แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 930 มื้อเที่ยง

ตอนที่ 930 มื้อเที่ยง

ตอนที่​ 930 มื้อ​เที่ยง​

โย​มิ อา​ซากุ​สะยัง​ไม่ได้​ออกจาก​ด่าน​ตรวจ​ หล่อน​ยืน​อยู่​ด้านนอก​ประตู​เพื่อ​รับ​ชมเรื่องตลก​ของ​หลิน​ม่าย​และ​เถาจืออวิ๋น​

เพราะเหตุนี้​หล่อน​จึงยัง​ยืน​รอ​ที่​เดิม​

หล่อน​ปิดปาก​ก่อน​จะยก​ยิ้ม​มีความสุข​

หลิน​ม่าย​หัน​มองหน้า​หล่อน​ นึก​อยาก​จะถอด​รองเท้าส้นสูง​ออกมา​ตบ​ปาก​หล่อน​สักที​สอง​ที​

แต่​ความจริง​ไม่สามารถ​ทำ​อย่างนั้น​ได้​ เธอ​จึงปล่อยวาง​ แล้ว​ค่อย​หา​โอกาส​จัดการ​หล่อน​ภายหลัง​

หลิน​ม่าย​หันหน้า​กลับมา​จับจ้อง​ผู้รักษา​ความปลอดภัย​ตรงหน้า​ก่อน​จะกล่าว​เป็น​ภาษาประเทศ​เกาะ​อย่าง​คล่องแคล่ว​ว่า​ “พาสปอร์ต​มีปัญหา​เหรอ​คะ​?”

สุดท้าย​แล้ว​ถ้าพาสปอร์ต​มีปัญหา​จน​เจ้าหน้าที่​ตรวจ​คนเข้าเมือง​ทำตัว​หยาบคาย​ เธอ​ก็​ยัง​สามารถ​ยอม​รับได้​

แต่​ถ้าอีก​ฝ่าย​พยายาม​สร้าง​ความยุ่งยาก​ เธอ​จะต้อง​ยืด​หยัด​ให้​ถึงที่สุด​!

โย​มิ อา​ซากุ​สะที่​ยืน​อยู่​ไม่ไกล​ถึงกับ​ตกตะลึง​

หล่อน​ได้ยิน​มาว่า​หลิน​ม่าย​เป็น​เพียง​สาว​ชนบท​ แม้จะเรียน​ใน​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ แต่​ก็​ควรจะ​พูด​ได้​เพียง​ภาษาอังกฤษ​เท่านั้น​ แต่​เธอ​กลับ​พูด​ภาษาประเทศ​เกาะ​ได้​ แล้ว​ยัง​คล่องแคล่ว​มาก​เสีย​ด้วย​!

เวลานี้​เจ้าหน้าที่​ตรวจ​คนเข้าเมือง​ไม่สนใจ​หลิน​ม่าย​ แต่​หันไป​กระซิบ​กับ​เพื่อนร่วมงาน​อย่าง​เย้ยหยัน​ว่า​ “คน​แผ่นดินใหญ่​นี่​น่ารำคาญ​เป็นบ้า​!”

หลิน​ม่าย​ได้ยิน​อย่างนั้น​ถึงกับ​ระเบิดอารมณ์​ทันที​ “ถ้าพาสปอร์ต​มีปัญหา​ ฉัน​สามารถ​ไป​ต่อ​แถว​ใหม่​ได้​ แต่​ถ้าไม่มี ฉัน​ก็​จะไม่ไป​ต่อ​แถว​ใหม่​เด็ดขาด​! คุณ​บอ​กว่า​คน​แผ่นดินใหญ่​สร้าง​ปัญหา​ แล้ว​ทำไม​ถึงไม่ชะโงก​ดู​เงาตัวเอง​บ้าง​ว่า​ปฏิบัติตัว​ยังไง​? สุภาพนัก​เหรอ​? รู้จัก​วิธี​ต้อน​รับแขก​ไหม​คะ​? หรือว่า​เพราะ​ไม่เคย​เรียนรู้​มารยาท​ รู้​เพียง​การแสดง​น่ากลัว​ขึงขัง​อย่างนี้​เท่านั้น​?”

เถาจืออวิ๋น​ดึง​เสื้อ​ของ​หลิน​ม่าย​ด้วย​ความตกใจ​อยู่​ด้านหลัง​

เธอ​พยายาม​ดึง​สติ​ของ​หลิน​ม่าย​และ​บอกกล่าว​ให้​อีก​ฝ่าย​ใจเย็น​

เวลานี้​หลิน​ม่าย​ไม่กลัว​ เธอ​คิด​ว่า​ตน​เพียง​กล่าว​เหตุผล​กับ​เจ้าหน้าที่​ตรวจ​คนเข้าเมือง​ และ​มัน​ไม่ใช่การ​สร้าง​ปัญหา​

เวลานี้​แม้ประเทศ​เกาะ​จะขึ้น​มาเป็น​มหาอำนาจ​ แต่​หลาย​ทศวรรษ​ที่​ผ่าน​สงคราม​ยัง​ไม่สิ้นสุด​

ใน​ฐานะ​ประเทศ​ที่​พ่ายแพ้​ และ​ยัง​เป็น​หลาน​ของ​วีรชน​ เธอ​จึงไม่ยิน​ยอมให้​อีก​ฝ่าย​กลั่นแกล้ง​โดยง่าย​

แน่นอน​ว่า​เจ้าหน้าที่​ตรวจ​คนเข้าเมือง​ตกตะลึง​เมื่อ​เห็น​หลิน​ม่าย​แข็งกร้าว​เช่นนี้​

ใน​บรรดา​ชาว​แผ่นดินใหญ่​ที่​พวกเขา​ได้​พบ​ มีเพียง​ไม่กี่​คน​ที่​ทำตัว​จำยอม​เช่นเดียวกับ​โย​มิ อา​ซากุ​สะ และ​กล่าว​ยกย่อง​พวกเขา​ราวกับ​เป็น​เทพเจ้า​ แต่​ปกติ​โดยส่วนใหญ่​แล้ว​มักจะ​เก็บ​กลั้น​ความโกรธ​เอาไว้​

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​พวกเขา​ได้​พบ​กับ​ผู้​ที่​เด็ดขาด​เช่น​หลิน​ม่าย​

ท่าทาง​ของ​พวกเขา​กลายเป็น​โอนอ่อน​ทันที​ “ไม่มีปัญหา​ คุณ​ผ่าน​ไป​ได้​แล้ว​”

แต่​เวลานี้​หลิน​ม่าย​ปฏิเสธ​ที่จะ​จบ​เรื่องราว​โดยดี​ เธอ​ดึง​เถาจืออวิ๋น​มาก่อน​จะกล่าว​กับ​พวกเขา​ว่า​

“เพราะ​ประเทศ​ของ​พวกคุณ​ไร้​ซึ่งมารยาท​และ​ความเป็นมิตร​ เรา​จึงไม่อยาก​มาเหยียบ​ที่นี่​ เหตุผล​ที่​เรา​มาที่นี่​ก็​เพราะ​คุณ​เถาคน​นี้​ได้​รับเชิญ​จาก​ประเทศ​ของ​คุณ​ ฉัน​มากับ​หล่อน​ใน​ฐานะ​ล่าม​ และ​ตอนนี้​ฉัน​เห็น​แล้ว​ว่า​ใน​สายตา​ของ​พวกคุณ​ไร้​ซึ่งความเป็นมิตร​โดย​สมบูรณ์​ ในอนาคต​ถ้ามีการ​เชื้อเชิญ​อย่างนี้​อีก​ พวกเรา​จะไม่มาเด็ดขาด​!”

หลิน​ม่าย​เก่งกาจ​ใน​การ​สยบ​อีก​ฝ่ายใน​การ​ต่อว่า​ครั้ง​เดียว​ แต่​สุดท้าย​เธอ​มักจะ​ไม่ใช่กลอุบาย​นี้​นัก​เพราะ​บุคลิก​ของ​เธอ​เงียบขรึม​ยิ่งกว่า​ใคร​

แต่​เมื่อ​นิ่ง​สงบ​สยบ​ความเคลื่อนไหว​แล้ว​กลับ​ไม่มีประโยชน์​ ก็​ต้อง​งัด​สิ่งนี้​ออกมา​ใช้

เวลานี้​หัวหน้า​ด่าน​ตรวจ​คนเข้าเมือง​ถึงกับ​ตื่นตระหนก​แล้ว​

แม้เขา​จะกล่าว​อย่าง​มีเหตุผล​ แต่​ความจริง​เขา​ก็​ไม่แตกต่าง​ ใน​ใจต้อง​การขับไล่​หลิน​ม่าย​ไปให้พ้น​เสีย​

หลิน​ม่าย​ยืนหยัด​อย่าง​ถึงที่สุด​ ก่อน​เจ้าหน้าที่​รักษา​ความปลอดภัย​ทั้งหมด​จะยอม​ขอโทษ​และ​ยอมรับ​ความผิดพลาด​ของ​พวกเขา​ สุดท้าย​เรื่องราว​จึงจบ​ลง​

ทันทีที่​หัวหน้า​และ​ผู้รักษา​ความปลอดภัย​ของ​ด่าน​ตรวจ​คนเข้าเมือง​ของ​ประเทศ​ญี่ปุ่น​ยอม​ก้ม​ศีรษะ​ให้​ หลิน​ม่าย​บอกกล่าว​ให้​เถาจืออวิ๋น​ถ่ายรูป​เป็น​หลักฐาน​ไว้​ด้วย​

หลังจากที่​เธอ​สร้างเรื่อง​ตรงนี้​แล้ว​ เจ้าหน้า​ที่จะ​ได้​ไม่กล้า​ละเลย​และ​ปฏิบัติตัว​หยาบคาย​กับ​คนจีน​ที่อยู่​ด้านหลัง​อีกต่อไป​

โย​มิ อา​ซากุ​สะเห็น​ฉาก​นี้​แล้วก็​ยิ่ง​รู้สึก​รำคาญ​ที่​หลิน​ม่าย​คืน​ศักดิ์ศรี​แก่​ประเทศ​ของ​ตนเอง​และ​นักท่องเที่ยว​ชาว​จีน​ได้​

หล่อน​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พึมพำ​เบา​ๆ “เอะอะโวยวาย​เก่ง​จริง ๆ​ ออกจาก​ประเทศ​ก็​สร้าง​แต่​เรื่อง​น่าอับอาย​!” ก่อน​จะลาก​กระเป๋าเดินทาง​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​

ทันทีที่​เดิน​ออกจาก​สนามบิน​ เถาจืออวิ๋น​ยก​นิ้วโป้ง​ให้​หลิน​ม่าย​อย่าง​ชื่นชม​ “สุดยอด​มาก​เลย​ ฉัน​น่ะ​กลัว​แทบตาย​เลย​นะ​!”

แต่​หลิน​ม่าย​ตอบกลับ​ด้วย​น้ำเสียง​ราบเรียบ​ “ไม่เห็น​มีอะไร​น่ากลัว​เลย​ เรา​ไม่ใช่คน​ผิด​สักหน่อย​ ถ้าเกิดเรื่อง​ร้ายแรง​ ประเทศ​ก็​ต้อง​ช่วยเหลือ​เรา​อยู่แล้ว​ เพราะ​ฉัน​เป็น​คน​ยืนหยัด​เพื่อ​ประเทศ​ของ​เรา​”

ใน​ชีวิต​ชาติที่แล้ว​ เธอ​เคย​ถูก​ประเทศ​ใน​ยุโรป​ควบคุมตัว​ไว้​อย่าง​ผิดกฎหมาย​ยาวนาน​หลาย​ปี​ แต่​สุดท้าย​ประเทศ​จีน​ก็​ช่วยเหลือ​เธอ​เอาไว้​ได้​!

ทั้งสอง​เดิน​ไป​รอบ​ ๆ ก่อน​จะพบ​โรงแรม​ธรรมดา​แห่ง​หนึ่ง​และ​จอง​ห้องพัก​

หลังจาก​เก็บ​สัมภาระ​ทั้งหมด​แล้ว​ หลิน​ม่าย​พา​เถาจืออวิ๋น​ออก​ไป​ล้างรูป​ที่​พนักงานต้อนรับ​บน​เครื่องบน​และ​เถาจืออวิ๋น​ถ่าย​เอาไว้​

หลังจาก​ส่งกล่อง​ฟิล์ม​ไป​ที่​สตูดิโอ​ถ่ายภาพ​ ถึงบ่ายโมง​กว่า​ ทั้งสอง​เริ่ม​หิว​และ​ถึงเวลา​มื้อ​กลางวัน​แล้ว​

หลิน​ม่าย​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เบื่อหน่าย​กับ​อาหาร​ในประเทศ​เกาะ​ เธอ​รู้สึก​ว่า​ทุกสิ่ง​อย่าง​ทั้ง​คาว​และ​ไม่ค่อย​น่ารื่นรมย์​นัก​

ไม่รู้​ทำไม​คน​แผ่นดินใหญ่​ถึงชอบ​กิน​ข้าวปั้น​ของ​ประเทศ​เกาะ​นัก​

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ว่า​ข้าวปั้น​ของ​ประเทศ​เกาะ​ไม่ยอดเยี่ยม​เท่ากับ​ซุป​เครื่องใน​ปลา​ของ​แผ่นดินใหญ่​ด้วยซ้ำ​

อย่างไร​เสีย​หลิน​ม่าย​ก็​ยัง​ชื่นชอบ​ปลา​ปักเป้า​ของ​ประเทศ​เกาะ​มาก​ เพราะ​ใน​ชีวิต​ที่แล้ว​เธอ​เคย​กิน​มัน​ในประเทศ​เกาะ​มาก่อน​

ตอนนี้​ก็​ได้เวลา​มื้อ​เที่ยง​แล้วด้วย​

ขณะที่​เถาจืออวิ๋น​ได้ยิน​หลิน​ม่าย​บอ​กว่า​กำลังจะ​พา​ไป​กิน​ปลา​ปักเป้า​ ใบหน้า​ของหล่อน​พลัน​ซีด​ขาว​ในทันที​

ระหว่างทาง​เถาจืออวิ๋นพ​ยา​ยา​ยาม​เกลี้ยกล่อม​ให้​อีก​ฝ่าย​เลิก​คิด​ที่จะ​กิน​ปลา​ปักเป้า​เพราะ​มัน​มีพิษ​ร้ายแรง​

หลิน​ม่าย​บอ​กว่า​ปลา​ปักเป้า​มีพิษ​ แต่​ถ้าถูก​ปรุง​อย่าง​เหมาะสม​มัน​ก็​สามารถ​กิน​ได้​

ยิ่งไปกว่านั้น​ปลา​ปักเป้า​ยัง​อร่อย​มาก​ด้วย​ หาก​ประเทศ​บ้านเกิด​รู้เรื่อง​นี้​ ปลา​ปักเป้า​คงจะ​สูญพันธุ์​แน่นอน​

เถาจืออวิ๋น​ยัง​ไม่กล้า​ที่จะ​ลิ้มรส​แม้จะได้ยิน​อย่างนั้น​ แต่​หลิน​ม่าย​ยัง​ยืนยัน​ว่า​ต้อง​ไป​ให้ได้​ ดังนั้น​เธอ​จึงต้อง​เอาชีวิต​ตัวเอง​มาเสี่ยง​โดย​จำยอม​

มีร้าน​ปลา​ปักเป้า​มากมาย​ใน​โตเกียว​ หลิน​ม่าย​เดิน​เลือก​ร้าน​อยู่​นาน​ก่อน​จะเข้าไป​ด้านใน​พร้อมกับ​เถาจืออวิ๋น​แล้ว​นั่งลง​

แต่​พวก​หล่อน​ได้​พบ​โย​มิ อา​ซากุ​สะสวมใส่​ชุด​กิโมโน​นั่ง​รับประทาน​อยู่​ที่​ร้าน​นี้​ด้วย​ และ​สิ่งที่​หล่อน​กิน​ก็​คือ​ราเมน​ธรรมดา​

เป็น​เพราะ​หลิน​ม่าย​มาพบ​หล่อน​ในขณะที่​กำลังกิน​มื้อ​กลางวัน​ราคา​ถูก​ โย​มิ อา​ซากุ​สะจึงลอบ​เขินอาย​อยู่​สักครู่​

แต่​หล่อน​ก็​คิดได้​ว่า​ทั้งสอง​คน​นั้น​รวย​มาก​เช่นกัน​ แต่กลับ​ยินดี​ที่จะ​นั่ง​เครื่องบิน​โดยสาร​ชั้น​ประหยัด​ จึงเป็นไปไม่ได้​ที่จะ​เข้ามา​กิน​ปลา​ปักเป้า​ ทุกคน​คงจะ​เหมือน​ ๆ กัน​

หล่อน​จึงเลือก​ที่จะ​กิน​ราเมน​ไป​อย่าง​ใจเย็น​

บริกร​ชาย​คน​หนึ่ง​เดิน​มาที่​โต๊ะ​ของ​หลิน​ม่าย​และ​เถาจืออวิ๋น​พร้อม​เมนู​ใน​มือ​

ได้ยิน​ทั้งสอง​พุด​คุย​กัน​เป็น​ภาษาจีน​ บริกร​ผู้​นั้น​จึงถามเป็น​ภาษาจีน​ด้วย​ความตื่นเต้น​ “พวกคุณ​สอง​คน​มาจาก​ประเทศ​จีน​เหรอ​ครับ​?”

หลิน​ม่าย​และ​เถาจืออวิ๋น​หัน​มอง​ท่าทาง​ตื่นเต้น​ของ​บริกร​ผู้​นี้​ก่อน​จะพยักหน้า​ด้วย​รอยยิ้ม​

เขา​รีบ​ตอบ​กลับมา​ว่า​ “ผม​ก็​มาจาก​ประเทศ​จีน​เหมือนกัน​ ผม​อาศัย​อยู่​ทาง​ตะวันออกเฉียงเหนือ​ แล้ว​พวกคุณ​มาจาก​ไหน​กัน​เหรอ​ครับ​?”

หลิน​ม่าย​ตอบ​ “หูเป่ย​ค่ะ​”

จากนั้น​จึงลูบคลำ​ท้อง​ของ​ตนเอง​ “เรา​สอง​คน​หิว​มาก​เลย​ คุณ​ช่วย​รับ​ออเดอร์​ก่อน​ได้​ไหม​?”

บริกร​ยก​ยิ้ม​เขินอาย​ก่อน​จะตอบกลับ​ว่า​ “รอ​สักครู่​นะ​ครับ​” จากนั้น​วิ่ง​เข้าครัว​ไป​พร้อมกับ​เมนู​ใน​มือ​

หลิน​ม่าย​และ​เถาจืออวิ๋น​หัน​มองหน้า​กัน​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ที่​อีก​ฝ่าย​วิ่ง​ไป​โดย​ลืม​ให้​เมนู​กับ​พวกเขา​

ไม่นาน​นัก​ บริกร​เดิน​ออก​มาจาก​ครัว​พร้อม​ราเมน​สอง​ชามวาง​ลง​ตระ​หน้า​ของ​หลิน​ม่าย​และ​เถาจืออวิ๋น​

เวลานี้​ทั้งสอง​คน​ตกตะลึง​ชัดเจน​

หลิน​ม่าย​พูด​ต่อว่า​ “พวกเรา​ยัง​ไม่ได้​สั่งเลย​ ทำไม​ถึงเอา​ราเมน​มาให้​ล่ะ​คะ​?”

บริกร​พูด​ต่อว่า​ “บะหมี่​สอง​ชามนี้​ให้​พวกคุณ​ครับ​ แล้วก็​สั่งเพิ่มเติม​ได้​เลย​”

โย​มิ อา​ซากุ​สะซึ่งกำลัง​นั่ง​กิน​ราเมน​อยู่​ไม่ไกล​สีหน้า​ถึงกับ​แปรเปลี่ยน​ทันที​

ตอนที่​หล่อน​เรียน​อยู่​ที่นี่​ หล่อน​มักจะ​มากิน​อาหาร​ที่​ร้าน​นี้​บ่อย ๆ​ แต่​บริกร​คน​นี้​ไม่เคย​มอบ​อาหาร​ให้​หล่อน​ฟรี​สักครั้ง​

แต่​เพราะ​หลิน​ม่าย​และ​เถาจืออวิ๋น​พูด​ภาษาจีน​ได้​ พวกเขา​จึงเห็น​ทั้งสอง​เป็น​สหาย​ร่วม​ชาติ​ และ​มอบ​ราเมน​ให้​สอง​ชามอย่าง​มีน้ำใจ​

เรื่อง​นี้​ทำให้​หล่อน​รู้สึก​รำคาญ​ และ​คิด​ว่า​จะไม่กลับมา​อุดหนุน​ร้าน​นี้​อีก​ในอนาคต​

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ดีใจ​มาก​ เธอ​สั่งชุด​ปลา​ปักเป้า​ชุด​ใหญ่​ ทั้ง​ซาชิมิปลา​ปักเป้า​ ปลา​ปักเป้า​หม้อไฟ​

ทันทีที่​โย​มิ อา​ซากุ​สะได้ยิน​ ร่างกาย​ของหล่อน​ถึงกับ​แข็งทื่อ​ทันที​

อาหาร​เช่น​ปลา​ปักเป้า​ครบชุด​นั้น​แพง​มาก​ หล่อน​ที่​อาศัย​อยู่​ในประเทศ​เกาะ​มานาน​หลาย​ปี​ก็​ยัง​ไม่เคย​ลิ้มรส​

เวลานี้​หล่อน​รีบ​กิน​ราเมน​ราคา​ถูก​ของ​ตัวเอง​ ก่อน​จะจ่าย​เงิน​ และ​หลบ​ออก​ไป​เงียบ ๆ​

………………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​ผู้แปล​

หรือว่า​นี่​คือ​การ​บัฟ​พลัง​ให้​ม่าย​จื่อ​ ด้วย​การเขียน​ให้​ชาว​ประเทศ​เกาะ​ดู​หยาบคาย​แบบ​เปิดเผย​กัน​?

แปล​ไป​ก็​เหลือเชื่อ​ไป​ มัน​มีอะไร​แบบนี้​จริงๆ​ เหรอ​คะ​ ประเภท​ที่​ร้าน​ขาย​ปลา​ปักเป้า​ดู​เป็น​ร้านอาหาร​ธรรมดาๆ​ เพราะ​ร้านอาหาร​ที่จะ​ขาย​ปลา​ปักเป้า​ได้​นี่​มัน​ดู​เป็น​ร้าน​หรู​ที่​พ่อครัว​ต้อง​ผ่าน​ใบอนุญาต​แล่​ปลา​ปักเป้า​โดยเฉพาะ​นะ​ หรือว่า​นี่​เป็น​จักรวาล​คู่ขนาน​?

ม่าย​จื่อ​อย่า​บู้บี้​ซูชิ เธอ​กิน​ไม่เป็น​แล้ว​อย่า​มาทำ​รังเกียจ​ อะไร​คือ​การ​ที่​เธอ​กิน​ซาชิมิปักเป้า​อย่าง​มีความสุข​ขณะ​บู้บี้​ซูชิคะ​ เธอ​นี่​ย้อน​แย้ง​เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง​นะเนี่ย​ นี่​คง​เป็น​การเขียน​คาร์​ฯ ตัวละคร​ให้​ดู​เป็น​มนุษย์​ มีรัก​มีเกลียด​สินะ​

ไหหม่า​(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

Status: Ongoing

หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท