณหลักส่งเสียงกู่ร้องด้วยความเกรี้ยวกราด ระเบิดพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง ต้องการจะหนีให้พ้นจากมือของต้นหลิว
แต่ไม่ว่ามันจะทำสิ่งใดก็ไร้ประโยชน์ ไม่อาจหลุดรอดออกไปได้
สุดท้ายมันก็หยุดดิ้นรนแล้วสงบลง
“ไม่มีประโยชน์ นี่เป็นเพียงหนึ่งร่างจิตสำนึกของข้า โดนเจ้าจับไว้แล้วอย่างไร? หากเจ้ามีความสามารถจริง เช่นนั้นก็มาหาข้าที่แดนธุลี!”
มันหัวเราะเยาะเย้ย ไม่เกรงกลัวสักนิด
ทว่ามันก็ยังรู้สึกตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งของต้นหลิว
ต้นหลิวแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงหนึ่งจิตสำนึก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการอย่างแน่นอน
อย่างน้อยสิ่งมีชีวิตในขั้นที่หกขอบเขตอิสระก็ไม่อาจทำสิ่งใดกับมันได้
ก่อนหน้านี้มันประเมินต้นหลิวต่ำเกินไป ต้นหลิวจะต้องอยู่เหนือขั้นที่เจ็ดขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
“วางใจได้ ต้องไปแน่”
ต้นหลิวกำมือที่จับจิตสำนึกวิญญาณหลักอย่างแรง ทำลายจิตสำนึกนั้นลงไปทันที
“พี่หลิว บอกความจริงกับข้าได้หรือไม่? บอกข้าว่าตอนนี้ท่านแข็งแกร่งเพียงใด?”
หลังจากที่วิญญาณแท้จริงของเจ้าก้อนหินกลับมา ก็เข้าไปหาต้นหลิวทันทีพร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มร่า
“เจ้ายังจะพูดอยู่อีก! ให้เจ้าทุบมันให้ตาย แต่เจ้ากลับทำไม่ได้ สุดท้ายข้าต้องลงมือเอง”
ต้นหลิวถลึงตามองเจ้าก้อนหิน
“เพราะท่านเป็นพี่หลิว ข้าเป็นน้องก้อนหิน!”
เจ้าก้อนหินเอ่ยประจบสอพลอทันที ทั้งยังต้องการรู้ว่าต้นหลิวแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
“หยุดความคิดเจ้าเล่ห์นั้นเสีย ข้าไม่บอกเจ้าหรอกว่าข้าแข็งแกร่งแค่ไหน”
ต้นหลิวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจำเป็นต้องรู้เพียงแค่ข้าเป็นพี่หลิวของเจ้าไปตลอดกาล อย่าได้คิดฝันจะกลายเป็นพี่ใหญ่เอง”
“วางใจได้ ข้าจะเป็นน้องชายของพี่หลิวไปตลอด อืม ทั้งยังเป็นน้องชายตัวน้อย*[1]อีกด้วย!”
เจ้าก้อนหินหัวเราะแหะ ๆ
ทว่าภายในใจของมันไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย
มันคิดว่าต้นหลิวนั่นช่างเป็นโจรขโมยไก่*[2]เสียจริง มักจะซ่อนไพ่ตายเอาไว้เสมอ ไม่ยอมให้เขาได้เห็นถึงเส้นสนกลในที่แท้จริง!
“ไม่คิดเลยว่าตัวข้ายังมีภูมิหลัง ทั้งยังยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!”
เจ้าก้อนหินเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ก่อนหน้านี้มันเคยจินตนาการว่าตนเองมีภูมิหลังความเป็นมา ตอนนี้ทุกสิ่งเป็นจริงแล้ว มันมีภูมิหลังจริง ทั้งยังไม่ใช่เล็ก ๆ
“อืม ภูมิหลังใหญ่ แต่ก็นับว่าไม่มีสิ่งใด”
ต้นหลิวที่อยู่ด้านข้างเอ่ย
หลังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความรู้สึกของเจ้าก้อนหินก็ถูกปัดเป่าหายไป
มันนับว่าไม่มีสิ่งใดจริง มันไม่ใช่ตัวหลัก แต่เป็นตัวรอง
ทว่าก็ไม่สำคัญแต่อย่างใด สุดท้ายมันจะต้องกลายเป็นตัวหลัก มันเชื่อมั่นเช่นนั้น!
“ว่าแต่พี่หลิวรู้หรือไม่ว่าข้ามีความเป็นมาเช่นไร? ทรงพลังมากหรือไม่? เป็นวีรชนผู้เก่งกาจ ไร้เทียมทานในโลกหล้า?”
เจ้าก้อนหินถามต้นหลิวด้วยหน้าตาทะเล้น ต้องการจะรู้อดีตของตนเอง
มันไม่รู้สิ่งใดเลย ความทรงจำทั้งหมดอยู่ที่วิญญาณหลัก ตัวมันเองไม่มีความทรงจำในอดีตแม้แต่น้อย
“อืม ค่อนข้างจะเก่งกาจจริง ๆ แอบเข้าไปในสถานที่ผู้ฝึกตนหญิงอาบน้ำ จากนั้นก็ดื่มน้ำที่ผู้ฝึกตนหญิงใช้ชำระร่างกายจนหมด เหล่าผู้ฝึกตนหญิงกำลังอาบน้ำอยู่ แต่ก็ไม่ชายตามองแม้แต่น้อย ถูกสิ่งมีชีวิตหลังฉากกล่าวว่าสมกับเป็นก้อนหินจริง ๆ ไม่อาจแยกแยะความสำคัญ ทิ้งแตงโมหยิบเมล็ดงา แต่ยังคงกระหยิ่มยิ้มย่องไม่หยุด”
ต้นหลิวกล่าวออกมา ทุกประโยคเสียดแทงเข้าไปในจิตใจ
“อันใดกัน?”
เจ้าก้อนหินร้องไห้ เหตุใดก่อนหน้านี้มันจึงไม่ได้ความถึงเพียงนั้น?
ดื่มน้ำอาบจนหมด!
นอกจากนี้ เหล่าสิ่งมีชีวิตหลังฉากก็กล่าวถูก สมกับเป็นหินจริง ๆ ผู้ฝึกตนหญิงน้อยใหญ่ย่อมต้องสำคัญกว่าน้ำอาบไม่ใช่หรือ?
ทว่ากลับไม่แม้แต่จะชายตามองเสียด้วยซ้ำ!
นี่มันบ้าอันใดกัน!
“ไม่ ถึงแข็งแกร่งเพียงใดทว่าทำเช่นนี้ ย่อมไม่มีชื่อเสียงอันใด ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อเสีย!”
มันอดกล่าวออกมาอย่างคับแค้นไม่ได้
“ขอเวลาให้ข้าสักพักหนึ่ง…”
ต้นหลิวกล่าว “รอหลังจากข้าแข็งแกร่งขึ้น พวกเราค่อยไปยังพื้นที่สีเทาสักครา”
วิญญาณหลักของเจ้าก้อนหินจะต้องน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในพื้นที่สีเทา ด้านในนั้นล้วนต้องยื่นมือช่วยเหลือวิญญาณหลัก
ตอนนี้มันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากก็จริง แต่ยังห่างไกลเกินกว่าจะเอ่ยว่าสยบทั้งพื้นที่สีเทาได้
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของมันยังไม่สิ้นสุด หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอีกครั้ง คงเพียงพอที่จะไปยังพื้นที่สีเทาได้
“ตกลง!”
เจ้าก้อนหินพยักหน้า
วิญญาณหลักจำเป็นต้องถูกจัดการ ไม่เช่นนั้นมันจะต้องทนกับการแทรกแซงและอิทธิพลต่อไปตลอด
“ช่วงนี้เจ้าจำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่อาจถูกควบคุมได้อีกครั้ง”
ต้นหลิวเอ่ยกับเจ้าก้อนหิน
“เข้าใจแล้ว!”
เจ้าก้อนหินตอบรับ
“กลับกันเถิด”
หลังจากนั้นต้นหลิวและเจ้าก้อนหินก็กลับไปยังริมธารน้ำสายเล็ก
…
ภายในจักรวาลโกลาหลแห่งหนึ่ง
“หลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน?!”
หลายร่างที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์มารวมตัวกันกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
พวกเขาล้วนเป็นความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ได้รับผลกระทบจากพลังมืดมิดจึงถูกพระอมิตาภะพุทธเจ้าบังคับสละทิ้งออกไป
หนึ่งในความคิดต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของหลี่จิ่วเต้า ดังนั้นจึงออกเดินทางไปตามจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากความคิดอื่น ๆ
มันได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป การจะไปยังจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ ไม่ใช่เพียงแค่พูดก็ทำได้เลย จำต้องใช้เวลานานอย่างมากในการไปยังจักรวาลโกลาหลแห่งหนึ่งเพื่อพบกับความคิดอีกส่วนหนึ่ง
ด้วยความช่วยเหลือจากความคิดนี้ ทำให้มันฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ไปพบกับความคิดอื่น ๆ อีกหลายความคิด หวังว่าจะรวบรวมพลังเพื่อจัดการกับหลี่จิ่วเต้า
ทว่าเมื่อไปถึงยังอาณาจักรแห่งนั้น ก็ต้องกลับมาด้วยความหวาดผวา
นั่นเป็นช่วงที่สือเฟิงกำลังจัดงานแต่งงาน ปรโลกและปริภูมิเวลามุ่งหน้าเข้ามา แต่กลับถูกหลี่จิ่วเต้าโจมตีจนต้องถอยร่นทั้งหมด
แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับเหล่ายอดฝีมือจากปรโลกและปริภูมิเวลา หากพวกเขาต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ นับได้ว่าเป็นการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง ไม่มีจุดจบอื่นให้เดิน
“ปรโลกและปริภูมิเวลาให้ความสำคัญกับอาณาจักรแห่งนั้นมาก อาณาจักรแห่งนั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่!”
ความคิดหนึ่งเอ่ยออกมา
“ใช่ นี่ยิ่งเป็นการเน้นย้ำพวกเรามากกว่าเดิม พวกเราต้องสยบอาณาจักรแห่งนั้นเพื่อถ่ายทอดหลักธรรม!”
อีกความคิดกล่าว
“น่าเสียดาย หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับพวกเราที่จะจัดการได้!”
หนึ่งความคิดพูดพร้อมถอนหายใจ
หากต้องการจะสยบอาณาจักรแห่งนั้น จำเป็นต้องต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ความแข็งแกร่งที่อีกฝ่ายสำแดงออกมานั้นอยู่นอกเหนือจินตนาการของพวกเขา ทั้งยังห่างไกลเกินกว่าจะรับมือได้
หากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาคงจะต้องลงมือทันทีที่ได้ยินข่าวว่าหลี่จิ่วเต้ากำลังจะจัดงานชุมนุมพ่นใย
ทว่าสุดท้ายตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาก็ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เต็มไปด้วยความหวาดเกรงต่อหลี่จิ่วเต้า
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในชุมนุมพ่นใย พวกเขาล้วนไม่รู้
หลี่จิ่วเต้ากล่าวเอาไว้ว่าสิ่งมีชีวิตในงานชุมนุมพ่นใยไม่ควรเอ่ยเรื่องวุ่นวายกับภายนอก สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็ปิดปากสนิท ไม่บอกผู้ใดสักคน
หากพวกเขารู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นในงานชุมนุมพ่นใย คงไม่กล้ามีความคิดอันใดเช่นนี้ขึ้นอีก
“อามิตาพุทธ ยามมีข้า ฟ้ามลาย ความคิดทั้งหมดจงกลับมา!”
ตอนนั้นเอง ภายในหัวของความคิดต่างมีเสียงดังขึ้นมา หลังจากนั้นทั้งหมดก็กลายเป็นเส้นแสงทะยานไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
นอกจากนี้ความคิดอื่น ๆ ที่ไม่ได้มารวมตัวที่จักรวาลโกลาหลแห่งนี้ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาในหัวเช่นเดียวกัน ต่างกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยความมืดมิดไร้ขอบเขต ไร้ซึ่งเงาแสงสว่างในจักรวาลโกลาหลใด ๆ
ความคิดทั้งหมดที่กลายเป็นเส้นแสงต่างทะยานมาที่นี่
ภายในส่วนลึกของความมืด มีร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิ บนร่างปกคลุมด้วยหมอกดำ ลักษณะเหมือนกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าทุกประการ
ส่วนแสงที่แปลงมาจากเหล่าความคิด ล้วนหายเข้าไปในร่างนั้น
จากนั้นร่างนั้นก็ลืมตาขึ้นมา
มันเป็นความคิดที่แยกออกมาจากความคิดหลักของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ทั้งยังแปดเปื้อนไปด้วยความมืดมิดอย่างหนัก
“พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็สมกับเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้า หาใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาอย่างแท้จริง แข็งแกร่งยิ่งนัก”
มันเปิดปากเอ่ย
แม้จะเป็นความคิดหลักที่ถูกแบ่งแยกออกมา แต่พลังมืดมิดก็ยังคงล้มเหลวที่จะกลืนกินเข้าไปทั้งหมดในทันที จนตอนนี้เพิ่งจะประสบผลสำเร็จ สามารถยึดครองความคิดหลักได้อย่างสมบูรณ์
“หลี่จิ่วเต้าหรือ? น่าสนใจอยู่บ้าง…”
เมื่อความคิดทั้งหมดกลับมา มันก็รู้ทุกเรื่องราว รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้า
“ลองไปดูเสียหน่อย”
มันลุกขึ้นยืน ก้าวออกไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ออกจากสถานที่แห่งนี้ภายในพริบตา ตรงไปยังอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่
ระหว่างทางมันก็เรียกชุมนุมเหล่าสาวกทั้งหมด
ในช่วงที่ผ่านมา เหล่าบรรดาจิตความคิดถูกแยกออกไปยังทุกจักรวาลโกลาหล มีสาวกรวมแล้วจำนวนไม่น้อย
“ไม่นะ ยังต้องกลับไปอีกหรือ?!”
ในบรรดาเหล่าสาวก มีผู้หนึ่งร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียว
เขาเต็มไปด้วยความกริ่งเกรงและหวาดกลัวต่อจักรวาลโกลาหลแห่งนั้น ที่นั่นทำให้หัวใจของเขาพังทลาย
เขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้าหลวง!
“บิดาบุญธรรมจำนวนมากของข้าสิ้นชีพลงที่นั่น…”
เขาร้องไห้ออกมา
ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ บิดาบุญธรรมของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
ทว่ากลับมีจุดจบไม่ดีสักคน!
[1] น้องชายตัวน้อย มาจากคำว่า 小迷弟 ที่แปลว่า แฟนคลับหรือแฟนคลับที่เป็นผู้ชาย อาจเรียกอีกชื่อว่าแฟนบอยก็ได้
[2] โจรขโมยไก่ (鸡贼) หมายถึง เจ้าเล่ห์ คิดเล็กคิดน้อย ตระหนี่