บทที่ 904 ลั่วสุ่ยแย้มยิ้ม คุณชายช่างปากไม่ตรงกับใจอยู่บ้าง!
คิ้วของบิดาปิงหนิงขมวดมุ่น เดิมทีเขาคิดว่าเพียงใช้เวลาระยะหนึ่งก็น่าจะเข้าใจข้อห้ามได้อย่างแน่นอน จากนั้นก็สามารถฝ่าเข้าไปได้
แต่เมื่อเขาพินิจอย่างละเอียดก็ต้องตกตะลึง
สมบูรณ์แบบ!
ไม่มีจุดบกพร่องสักประการ!
แม้ว่าเขาจะศึกษาเกี่ยวกับข้อห้ามมานับร้อยล้านปี ความสำเร็จบรรลุถึงระดับสูงสุดอันไม่อาจจินตนาการได้ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้อห้ามเหล่านี้แล้ว เขาก็ยังทำได้เพียงถอนหายใจ
“ฝีมือผู้ใดกัน? น่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว ข้าอยากสนทนากับคนผู้นี้จริง ๆ!”
เขาทอดถอนใจออกมา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบนโลกนี้จะยังมีบุคคลเช่นนี้ดำรงอยู่ วางข้อห้ามได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่พบจุดบกพร่องแม้แต่น้อย
มีเรื่องน่าเหลือเชื่อถึงเพียงนั้นด้วยหรือ?
บิดาของหนานกงอวี่ หนานกงเจิ้นเทียน ไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง
เนื่องจากตามการคาดเดาของเขาแล้ว ข้อห้ามเกิดการเปลี่ยนแปลงอาจเกี่ยวข้องกับซี อนุชนรุ่นเยาว์เช่นซีจะมีความสำเร็จด้านข้อห้ามที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“ไม่มีวิธีจริง ๆ หรือ?”
เขาเอ่ยถามบิดาของปิงหนิง ปิงหยวน
ปิงหยวนส่ายหัวกล่าวออกมา “นอกจากใช้พลังหักทำลายแล้วก็ไร้หนทาง ถึงอย่างไรข้าก็ทำไม่ได้”
สีหน้าหนานกงเจิ้นเทียนมืดครึ้ม ไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องราวจะยุ่งยากเพียงนี้
ใช้พลังหักทำลาย?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
ข้อห้ามนั้นถูกปรับปรุงให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หากใช้พลังหักทำลาย ลานเต๋าจะต้องได้รับความเสียหายอย่างหนัก สิ่งมีชีวิตที่ฝึกฝนอยู่ภายในมีโอกาสตายตกไปมากกว่าครึ่ง
“เช่นนั้นก็เฝ้าดูเสีย”
เขาเรียกยอดฝีมือตระกูลหนานกงมา สั่งให้คอยเฝ้าดูอยู่ที่นี่
แผนผังแปดทิศไม่ใช่สิ่งเล็ก ๆ แต่นับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของตระกูลหนานกง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจสูญเสียไปได้ เขาจะต้องนำมันกลับคืนมา
“ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่ด้วยตนเอง”
ปิงหยวนกล่าว เขาต้องการสนทนากับยอดฝีมือด้านข้อห้ามจริง ๆ
เขารู้สึกว่าหากตนเองได้สนทนาลงลึกกับยอดฝีมือด้านข้อห้ามเช่นซี เขาจะต้องได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน ทำให้เดินไปบนเส้นทางด้านข้อห้ามได้มากยิ่งขึ้น
หนานกงเจิ้นเทียนปวดหัว ภายในใจเกิดความรู้สึกไม่ดี
ปิงหยวนหมกหมุ่นอยู่กับข้อห้ามเป็นอย่างมาก หากรอจนซีออกมาแล้ว ปิงหยวนกับซีสนทนากันได้ลงคอแล้วร่วมมือกันจะเป็นเช่นไร?
“นางเอาชนะบุตรีของเจ้า ทำให้หทัยเต๋าเสียหายอย่างหนัก ทั้งยังขับไล่บุตรีของเจ้าออกจากแดนมงคล เจ้าอย่าได้ลืมเรื่องนี้”
เขาเอ่ยกับปิงหยวน ย้ำเตือนว่าซีคือศัตรูของพวกเขา
“เป็นเพียงเรื่องเล็ก ไม่ได้นับเป็นเรื่องเลวร้ายอันใด” ปิงหยวนเอ่ยค้าน
“ท่านพ่อ!”
ปิงหนิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
นางต้องเผชิญกับความคับข้องใจใหญ่โตถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านพ่อถึงเอ่ยว่าเป็นเพียงเรื่องเล็ก?
บิดากำลังหันหลังให้นาง!
“พ่ายแพ้หนึ่งครั้งหทัยเต๋าของเจ้าก็พังทลายลงเลยหรือ? นั่นเป็นเพราะเจ้าเดินทางอย่างราบรื่นมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มฝึกฝน ไม่เคยพบพานความล้มเหลว เมื่อแพ้ให้กับผู้ที่มีขอบเขตต่ำกว่าตนจึงสร้างผลกระทบอย่างหนักให้เจ้า”
ปิงหยวนมองไปทางปิงหนิงพลางกล่าว “ทว่าสิ่งที่พ่ออยากจะบอกเจ้าก็คือ นี่ไม่นับว่าเป็นสิ่งเลวร้าย กลับยังเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ บนเส้นทางการฝึกฝนจะเดินอย่างราบรื่นไปตลอดกาลได้อย่างไร? เมื่อประสบความล้มเหลว ยามนั้นเจ้าก็สามารถแปรเปลี่ยนให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ก้าวต่อไปให้ไกลยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นเกรงว่าในอนาคตแม้เจ้าจะฝึกฝนไปสูงกว่านี้ แต่ก็เป็นได้เพียงแค่เสือกระดาษ อวดโอ้ได้ทว่าไร้ค่า ไม่อาจทนรับเรื่องใหญ่ได้”
หลังจากฟังปิงหยวนพูด ปิงหนิงก็ก้มหน้าลง
เมื่อคิดดูมันก็เป็นความจริง นางพลันรู้สึกอ่อนแอขึ้นมาบ้าง
ก็เพียงแค่พ่ายแพ้ นี่นับเป็นสิ่งใด? นางให้ความสำคัญเกินไปแล้ว!
หนทางการฝึกฝนนั้นยังอีกยาวไกล ไม่อาจมองเพียงปัจจุบันได้
“นอกจากนี้ เรื่องถูกไล่ออกมาจากแดนมงคลก็ไม่นับเป็นสิ่งใดเช่นเดียวกัน โลกแห่งการฝึกตนนั้นโหดร้ายมาโดยตลอด ไม่ฝ่ายหนึ่งตายอีกฝ่ายก็ตาย การต่อสู้แย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงเองก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อมีพลังไม่อาจสู้ผู้อื่น เช่นนั้นก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น”
ปิงหยวนมองไปทางปิงหนิงอีกครั้ง “อีกทั้งผลลัพธ์เช่นนี้เป็นพวกเจ้าที่หาเรื่องเองไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าคิดว่าสามารถจัดการคนอื่นเขาได้แน่ เน้นย้ำเรื่องเคารพความแข็งแกร่ง ผลลัพธ์กลับถูกผู้อื่นจัดการแทน ใช้พลังเอาชนะพวกเจ้าได้ สุดท้ายไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นพวกเจ้าก็ต้องเต็มใจที่จะยอมรับมัน ในเมื่อพวกเจ้าเน้นย้ำเรื่องเคารพความแข็งแกร่ง”
ปิงหนิงก้มหน้าต่ำ ไม่เอ่ยอันใดแม้แต่น้อย
เป็นเพราะไร้วาจาให้เอ่ย ไม่มีหน้าจะพูดสิ่งใด เป็นความจริงที่พวกเขาต้องการใช้พลังเพื่อสยบซี ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นพวกเขาที่พ่ายแพ้ในน้ำมือของซี
กล่าวตามตรงแล้ว พวกเขาก็นับว่าไร้เหตุผล
“ครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีให้เจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าหวังว่าเจ้าจะเรียนรู้จากเรื่องนี้ แล้วเติบโตขึ้นอย่างแท้จริง”
ปิงหยวนกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้าทราบแล้วท่านพ่อ”
ปิงหนิงพูดสิ่งใดไม่ออก นางเพียงก้มหน้าลงด้วยความอับอายแล้วจากไป
ด้านหน้าหนานกงเจิ้นเทียนที่ฟังอยู่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องแล้ว!
บัดซบ ปิงหยวนยังไม่ทันได้พบกับซีเสียด้วยซ้ำ นี่เขาเริ่มพูดเข้าข้างนางแล้วอย่างนั้นหรือ?
‘หากรอให้พวกเขาได้พบกันจริง ๆ ยังจะเป็นเช่นไรอีก?!’
หนานกงเจิ้นเทียนกล่าวในใจ
เขาประเมินแล้วมั่นใจอย่างมากว่าปิงหยวนจะไปร่วมฝั่งกับซี
‘ไม่ได้ ต้องตามหาความช่วยเหลือ!’
หนานกงเจิ้นเทียนคิดขึ้นมาในใจ จากนั้นก็มองไปทางหลีเฟย
“ไม่ได้พบหน้าบิดาเจ้ามานานแล้ว ข้าคิดถึงบิดาเจ้าอยู่บ้าง มา ให้พ่อของเจ้ามาพบข้าด้วยเถิด”
เขาเอ่ยกับหลีเฟยด้วยรอยยิ้ม
คราวนี้หลีเฟยเองก็นับได้ว่าเป็นผู้เสียหายด้วย เขาสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากบิดาของหลีเฟยได้
หลังจากนั้นเขาก็พาหนานกงอวี่และหลีเฟยออกไปจากที่นี่
ปิงหนิงอยากจะตามออกไปเช่นกัน แต่ถูกปิงหยวนผู้เป็นบิดาปรามเอาไว้ให้อยู่ต่อ
“เรื่องหลังจากนี้ เจ้าอย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก”
ปิงหยวนเอ่ยกับปิงหนิงด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอ๋?”
ปิงหนิงงงงวย บิดาของนางหมายความอย่างใด?
“ข้อห้ามสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เจ้าคิดว่าคนธรรมดาจะสามารถทำได้หรือไม่? เบื้องหลังของซีนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!”
ปิงหยวนกล่าวต่อ “ก้าวผิดหนึ่งก้าว ก้าวหลังย่อมผิดตาม เรื่องนี้สมควรหยุดยั้งเพียงแค่นี้ หนานกงเจิ้นเทียนสูญเสียแผนผังแปดทิศจึงไม่เต็มใจจะยอมปล่อยไป ทว่าพวกเราไม่อาจมีส่วนร่วมอีกต่อไปได้”
ปิงหนิงตื่นตะลึง ไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านพ่อจะเอ่ยออกมาเช่นนี้
นางนึกถึงหนานกงอวี่ขึ้นมาทันที “แต่เช่นนั้นพี่อวี่เล่า?”
“หนานกงเจิ้นเทียนกร้านโลกถึงเพียงนั้น เจ้าคิดว่าเขาจะไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้หรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้! เขาย่อมตระหนักได้ถึงจุดนี้ ทว่ายังคงไม่เต็มใจรามือ ต้องการจะลองดูสักครา!”
ปิงหยวนกล่าวต่อ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถโน้มน้าวได้อย่างสิ้นเชิง ในฐานะบุตรชาย หนานกงอวี่ต้องเลือกข้างบิดาของเขาอยู่แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะพูดมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์”
“เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี!”
ปิงหนิงกังวล ตามคำพูดของบิดานางแล้ว เบื้องหลังของซีจะต้องน่าสะพรึงกลัวยิ่ง หลังจากนี้หนานกงอวี่และบิดาของเขาอาจต้องทนทุกข์ทรมาน
“อย่าได้ร้อนใจ”
ปิงหยวนส่ายหัว “ทุกสิ่งเป็นเพียงแค่การคาดเดาของข้า ความจริงเป็นเช่นใดไม่อาจแน่ใจได้”
เขาเองก็ยังไม่ได้ตัดสินที่จะเข้าร่วมกับฝั่งซี ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่อาจเดิมพันได้โดยง่าย
ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นเขาจะถูกความชอบครอบงำได้อย่างไร แม้ว่าการสนทนากับซีจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล แต่เขาก็ยังคิดไม่เข้าข้างโดยง่าย
สำหรับคนเช่นเขา การประเมินทั้งสองฝ่ายให้ถี่ถ้วนคือสิ่งจำเป็น ในเมื่อไม่อาจแน่ใจได้ ก็อย่ารีบลงเดิมพัน
“เจ้าอย่าเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่าเพิ่งแสดงจุดยืน และก็อย่าเพิ่งโน้มน้าวอันใดหนานกงอวี่”
เขาเอ่ยกับปิงหนิง
…
เมืองชิงซาน
ลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
เส้นใยได้รับการถักทอโดยหลี่จิ่วเต้า ตอนนี้ถุงน่องทั้งสองคู่พร้อมแล้ว
อันหนึ่งเป็นถุงน่องสีขาว อีกอันเป็นถุงน่องสีดำ
ดวงตาของจิ้งจอกทั้งสองเปล่งประกายหลังได้เห็น ต่างก็ชื่นชอบขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
จิ้งจอกสีขาวผู้สันโดษเย็นชา หลังจากได้เห็นถุงน่องสีดำแล้ว สีหน้าก็พลันเกิดความแปรเปลี่ยนเล็กน้อย มีความคาดหวังเจืออยู่บางส่วน
“เสื้อผ้ากับรองเท้าทำเสร็จนานแล้ว ตอนนี้ถุงน่องเองก็พร้อมแล้วเรียบร้อย มาลองดูเสียว่าใช้ได้หรือไม่”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง!”
จิ้งจอกน้อยหยิบถุงน่องสีขาวขึ้นมา จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องทันที
ส่วนของเสื้อผ้าและรองเท้า คุณชายได้มอบให้กับนางนานแล้ว
จิ้งจอกขาวแสนเย็นชาหยิบถุงน่องสีดำขึ้นมา จากนั้นก็กลับไปในห้องของนาง
เช่นเดียวกัน คุณชายได้ทำชุด กระโปรงสั้น และรองเท้าสีดำมอบให้นางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เพียงไม่นาน จิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกสาวก็เดินออกมาจากห้อง
พวกนางเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้า สวมใส่ถุงน่องสีขาวและดำ
หลังจากได้เห็นพวกนางแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็แทบควบคุมท่าทีของตนไม่ได้ น่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว เขาอยากจะเอ่ยว่า ถุงน่องช่างเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดการ!
“ไม่เลว ไม่เลว คิดเอาไว้ไม่ผิด!”
ชายหนุ่มเอ่ยชมไม่ขาด ไม่น่าแปลกใจเลยที่ถุงน่องจะได้รับความนิยมทั่วทั้งดาวเคราะห์สีฟ้า มองแล้วงดงามเช่นนี้ จะไม่เป็นที่นิยมได้อย่างไร?
เขายังคิดอีกด้วยว่าหลังจากนี้โลกจะเป็นเช่นใด
หลังจากสิ่งมีชีวิตจำนวนมากได้เห็นถุงน่อง จะต้องถูกถุงน่องพิชิตอย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็จะสามารถเห็นถุงน่องได้ทั่วไปทุกหนแห่ง
ขั้นตอนการทำถุงน่องไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ยังไม่เคยเห็นถุงน่อง จึงไม่รู้ว่ามีสิ่งดังกล่าวอยู่ด้วย
เมื่อเหล่าสิ่งมีชีวิตได้เห็นถุงน่อง เขามั่นใจว่าจะต้องสามารถล่วงรู้และทำถุงน่องออกมาจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว
‘ช่างเป็นยุคสมัยที่มีทิวทัศน์น่าชื่นชม!’
หลี่จิ่วเต้ากล่าวในใจ
เขานับว่าเป็นผู้เปิดศักราชใหม่ ต่อจากนี้ทั้งโลกจะเข้าสู่ยุคใหม่อันงดงาม
ยุคสมัยนี้จะต้องแตกต่างออกไป!
หากสิ่งมีชีวิตรุ่นหลังรู้ว่าเขาเริ่มต้นยุคอันงดงามนี้ จะต้องรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งในตัวเขาอย่างไร้ที่สิ้นสุดแน่นอน
“คุณชายชอบหรือไม่? หากคุณชายชอบเพียงแค่พูด แล้วเตรียมให้ข้าหนึ่งชุด ข้าจะสวมให้คุณชายดูเพียงผู้เดียว…”
ในตอนนั้นเองลั่วสุ่ยก็กระซิบจากด้านข้างหลี่จิ่วเต้า “อืม ข้าจะสวมให้คุณชายดูในห้องนอนของคุณชาย”
นางมองออกว่าคุณชายชอบชุดเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้ชื่นชอบมากนัก เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับนางอยู่บ้าง
แต่นางก็เต็มใจจะใส่ให้คุณชายได้เห็น
หลังจากลั่วสุ่ยเอ่ยออกมาเช่นนี้ หัวใจของหลี่จิ่วเต้าพลันเต้นแรงขึ้นมา
ในห้องของเขา สวมให้เขาดูเพียงผู้เดียว?
เช่นนั้นเขายังจะควบคุมตนเองได้อีกหรือ?
จินตนาการของเขาล่องลอยไปภายในพริบตา!
‘ถุ้ย ถุ้ย ถุ้ย คิดอันใดอยู่! ทั้งวันในหัวเอาแต่คิดเรื่องไม่ดีงามเช่นนี้!’
หลี่จิ่วเต้าถุยน้ำลายหลายครั้งภายในใจ
หลังจากนั้น…เขาก็ปฏิเสธลั่วสุ่ยด้วยความยึดมั่นในธรรม
“ไม่ใช่เจ้าไม่ชอบใส่หรือ? ไม่จำเป็นต้องฝืนใส่เพื่อข้า”
ชายหนุ่มกล่าว
“ทว่าข้าจะเตรียมชุดให้เจ้าสักสองสามชุด แม้ตอนนี้เจ้าจะบอกว่าไม่ชอบ แต่ภายหลังอาจเปลี่ยนใจชอบได้ใช่หรือไม่? เช่นนี้แล้วเจ้าก็จะสามารถสวมใส่ได้ตามต้องการตลอดเวลา!”
เขาเอ่ยต่อ
เมื่อได้ยินคุณชายพูดเช่นนั้น ลั่วสุ่ยก็พลันใจเต้น
คุณชาย…คุณชายช่างปากไม่ตรงกับใจอยู่บ้าง
แม้จะบอกไม่ให้นางสวม แต่ใจจริงก็ยังอยากให้นางสวมอยู่ดี
นางเข้าใจในจุดนี้
‘เมื่อไหร่จะได้ใส่ชุดนี้ไปให้คุณชายได้ดูในห้องกันนะ?’
นางครุ่นคิดขึ้นมาในใจ