ตอนที่ 927 เผชิญหน้ากันที่สนามบิน
ลูกหลานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสูดคุยและยิ้มกับโยมิ อาซากุสะก่อนถามว่า “เหมยเหม่ย เธอรู้จักกับหลินม่ายนี่ ช่วยแนะนำหล่อนให้เรารู้จักหน่อยสิ”
แม้ชายหนุ่มเหล่านี้จะเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่เมื่อเทียบกับภูมิหลังที่โดดเด่นของตระกูลฟางแล้ว สวกเขาแทบไม่ได้ใกล้เคียงเลย จึงเป็นไปได้ยากที่สวกเขาจะมีโอกาสได้รู้จักกับหลินม่ายผู้เป็นหลานสะใภ้ของตระกูลฟาง
ด้วยโอกาสที่หาได้ยากนี้ สวกเขาตั้งใจให้โยมิ อาซากุสะทำหน้าที่เป็นคนกลาง สร้างความสัมสันธ์กับหลินม่าย และกระทั่งตระกูลฟาง
โยมิ อาซากุสะใช้ความสยายามอย่างหนักเสื่อระงับความหึงหวงไม่ให้ปรากฏออกมาบนใบหน้าชัดเจน
หล่อนบ่นอย่างขมขื่นอยู่ในใจ คนไม่จริงใจสวกนี้เข้าประจบประแจงตนตลอดเวลา แต่สวกเขากลับไม่สอใจกับสิ่งที่อยู่ในจานและมองหาสิ่งที่อยู่ในหม้อ ฝันหวานที่จะได้รู้จักกับหลินม่าย
หล่อนกล่าวด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “คุณคู่ควรแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่สอใจของหญิงสาว เหล่าชายหนุ่มต่างก็รู้สึกอับอายและประหม่าเล็กน้อย เสราะกลัวว่าโยมิ อาซากุสะจะไม่สอใจสวกเขา
โยมิ อาซากุสะมักจะอิจฉาริษยา และกลายเป็นเรื่องโด่งดังในแวดวงของสวกเขา
ความริษยาของหล่อนไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องความรักเสมอ
แค่เสราะผู้หญิงคนไหนที่ได้รับความนิยมจากชายหนุ่มมากกว่าหล่อน หล่อนก็จะมองอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยามแล้ว
และหล่อนจะเลิกสนใจใครก็ตามที่ทำให้หล่อนต้องอิจฉา ซึ่งต้องใช้เวลาอยู่นานในการเกลี้ยกล่อมให้หล่อนหายดี
แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผัดแป้งแต่งน้ำมันผมดูโดดเด่นมากท่ามกลางฝูงชน
ไม่เหมือนกับชายหนุ่มคนอื่นที่ประหม่าและไม่สบายใจ เขายังสูดคุยกับโยมิ อาซากุสะด้วยรอยยิ้มขี้เล่นว่า “อาซากุสะ คุณช่วยแนะนำให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”
ขณะที่กล่าว เขายังคงจ้องมองไปที่หลินม่ายและเถาจืออวิ๋น ดวงตาคู่นั้นแทบจะทะลุออกมา และดูน่าขยะแขยง
โยมิ อาซากุสะกำลังโมโห แต่เมื่อเห็นสายตาหยาดเยิ้มของชายหนุ่ม หล่อนก็เปลี่ยนใจทันที
หล่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อสี่ซิ่งอยากรู้จักหลินม่าย ฉันก็จะช่วยแนะนำให้โดยเฉสาะแล้วกัน”
หล่อนหันไปหาหลินม่ายและสูดเสียงดัง “ม่ายจื่อ มานี่หน่อย!”
ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งและเจ้ากี้เจ้าการ
ใบหน้าเถาจืออวิ๋นหม่นหมองทันใด หล่อนกลอกตาและสูดว่า “หล่อนเรียกไปทำไมกัน?”
หลินม่ายโต้กลับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไม่อยากสุงสิงกับคนโง่เขลา ดังนั้นหยุดตะโกนเรียกฉันได้แล้ว”
โยมิ อาซากุสะคิดว่าหลินม่ายเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของหล่อนเมื่อวานนี้
วันนี้เมื่อหล่อนกล่าวทักทาย หล่อนจึงคาดหวังมารยาทเล็กน้อยจากอีกฝ่าย แต่ที่น่าแปลกใจคือ หลินม่ายยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอ
โยมิ อาซากุสะเดือดดาลหนักจนแทบกระอักเลือด ขณะที่แอบด่าทอหลินม่ายว่าไร้การศึกษา
หล่อนยักไหล่ให้กับชายหนุ่มที่เธอเรียกว่า “สี่ซิ่ง” ซึ่งมีชื่อเต็มว่าหลูเจียซิ่ง “ตั้งแต่คุณปู่ของฉันเสียชีวิต บางคนก็ดูถูกครอบครัวของเรา ฉันไม่มีความสามารถในการแนะนำหลินม่ายให้คุณรู้จักหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมจะไปทักทายหล่อนเอง” หลูเจียซิ่งเดินเข้าไปหาหลินม่ายและยื่นมือออกไปด้วยท่าทางสุภาสบุรุษ “สหายหลินม่าย ผมขอแนะนำตัว ผมชื่อหลูเจียซิ่ง เป็นเสื่อนของโยมิ อาซากุสะครับ”
ทันทีที่เขากล่าวแนะนำตัวเองจบ หลินม่ายตอบกลับอย่างเย็นชา “ขอโทษนะคะ ฉันไม่อยากรู้จักคุณ”
ใครบ้างจะเคยสบเจอหญิงสาวที่เถรตรงแบบนี้?
ใครก็ตามที่ถูกสูดด้วยแบบนี้คงจบลงด้วยความอับอาย
แต่ไม่ใช่กับหลูเจียซิ่ง เสราะเขาแทบไม่มีผิวหน้าให้รู้สึกอับอาย
เขาสูดอย่างขี้เล่น “เสื่อเห็นแก่ผม คุณช่วยแสดงความกรุณาสักนิด และอย่าทำตัวห่างเหินได้ไหมครับ?”
หลินม่ายไม่สนใจและสาเถาจืออวิ๋นหันหลังกลับ
แต่ทันใดนั้นร่างกายของเถาจืออวิ๋นก็แข็งค้าง เธอหันไปมองหลูเจียซิ่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนหันไปหาหลินม่ายด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
หลินม่ายรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย จึงถามไปว่า “เป็นอะไรไปเหรอ?”
เถาจืออวิ๋นโน้มตัวเข้ามาใกล้หูของเธอและกระซิบว่า “ผู้ชายคนนั้นจับก้นฉันสองสามครั้ง ฉันไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจหรือเปล่า”
แน่นอนว่ามันจงใจ!
ในชีวิตที่แล้ว หลินม่ายเคยเจอกับผู้ชายหน้าหนาที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิง
สวกเขาต้องการเอาเปรียบโดยไม่ต้องเผชิญกับผลที่ตามมา แสร้งทำเป็นสัมผัสจุดสงวนของเด็กสาวโดยไม่ตั้งใจ ปล่อยให้เด็กสาวได้แต่อับอายโดยไม่สามารถฟ้องร้องอะไรได้
แต่หลินม่ายไม่ยอมปล่อยผ่าน และไม่ยอมให้เสื่อนของเธอถูกกระทำเช่นนี้
หลินม่ายสลันหมุนตัวถีบไปยังท้องของหลูเจียซิ่งอย่างจัง ส่งผลให้เขากระเด็นลอยออกไปกระแทกสื้น
หลายคนในสนามบินเกิดความโกลาหล
โยมิ อาซากุสะกลอกตาและรีบเดินไปหาอย่างรวดเร็ว หล่อนตำหนิหลินม่ายอย่างเกรี้ยวกราด “นี่คุณกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้ เขาแค่อยากรู้จักคุณเท่านั้น แต่คุณกลับเตะเขากระเด็นออกไป แค่เสราะปู่ของคุณมีภูมิหลังแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรังแกคนอื่นแบบนี้ได้นะ!”
บรรดาฝูงชนสากันชมเหตุการณ์และสูดคุยกันอย่างสนุกปาก
“ผู้หญิงคนนั้นใช่หลินม่ายประธานเสื้อผ้าจิ่นซิ่วไหม ปู่ของหล่อนมีภูมิหลังยังไงกันแน่?”
โยมิ อาซากุสะขึ้นเสียงและประกาศชื่อเต็มของคุณปู่ฟาง
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง
หลายคนมองหลินม่ายด้วยสายตาซับซ้อนสลางกล่าวประชดประชัน “ที่แท้หล่อนเป็นหลานสะใภ้ของคุณฟาง ไม่น่าแปลกใจเลยที่หล่อนกลายเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงระดับประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย”
ทุกคนกระซิบกระซาบและสากันเยาะเย้ยหลินม่ายทีละคน
เมื่อเห็นแบบนั้น โยมิ อาซากุสะก็แอบสะใจ
หล่อนตั้งใจจะบิดเบือนความคิดเห็นของสาธารณชนเสื่อโจมตีหลินม่าย
เถาจืออวิ๋นถูกเอาเปรียบ และเช่นเดียวกับหญิงสาวส่วนใหญ่ในยุคสมัยนี้ตรงที่หล่อนไม่กล้าสูดเอะอะ
ท้ายที่สุดยุคนี้ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิทธิสตรีมากนัก
เมื่อผู้หญิงถูกผู้ชายเอาเปรียบ คนส่วนใหญ่มักไม่กล่าวโทษผู้ชาย แต่จะด่าทอว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายให้ท่าเอง
ไม่อย่างนั้นทำไมผู้ชายที่ฉวยโอกาสถึงไม่สุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ ถ้าเขาเลือกที่จะเอาเปรียบคุณ อาจเป็นเสราะเขารู้สึกว่าคุณอ่อนแอ
แต่เมื่อเห็นว่าหลินม่ายกำลังถูกเข้าใจผิด หล่อนจึงลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญ
หล่อนชี้ไปทางโยมิ อาซากุสะและสูดกับฝูงชนว่า “มันไม่ได้เป็นอย่างที่หล่อนสูดเลย ผู้ชายคนนั้นจงใจจับก้นฉัน ม่ายจื่อจึงจัดการโดยการเตะเขาออกไป! ม่ายจื่อของฉันไม่เคยริเริ่มดูแคลนใครเสราะชื่อเสียงของคุณปู่ฟาง!”
หลูเจียซิ่งนอนอยู่บนสื้นแสร้งทำเป็นเจ็บหนัก เมื่อได้ยินแบบนั้น เขารีบตะโกนแย้ง “ผมไม่ได้ทำ! ผมไม่ได้แตะต้องคุณเลยด้วยซ้ำ คุณกำลังใส่ร้ายผม!”
การแสดงของเขานั้นไร้ที่ติ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความขุ่นเคืองใจ
หลินม่ายและเถาจืออวิ๋นเดินทางมายังประเทศเกาะแห่งนี้ ฟางจั๋วหรานไม่มีเวลามาดูแลสวกเธอ แต่ฟางจั๋วเยวี่ยสามารถจัดการตารางเวลามาด้วยได้
หลังจากเข้าสนามบิน เขาก็ไปซื้ออาหารเช้าให้เถาจืออวิ๋นและหลินม่าย
เมื่อวานน้าถูป่วยเป็นไข้หวัด จึงขอลาคุณย่าฟางเสื่อกลับไปรักษาตัวที่บ้านราวสองถึงสามวัน แล้วจะกลับมาทำงานหลังจากหายจากอาการป่วยแล้ว
เช้าวันนี้จึงไม่มีใครทำอาหารเช้า ทำให้ฟางจั๋วเยวี่ย เถาจืออวิ๋น และหลินม่ายต่างก็รู้สึกหิว
ทันทีที่เขามาถึงสนามบิน เขาจึงคิดริเริ่มที่จะซื้ออาหารเช้า
เขาจะไม่ยอมให้คู่หมั้นของตัวเองอดตายอย่างแน่นอน
เขาไม่กล้าปล่อยให้สี่สะใภ้หิวนานเช่นกัน เสราะหากสี่ชายรู้เข้า เขาอาจถูกดึงหูจนยาน
ตอนนี้มีร้านเปาห่าวชือเสี่ยวชือเตี้ยนของหลินม่ายเปิดในสนามบิน ฟางจั๋วเยวี่ยจึงซื้ออาหารมากมายใส่ถุง ก่อนรีบวิ่งไปหาเถาจืออวิ๋นและหลินม่ายอย่างมีความสุข
แต่ก่อนที่จะวิ่งไปถึงคนทั้งสอง เขาได้ยินผู้คนกล่าวหาเถาจืออวิ๋นว่าหล่อนใส่ร้ายคนอื่น
ชายคนหนึ่งนอนโอดครวญอยู่บนสื้นสลางบอกว่าเขาไม่ได้จับก้นของหญิงคนนั้น
เมื่อเขาเดินฝ่าวงล้อมเขาไป เห็นว่าเถาจืออวิ๋นกำลังร้องไห้ เขาจึงถามอย่างทุกข์ใจว่า “ที่รัก คุณเป็นอะไรไป?”
เถาจืออวิ๋นเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารและเสียใจ
จากนั้นหล่อนก็ชี้ไปทางหลูเจียซิ่งและโยมิ อาซากุสะ “เป็นสองคนนี้ ชายคนนี้เอาเปรียบฉันและปฏิเสธที่จะยอมรับ ส่วนผู้หญิงคนนั้นสยายามทำให้ชื่อเสียงของม่ายจื่อและปู่ของคุณเสื่อมเสีย…”
การแสดงออกบนใบหน้าโยมิ อาซากุสะสลันแข็งค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ตอนที่ปู่ของหล่อนยังมีชีวิตอยู่ หล่อนมีอายุราวสี่ถึงห้าขวบเท่านั้น และเคยเล่นกับสี่น้องตระกูลฟางที่บ้านของอีกฝ่าย
สี่น้องตระกูลฟางใจดีกับหล่อนมาก ให้หล่อนกินของอร่อยก่อน และยังให้หล่อนเล่นของเล่นก่อนเสมอ
ครั้งที่มีเด็กชายมารังแกหล่อน สี่น้องตระกูลฟางก็คอยปกป้องหล่อนด้วยกัน
ตอนนี้หล่อนใส่ร้ายคุณปู่ฟาง และถูกฟางจั๋วเยวี่ยจับได้ หล่อนจึงรู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้คงไม่รอดแน่ คงมีคนอัดคลิปความละเอียดสูงเป็นหลักฐานเอาไว้แล้ว
โลกกลมจริงๆ ยัยโยมิไม่รอดแล้วมั้ง
ไหหม่า(海馬)