“ยมทูตหรือ ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” เสี่ยวชิงเฉิงพยายามกระโดดลงจากเก้าอี้ แต่มันอยู่สูงจากพื้นมากเกินไป เขาจึงทำได้เพียงแค่หมุนตัวให้หน้าตัวเองหันเข้าหาพนักเก้าอี้แล้วค่อยๆ ย่อนนิ้วลงมาให้ใกล้กับพื้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ช่างดูน่ารักเกินคำบรรยาย
ไป๋หลี่ซ่างเสียเป็นพี่ชายตัวอย่างมาโดยตลอด ดังนั้นถึงไม่บอกก็รู้ว่าเขาย่อมยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยน้องชายตัวเองทันทีที่เห็นอีกฝ่ายพยายามลงจากเก้าอี้
เขาเอื้อมมืออันสั่นเทาออกไปโอบแขนรอบเสี่ยวชิงเฉิงที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย จากนั้นจึงเคลื่อนสายตามองยมทูตสองตนที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ พวกเขาไม่กล้าขยับตัวเลยแม้กระทั่งนิ้วเดียว จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ฉันพาพวกมันมาให้นานยเล่น พวกมันค่อนข้างว่าง่ายทีเดียว มันไม่หนีไปไหนแน่”
ความคิดต่างๆ นานาแล่นเข้ามาในสมองของยมทูตเหล่านั้นระหว่างที่พวกเขากำลังรอสบโอกาสที่จะหนี แต่โอกาสที่ว่านั่นกลับไม่เคยมาถึง พวกเขาไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำเพราะเด็กชายเอาแต่จับตาดูพวกเขาเขม็ง!
แต่เด็กคนนี้กลับดูเหมือนองค์ชายตัวน้อยๆ ยิ่งกว่านั้นตาของเขาก็ยังเป็นสีดำ ดังนั้นบางทีเขาอาจจะไม่ชอบเล่นกับยมทูตก็เป็นได้ ล้อเล่นหรือเปล่า จะมีเด็กคนไหนนอกจากองค์ชายปีศาจตัวน้อยที่เห็นพวกเขาเป็นแค่ของเล่นอีก หึ มิหนำซ้ำเขายังกล้ายกพวกเขาให้คนอื่นอีก…
“มียมทูตแค่สองตนหรือ แค่สองตนจะไปสนุกอะไร”
ประเดี๋ยวก่อน ประเด็นมันอยู่ที่จำนวนหรือ
สองตนไม่พอหรือ
ถ้าอย่างนั้นท่านคิดจะจับพวกเขามาเล่นอีกกี่ตนหรือ!
ก่อนที่บรรดายมทูตจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น เสี่ยวชิงเฉิงก็ใช้เท้าเล็กๆ ของตัวเองเดินเข้ามาหาพวกเขา เขาย่อตัวลงแล้วใช้มือจิ้มศีรษะของพวกเขา จากนั้นจึงให้คะแนนอย่างไม่มีใครขอว่า “สารรูปดูไม่ได้เอาเสียเลย”
ยมทูตเหล่านั้นถึงกับพูดไม่ออก นี่มันต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้ลิบลับ! ทำไมเด็กที่ดูว่านอนสอนง่ายคนนี้ถึงได้มีมาตรฐานสูงขนาดนี้! อีกอย่าง พวกเขายังงดงามไม่พออีกหรือ ทุกครั้งที่มนุษย์เห็นพวกเขา คนพวกนั้นต่างก็ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาเชียวนะ!
“สองคนนี้หน้าตาอัปลักษณ์จริงอย่างที่ว่า คราวหน้าฉันจะจับตัวที่หน้าตาดีกว่านี้มาให้ก็แล้วกัน” ไป๋หลี่ซ่างเสียตอบหน้านิ่ง จากนั้นจึงใช้เรี่ยวแรงมหาศาลของตัวเองกระตุกร่างของสองยมทูตเข้ามา เชือกเส้นนั้นรัดแน่นขึ้นจากการกระตุกเพียงครั้งเดียว
ความหวังที่จะหนีไปจากที่นี่ของสองยมทูตพังทลายเพราะเดิมทีพวกเขาคิดว่าถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกมนุษย์ เขาจะต้องยอมปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องหมดหวัง เพราะว่าตอนนี้…
เสี่ยวชิงเฉิงจับร่างของยมทูตทั้งสองไว้ในมือทั้งสองข้าง พละกำลังในฝ่ามือเล็กๆ ของเด็กชายนับว่าสูสีกับของไป๋หลี่ซ่างเสียเลยทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่ซ่างเสียไม่สนใจแม้แต่นิดเดียวว่าเสี่ยวชิงเฉิงจะเล่นกับพวกเขาอย่างไร เขากลับเพียงแค่ช่วยพับแขนเสื้อให้น้องชายเท่านั้น หลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เขาจึงก้มหน้าน่ารักราวกับเทพบุตรตัวน้อยของตัวเองลงแล้วเอ่ยว่า “ไปหาท่านแม่กันเถอะ”
“ตอนนี้เราออกไปได้แล้วหรือ” เสี่ยวชิงเฉิงรู้วิธีรับมือกับผลที่ตามมาดีกว่าเขา
ไป๋หลี่ซ่างเสียเป็นคนเผด็จการมาแต่ไหนแต่ไร “ได้อยู่แล้วสิ ข้างนอกมีคนอยู่ไม่มาก มีแค่สองคน แต่ฉันก็จัดการอัดจนสลบไปแล้ว”
ทีแรกเสี่ยวชิงเฉิงเคยคิดอยากเก็บปีศาจน้อยตัวนี้ไว้เป็นสัตว์เลี้ยง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าปีศาจน้อยจะกลับกลายเป็นพี่ชายของเขาไปได้ และพี่ชายคนนี้ก็ยังพึ่งพาได้อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องกังวลตราบใดที่เดินตามเขา
เด็กชายทั้งสองสาวเท้าออกเดิน คนตัวโตกว่าจับมือคนตัวเล็กกว่า ส่วนมือที่ว่างอีกข้างหนึ่งนั้นก็จูงยมทูตสองตนตามหลังมาด้วย ระหว่างทางไปยังจุดหมายปลายทางนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พวกเขา แม้กระทั่งภูตผีวิญญาณก็ยังรักษาระยะห่างไว้
ไม่มีใครมุ่งหน้าไปทางเดียวกับพวกเขานอกจากถังเส่า
ชายหนุ่มอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารเหมือนปกติ เขาสังเกตเห็นแล้วว่ามีตำรวจนอนหมดสติอยู่กับพื้น แต่กลับทำเพียงเอียงศีรษะและจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มทันทีที่เห็นเด็กชายตัวน้อยทั้งสอง ก่อนจะยักคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเมื่อสบตาเข้ากับดวงตาสีแดงเลือดของไป๋หลี่ซ่างเสีย
คนที่มีปฏิกิริยาคนแรกไม่ใช่ไป๋หลี่ซ่างเสีย แต่กลับเป็นยมทูตสองตนที่งอตัวอยู่ด้านหลัง พวกเขามองถังเส่าตาโต ความรู้สึกเหลือเชื่ออัดแน่นอยู่ภายในใจ
คนคนนี้เป็นมนุษย์จริงๆ หรือ
ทำไมเขาถึงมีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงได้ถึงขนาดนี้
เขาเป็นมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างมากมาย เขากลับยังสามารถรักษาคุณธรรมในจิตใจเอาไว้ได้ มิหนำซ้ำมันยังแข็งแกร่งจนไม่มีความชั่วร้ายใดจะทะลวงเข้าไปได้อีกด้วย คนประเภทนี้มักจะน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก!
มนุษย์น่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของยมทูต ไป๋หลี่ซ่างเสียจึงเงยหน้าขึ้นมองถังเส่า ดวงตาของเขาลึกล้ำยากหยั่งถึง
หลังจากนั้นเขาจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็นถังเส่า แล้วพาเสี่ยวชิงเฉิงเดินต่อ
ริมฝีปากของถังเส่ากระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันซุกซนขณะสูบบุหรี่เข้าปอด แล้วเดินตามหลังทั้งสองไป
นี่คือภาพที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นทันทีที่ประตูห้องสอบปากคำของเธอเปิดออก นอกจากลูกชายสุดที่รักทั้งสองแล้ว ที่ด้านหลังของพวกเขาก็ยังมีถังเส่ายืนอยู่อีกด้วย
การปรากฏตัวของถังเส่าไม่ได้ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะอย่างไรเธอก็เป็นคนขอให้ถังเส่ามาเก็บกวาดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องมีในทุกภารกิจ
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกไม่ถึงว่าเขาจะมาที่นี่พร้อมกับเด็กน้อยทั้งสอง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วใส่ถังเส่า
ถังเส่าใช้นิ้วขยี้บุหรี่ แล้วตอบอย่างสบายๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันได้ยินมาว่าเธอมีลูกชายคนเดียว แล้วอีกคนนี่ใครเหรอ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงสงบเยือกเย็นขณะยื่นมืออกไปดึงไป๋หลี่ซ่างเสียกับเฮ่อเหลียนชิงเฉิงเข้ามากอด “พวกเขาเป็นลูกฉัน”
“ตาสีแดง ผิวขาวจนซีด” ถังเส่าดับบุหรี่แล้วทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้อย่างไม่แยแส “ผีดูดเลือดหรือ”
“ปีศาจ” ไป๋หลี่ซ่างเสียตอบอย่างเย็นชา
ถังเส่าส่งเสียง “อ้อ” ออกมาครั้งหนึ่งเป็นการตอบรับ ก่อนจะหัวเราะตามมา “เวยเวย สรุปว่าผู้ชายคนที่เธอนอนด้วยเป็นปีศาจหรอกเหรอ เขาก่อความวุ่นวายซะใหญ่โต ทั้งยังถึงกับใช้เครื่องบินมาตามหาเธอด้วย เขาไม่พอใจกับทักษะบนเตียงของเธอหรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สามารถสรรหาคำพูดใดมาตอบคำถามนั้นได้ จู่ๆ เธอก็รู้สึกขึ้นมาว่าอันธพาลที่ไม่ได้รับการต้อนรับจากสังคมยังพูดจารื่นหูยิ่งกว่าถังเส่าเสียอีก ทุกคนล้วนแต่ดูน่ารักขึ้นมาทันตาเมื่อเทียบกับเขา
ไป๋หลี่ซ่างเสียหันกลับไปมองเสี่ยวชิงเฉิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ สรุปแล้วทุกคนต่างก็พูดถึงท่านพ่อของเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เคยนอนกับท่านแม่เท่านั้น
เสี่ยวชิงเฉิงยกมือขึ้นกุมศีรษะเหมือนคนปวดหัว เขามองไป๋หลี่ซ่างเสียแล้วพูดเสียงลอดไรฟันว่า “เวยเวยคนสวยชอบคิดว่าตัวเองเป็นประธานจอมเผด็จการอยู่เรื่อย นายรู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร”
ไป๋หลี่ซ่างเสียพยักหน้า เขายังเด็กก็จริง แต่เขาก็เคยดูละครน้ำเน่าไร้หัวคิดพวกนั้นมาก่อน ดังนั้นถ้าพิจารณาจากการปฏิบัติตัวของท่านพ่อแล้ว เขาก็พอจะเข้าใจว่าทำไมท่านแม่ถึงได้คิดไปเองเช่นนั้น หรือพูดอีกอย่าง สาเหตุของมันมาจากความหน้าด้านเกินไปของท่านพ่อนั่นเอง
แต่… ไป๋หลี่ซ่างเสียมองถังเส่าตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผู้ชายคนนี้เป็นใคร
ดูเหมือนเขาจะรู้จักท่านแม่ดีทีเดียว
ถ้าท่านพ่อรู้ว่าท่านแม่สนิทสนมกับคนอื่นนอกจากเขา ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่ดีแน่
แต่จากนิสัยของท่านพ่อแล้ว เขาย่อมไม่ยอมปล่อยให้ท่านแม่ทำในสิ่งที่เธอไม่ชอบ
มนุษย์คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูแตกต่างไปจากมนุษย์ธรรมดา เขาดูมีสติปัญญาชาญฉลาดและไม่ใช่คนที่จะสามารถหาเรื่องได้ง่ายๆ…
แน่นอนว่าถังเส่าย่อมสังเกตเห็นว่าไป๋หลี่ซ่างเสียกำลังวิเคราะห์เขาอยู่ในใจ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาเอาไว้ตอนที่เงยหน้าขึ้นกลับเป็นร่างที่กำลังสาวเท้าเดินเข้ามาจากทางด้านหลังของไป๋หลี่ซ่างเสีย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่นเอง
ผู้ชายทั้งสองดูดีพอๆ กัน ต่างคนต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
มองเพียงปราดเดียว ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เดาออกทันทีว่าคนคนนี้คือใคร
เขาคือชายคนที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง และแม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังรู้สึกว่าหมอนี่เป็นเสี้ยนหนามในสายตาอย่างมาก
แต่ประมุขแห่งความชั่วร้ายอย่างเขาย่อมไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา เขาทำราวกับว่าถังเส่าไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำขณะที่เดินผ่านเขาไป แล้วใช้มือโอบรอบเอวของเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้พร้อมกับจูบหน้าผากของเธอ รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้านั้นระหว่างที่เขาเอ่ยขึ้นว่า “จบเรื่องแล้ว ไปกันเถอะ”