บทที่ 906 จิตหลักความมืดมิด ‘เจ้าพาพ่อทูนหัวกลับมาให้ข้าเป็นฝูงจริงหรือนี่’
เมิ่งจีมองสถานการณ์ออก จึงให้ความร่วมมือกับเจ้าหลวงอย่างดี
เจ้าหลวงมิได้เคลือบแคลงอันใด ถึงอย่างไรฝีมือของนักดาบก็น่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนั้น เกินกว่าเมิ่งจีจะต่อกรไหว เมิ่งจีไฉนเลยจะกล้าไม่ให้ความร่วมมือ!
“ข้าจับตาดูเจ้าอยู่ อย่าได้คิดไม่เข้าท่าส่งข่าวอันใดออกไป!”
เจ้าหลวงจ้องเมิ่งจีพลางกล่าว
จากนั้นเขาก็ชำเลืองนักดาบ นักดาบจ่อดาบใหญ่ไปที่คอของเมิ่งจีทันที
“หากข้าจับพิรุธได้เมื่อใด ข้าจะเชือดเจ้าทันที!”
เจ้าหลวงเอ่ยเสียงอำมหิต
“เข้า…เข้าใจแล้ว ข้ามิกล้า!”
เมิ่งจีแสร้งทำเป็นหวาดกลัว หยิบศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อผู้ติดตามคุณชาย
“สือเฟิง นี่ก็ผ่านงานแต่งงานของเจ้ามาระยะหนึ่งแล้ว ถึงเวลากลับมาสอนสั่งศิษย์ในสถานศึกษาได้แล้วกระมัง!”
“ต้าเต๋อ ช่วงนี้มีศิษย์จำนวนหนึ่งคล้ายว่าจะธาตุไฟเข้าแทรก เจ้ามาช่วยพวกเขาที่นี่ ท่องคาถาชำระฤทัยคงสภาวะจิตใจพวกเขาให้มั่นคงที”
“เซี่ยเหยียน ข้ามีธุระไหว้วานเจ้า มาหาข้าที่สถานศึกษาที!”
“อ้ายฉาน ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยังอายุน้อย ประสบการณ์ฝึกฝนไม่มากพอ เข้ามาฟังบรรยายประสบการณ์จากอาจารย์ทั้งหลาย นี่จึงจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้ามากกว่า”
…
เมิ่งจีตั้งใจมาก ติดต่อไปไม่น้อย รวมถึงจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงและตงฟางเวิ่นด้วย
เจ้าหลวงตั้งใจฟังอยู่ข้าง ๆ มาตลอด ไม่รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด
เขาตบบ่าเมิ่งจี พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ทำได้ไม่เลว นับว่าเจ้ารู้จักรักษาต้ว ภายภาคหน้าข้าสามารถเอ่ยบอกท่านพ่อบุญธรรมให้เจ้าได้เข้าร่วมฝ่ายเรา!”
“จริงหรือ เช่นนั้นคงประเสริฐ!”
เมิ่งจีเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจเต็มประดา
“ข้าย่อมไม่ปล่อยให้ผู้ที่เชื่อฟังต้องลำบาก และเจ้าคือผู้ที่เชื่อฟัง”
เจ้าหลวงคลี่ยิ้ม ตบบ่าเมิ่งจีอีกครั้ง รู้สึกพอใจในตัวอีกฝ่ายมาก
พวกเขารออยู่ที่นี่ ผ่านไปครู่ใหญ่ สือเฟิงและฉินซินก็มาถึงสถานศึกษาก่อน
นักดาบโผล่ออกมาทันควัน เล็งพลังปราณของสือเฟิงและฉินซินไว้ พร้อมชี้ปลายดาบไปที่พวกเขา
“เจ้าคิดจะทำอันใด!?”
สีหน้าสือเฟิงเย็นยะเยือกทันที ทำท่าจะเรียกยอดศาสตราที่คุณชายมอบให้เขาออกมาต่อสู้กับนักดาบ
ฉินซินก็เช่นกัน ตั้งใจใช้ชุดเครื่องประดับเพชรที่คุณชายมอบให้นาง
ทว่าในตอนนั้นเอง เมิ่งจีพลันตะโกนว่า “สือเฟิง เจ้ายังไม่รีบยอมจำนนอีก! ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ หรืออย่างไร เจ้าไม่รับรู้ถึงความห่างชั้นบ้างเลยหรือ อยากตายหรือไร?!”
เขากล่าวต่อ “ยอมฟังข้าแต่โดยดี เลิกขัดขืน ทำตามคำสั่งของท่านเจ้าหลวง เช่นนี้จึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเจ้า!”
เดิมทีสือเฟิงยังสับสนมึนงง แต่ต่อมาเขาก็เข้าใจ
เขารู้จักและเชื่อใจเมิ่งจี อีกฝ่ายต้องวางแผนการบางอย่างไว้แล้วเป็นแน่!
ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ายินดีเลิกขัดขืน ขอเพียงไว้ชีวิตข้า”
หลังเห็นท่าทีสือเฟิง ฉินซินก็เอ่ยตาม “ข้ายินดีทำตามคำสั่ง!”
เจ้าหลวงเห็นดังนั้นก็เผยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
เขาตบบ่าเมิ่งจีอีกครั้ง ยิ่งพึงใจในผลงานของเมิ่งจี
“ไม่เลวเลย ทำได้ดีมาก จงขันแข็งต่อไป!”
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ
ต่อมาต้าเต๋อ เซี่ยเหยียน พวกอ้ายฉาน ตงฟางเวิ่น และจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมาถึง เมิ่งจี ‘เกลี้ยกล่อม’ พวกเขาให้เลิกขัดขืนด้วยวิธีเดียวกัน
พวกต้าเต๋อเชื่อเมิ่งจีกันหมด รู้ว่าเขามีอุบายบางอย่าง จึงต่างพากันเลิกขัดขืนอย่างให้ความร่วมมือ ทำตามคำสั่งของเจ้าหลวง
‘โอกาสของข้ามาถึงแล้วหรือ’
ท่ามกลางฝูงชน จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตาเป็นประกายขณะคิดในใจ
ฝ่ายความมืดมิดคือศัตรูใหญ่หลวงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แผนการและการวางหมากต่าง ๆ ของคุณชายล้วนเกี่ยวข้องกับความมืดมิด
เขามีความคิดอยากแทรกซึมเข้าไปเป็นไส้ศึกที่ฝ่ายความมืดมิดมานานแล้ว
บัดนี้ เขารู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว
ปราณมืดมิดซึ่งแผ่ซ่านออกมาจากตัวเจ้าหลวงและนักดาบเข้มข้นยิ่ง ทั้งสองต้องมีเอี่ยวกับพลังมืดมิดเป็นแน่
เขาตัดสินใจใช้เจ้าหลวงและนักดาบเป็นจุดเริ่มต้น ปูทางเข้าร่วมกับฝ่ายความมืดมิด
“ไปกันเถิด”
หลังมากันครบแล้ว เจ้าหลวงและนักดาบก็พาพวกเมิ่งจีออกเดินทาง กลับไปหาจิตหลักความมืดมิด
และระหว่างทางนั้น พวกต้าเต๋อก็เข้าใจแผนการของเมิ่งจีแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังเจ้าหลวงและนักดาบมีพลังสยดสยองยิ่งกว่านั้นดำรงอยู่ เมิ่งจีตั้งใจให้พวกเขาอดทนก่อน แล้วจัดการกลุ่มพลังที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าซึ่งอยู่เบื้องหลังเจ้าหลวงและนักดาบ
ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ออกมาอยู่นอกอาณาจักร เข้ามายังดวงดาวที่จิตหลักความมืดมิดประทับอยู่
ดาวดวงนั้นอยู่ในสภาวะปิดผนึก ยามอยู่ด้านนอกไม่อาจจับสัมผัสได้สักนิด ทว่าหลังพวกเมิ่งจีเข้าไปถึงด้านในดาวดวงนี้ พวกเขาก็สัมผัสถึงพลังมืดมิดอันแสนเข้มข้น
“ท่านพ่อบุญธรรม ข้ากลับมาแล้ว ภารกิจลุล่วงแล้ว!”
เจ้าหลวงตะโกนหน้าชื่นตาบาน
เขาจับผู้ติดตามหลี่จิ่วเต้ามาตั้งมากมาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่ เขารอท่านพ่อบุญธรรมตกรางวัลอยู่
ทว่าเวลานั้นเอง เมิ่งจีกลับปริปากขึ้น
เขาหันมองจิตหลักความมืดมิดพลางกล่าว “เจ้าน่ะหรือบิดาบุญธรรมตนใหม่ของเจ้าหลวง เฮ้อ คิดสั้นเหลือเกินถึงได้กล้าเป็นบิดาบุญธรรมให้หมอนี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมอนี่มีดวงข่มบิดาบุญธรรมแต่กำเนิด บิดาบุญธรรมของเขาก่อนหน้านี้ตายอเนจอนาถกันทั้งสิ้น”
“พูดจาอะไร?!”
เจ้าหลวงหันกลับไปถลึงตาใส่เมิ่งจี
ตาแก่นี่เป็นอะไรไป
ก่อนนี้แสดงท่าทีว่านอนสอนง่าย เหตุใดพอมาหาท่านพ่อบุญธรรมของเขาถึงกลายเป็นเช่นนี้
“เป็นอะไรไป เจ้าคงไม่คิดว่าข้ายอมให้ความร่วมมือกับเจ้าจริง ๆ กระมัง”
เมิ่งจีหันมองเจ้าหลวง กล่าวยิ้ม ๆ “บิดาบุญธรรมคนก่อนของเจ้าโวยวายว่าเจ้าพาพ่อทูนหัวคนหนึ่งกลับไปหาเขา คราวนี้เจ้าเอ่ยว่าบิดาบุญธรรมคนใหม่ของเจ้าทรงพลังยิ่งขึ้น ข้าใคร่ครวญว่าพ่อทูนหัวเพียงคนเดียวต้องไม่พอแน่ นี่อย่างไร ข้าตั้งใจพาพ่อทูนหัวมาให้เจ้าอีกมากมาย!”
ฟังมาถึงนี่ เจ้าหลวงไฉนเลยจะยังไม่เข้าใจ
เขาแทบคลุ้มคลั่ง ที่แท้เมิ่งจีปั่นหัวเขาตั้งแต่แรกหรอกหรือนี่ มิได้เคยให้ความร่วมมือใด ๆ ทั้งสิ้น!
“นี่หรือภารกิจลุล่วงที่เจ้าว่า?!”
จิตหลักความมืดมิดหันมองเจ้าหลวง อยากตบเขาให้ตายนัก
สมองเจ้าไม่มีรอยหยักหรืออย่างไร?
ถูกผู้อื่นหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!
มันสงสัยอย่างมากว่าบิดาบุญธรรมก่อนหน้านี้ของเจ้าหลวงมิได้ตายเพราะถูกข่มดวง หากแต่ตายเพราะความโง่ของเจ้าหลวง!
ทว่ามันมิได้สนใจเจ้าหลวงมากนัก
เทียบกับปัญหาอย่างเจ้าหลวง วาจาของเมิ่งจียั่วโมโหเขาได้มากกว่า
“ช่างรนหาที่ตายเสียจริง เพ้อเจ้ออะไรอยู่ เป็นเพียงแมลงตัวจ้อยฝูงหนึ่งเท่านั้น ริอ่านกล่าววาจาเช่นนี้เชียวรึ?!”
มันบันดาลโทสะ จิตมุ่งร้ายแผ่ซ่านออกจากตัว
หากมิใช่ว่าพวกเมิ่งจียังมีประโยชน์ มันคงตบพวกเขาตายไปนานแล้ว
และมันก็มีพลังมากพอด้วย
ในกลุ่มเมิ่งจี ไม่มีสักผู้เดียวที่ก้าวสู่ขอบเขตอิสระแล้ว นับว่าไม่เป็นภัยต่อมันเลยสักนิด
“ใช่แล้ว พวกเจ้าเพ้อเจ้ออะไรอยู่! ข้ายินดีโผเข้าอ้อมกอดท่านผู้นี้จากใจจริง!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตวาดใส่พวกเมิ่งจี ก่อนจะวิ่งพรวดไปอยู่ข้างกายจิตหลักความมืดมิด “ท่านเต็มใจรับข้าไว้หรือไม่ ข้ายินดีตัดสัมพันธ์กับพวกเขาทันที คอยรับใช้อยู่ข้างกายท่าน”
ตงฟางเวิ่นเห็นท่าทีเช่นนี้ของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็นึกขำในใจ
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตั้งใจปฏิบัติการแผนไส้ศึกที่ฝ่ายความมืดมิดหรือ?
จิตหลักความมืดมิดหันมองจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง “ไม่มีปัญหา เจ้ารู้จักรักษาตัวกว่าพวกเขา มองสถานการณ์ได้ชัดเจน!”
มันไม่แน่ใจว่าจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมาติดตามอยู่ข้างกายมันด้วยความจริงใจหรือเปล่า
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เป็นไร
เพราะไม่ว่าอย่างไร มันก็ไม่มีทางชะล่าใจเชื่อในตัวจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงง่าย ๆ
มันจะถ่ายทอดพลังมืดมิดเข้าไปในกายจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง ถึงตอนนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะจริงใจหรือไม่ ก็ต้องดำดิ่งอยู่ในความมืดมิดตลอดกาล
และก่อนถึงตอนนั้น มันตั้งใจสั่งสอนผู้ที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างพวกเมิ่งจีเสียก่อน
“เกิดอันใดขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้ากันแน่ เจ้าคือพระอมิตาภะพุทธเจ้าตัวจริงหรือ”
เวลานั้นเอง ต้าเต๋อก้าวออกมา หันมองจิตหลักความมืดมิด
ครั้นได้เห็นจิตหลักความมืดมิด เขาก็แน่ใจได้ว่าหนึ่งเสี้ยวจิตของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่เคยปรากฏบนเขาญาณมีความเกี่ยวข้องกับจิตหลักความมืดมิดแน่นอน
เรื่องนี้เป็นผลให้เขาเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างอดมิได้ หรือพระอมิตาภะพุทธเจ้าดำดิ่งลงในความมืดแล้วจริง ๆ?
“พระอมิตาภะพุทธเจ้าอะไรกัน ข้าคืออู๋กวงแห่งความมืดมิด ยามมีข้า ฟ้ามลาย ยามมีข้า ใต้หล้าสิ้นแสง!”
จิตหลักความมืดมิดกล่าว
มันไม่มีทางเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้าอะไรนั่น ช้าเร็วต้องสลัดหลุดจากพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ส่วนอู๋กวงคือสมญานามของเขาในฝ่ายความมืดมิด
ต้าเต๋อมิได้เอ่ยวาจา เพราะเขาไม่อาจทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้เลย จิตหลักความมืดมิดใช่พระอมิตาภะพุทธเจ้าหรือไม่ เขายังไม่แน่ใจ
“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ จะคิดให้มากความไปไย หลังกำราบเจ้าแล้ว ข้าย่อมรู้ความจริงทุกอย่างเอง”
ต้าเต๋อเอ่ย ไม่ไปคิดมากอีก
ไม่มีสิ่งใดต้องคิด หลังปราบจิตหลักความมืดมิดลง เขาย่อมได้รู้ทุกสิ่ง
จากนั้นเขาเตรียมลงมือ
เรียกไม้เคาะมู่อวี๋และหัวกะโหลกของมารกระดูกออกมา ก่อนจะเริ่มเคาะ
สุดท้ายกลับพบว่าไม่มีพลังใดปะทุออก
“เอ่อ ขออภัย ข้าหยิบผิด อภัยให้กันด้วย!”
เขาเอ่ยพลางยิ้มแห้งให้จิตหลักความมืดมิด
อะไรกัน เขาเรียกหัวกะโหลกของมารกระดูกออกมาได้อย่างไร แล้วจะสัมฤทธิ์ผลได้อย่างไรเล่า
ทว่าสิ่งที่เขาทำลงไปกลับเป็นผลให้จิตหลักความมืดมิดมีหน้าตาคร่ำเครียด
แม้ว่าหัวกะโหลกของมารกระดูกจะถูกสะกด กระนั้นมันยังรับรู้ได้ว่ามารกระดูกคือสิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระ
“ข้าประเมินพวกเจ้าต่ำไปจริง ๆ…”
สายตาของมันเย็นเยียบ แน่ใจได้ทันทีว่าพวกเมิ่งจีไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น แต่ละคนคงมีพลังกล้าแกร่ง มิฉะนั้น เหตุใดต้าเต๋อถึงสามารถกำหัวกะโหลกมารกระดูกซึ่งอยู่ในขอบเขตอิสระไว้ในมือได้
เป็นไปไม่ได้เลย!
“ไม่ใช่แค่ประเมินต่ำไป แต่เจ้ามีตาหามีแววไม่!”
ต้าเต๋อคำราม เรียกมู่อวี๋ของจริงออกมาและเริ่มเคาะ
อีกด้านเซี่ยเหยียน สือเฟิง ฉินซิน และพวกอ้ายฉานลงมือเช่นกัน เรียกของวิเศษที่คุณชายประทานแก่พวกเขาออกมา
ชั่วขณะนั้น คลื่นพลังน่าครั่นคร้ามล้นเหลือแผ่ซ่านออกมาในที่แห่งนี้!
“นี่…พาตัวพ่อทูนหัวกลับมาให้ข้าเป็นฝูงจริงหรือนี่?!!!”
จิตหลักความมืดมิดตาค้าง เริ่มพูดไม่ได้ศัพท์
นี่ก็เพราะของวิเศษที่พวกต้าเต๋อเรียกออกมาสยดสยองเกินไป เป็นภัยคุกคามต่อมันอย่างมาก!
“มิใช่กระมัง! บิดาบุญธรรมตนใหม่ของข้าก็หนีไม่พ้นชะตากรรมที่ถูกข้าข่มดวงหรือนี่?!”
เจ้าหลวงร้องไห้ออกมาทันที