บทที่ 908 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้าดูหลอกง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ?’
ได้แค่คิดเท่านั้น…
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสั่นศีรษะ ความคิดเช่นนี้ดูไกลเกินไป ถึงอย่างไรจ้าวแห่งความมืดมิดก็เป็นตัวตนสยดสยองระดับนั้น อาจเป็นตัวตนที่น่ากลัวระดับเดียวกับคุณชายเลยก็ได้
การที่เขาคิดจะกำจัดจ้าวแห่งความมืดมิดออกจะไม่อยู่บนความเป็นจริงเกินไป
“ลดเป้าหมายลง กำจัดคนสนิทข้างกายจ้าวแห่งความมืดมิดแล้วเข้าแทนที่ ค่อยจู่โจมเอาชีวิตจ้าวแห่งความมืดมิดในช่วงเวลาเหมาะเจาะ!”
เขาคลี่ยิ้มพลางเอ่ย เช่นนี้ดูมีความเป็นจริงขึ้นมาก และเขาทำได้จริง ๆ
“เหลวไหล เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือว่าเจ้าเบาปัญญาเพียงใด ริอ่านคิดต่อกรกับจ้าวแห่งความมืดมิด ไม่รู้จักประเมินตนจริง ๆ ว่ามีปัญญาเพียงใด!”
หลังได้ยินคำกล่าวของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง จิตหลักความมืดมิดก็ทนไม่ไหว โพล่งออกมาทันที
จ้าวแห่งความมืดมิดเป็นตัวตนระดับใดกัน
ท่านเป็นถึงต้นกำเนิดแห่งความมืดมิด พลังที่มีอยู่ในระดับเกินหยั่งไปนานแล้ว จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยังบังอาจคิดกำจัดจ้าวแห่งความมืดมิด ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย!
อย่าว่าแต่พวกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเลย ต่อให้เป็นหลี่จิ่วเต้าผู้อยู่เบื้องหลังพวกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็ไม่นับว่ามีน้ำยาอันใดเมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวแห่งความมืดมิด!
เสียงดัง ‘เพียะ’ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตบเข้าที่ศีรษะของจิตหลักความมืดมิด
“ตนเองอยู่ในสถานการณ์เช่นไรยังไม่รู้อีกหรือ ยังกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้อีก!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตวาดเสียง “รีบเผยดวงวิญญาณของเจ้าออกมา ข้าต้องการรู้ข้อมูลเจ้า”
เขาต้องการตัวตน เพราะมิอาจเข้าร่วมความมืดมิดทั้งที่ไร้ตำแหน่ง เช่นนั้นย่อมไม่เอื้อต่อการเป็นไส้ศึกของเขา
จิตหลักความมืดมิดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากกลืนกินจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเข้าไปในคำเดียว
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงชั่วช้าจริง ๆ ตบหัวมันอยู่เรื่อย เห็นมันเป็นอะไรกัน!
ทว่าทันทีที่มันเห็นต้าเต๋อทำท่าจะเคาะมู่อวี๋อีกครั้งก็ปอดแหกขึ้นมาทันที เผยดวงวิญญาณออกไปให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพลิกดูตามอำเภอใจ
“เช่นนี้นี่เอง”
ต้าเต๋อเห็นความทรงจำของจิตหลักความมืดมิดเช่นกัน เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างจิตหลักความมืดมิดกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า
เขานับถือจากใจจริง พระอมิตาภะพุทธเจ้าแข็งแกร่งเหลือเกิน ในสถานการณ์ที่ถูกพลังมืดมิดรุกรานเต็มรูปแบบยังหลุดพ้นออกจากความมืดมิดมาได้ หัวใจธรรมของท่านยึดมั่นจนน่าทึ่ง
“ไม่มีประโยชน์แล้วหรือ เช่นนั้นก็กำจัดเขาเสีย”
เซี่ยเหยียนยกทวนยาวชี้ไปที่จิตหลักความมืดมิด ไม่มีทางไว้ชีวิตมันแน่
“เดี๋ยวก่อน!”
เวลานั้นเอง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหยุดเซี่ยเหยียนไว้ “ฝ่ายความมืดมิดน่ากลัวว่าที่ข้าคิด แดนบูชายัญอันธการที่ว่าเป็นต้นกำเนิดความมืดมิดอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นสถานที่สำคัญที่สุด”
สีหน้าของเขาเคร่งเครียด เอ่ยว่าไว้ชีวิตจิตหลักความมืดมิดไปก่อน รอจนเขาดูดกลืนพลังมืดมิดในตัวจิตหลักความมืดมิดได้เกลี้ยงแล้วค่อยปลิดชีพ
“ไหวหรือ”
ตงฟางเวิ่นขมวดคิ้วพลางเอ่ย “อย่าได้ฝืน ข้ากลัวว่าหลังเจ้าดูดกลืนพลังมืดมิดของมันไปหมดแล้วจะดำดิ่งลงไปในความมืดมิด ไม่อาจกลับออกมาได้อีก!”
“ไม่เป็นไร เรื่องนั้นมิใช่ปัญหา ข้าตั้งใจไปขอความช่วยเหลือจากพี่หลิว”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงกล่าว
พลังกระดานหมากล้อมที่เขาสามารถสำแดงออกมาไม่พอให้ดูดกลืนพลังมืดมิดทั้งหมดของจิตหลักความมืดมิดได้
ขืนทำเช่นนั้นจริง แม้แต่กระดานหมากล้อมยังมิอาจปกป้องเขาได้ เขาจะถูกความมืดมิดกลืนกินอย่างสิ้นเชิง
ทว่าเขาต้องการเข้าไปยังแดนบูชายัญอันธการ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูดกลืนพลังมืดมิดทั้งหมดของจิตหลักความมืดมิดไปให้ได้
มิฉะนั้น เขาไม่มีทางเข้าไปถึงแดนบูชายัญอันธการ
นอกจากนี้ หากพลังมืดมิดในตัวเขาไม่มากพอ ต่อให้เข้าไปยังแดนบูชายัญอันธการได้แล้วก็เปล่าประโยชน์ ต้องถูกเปิดโปงแน่
เพราะอย่างนั้น หากเขาต้องการเข้าไปถึงแดนบูชายัญอันธการ ซ่องสุมเข้าไปถึงด่านในของฝ่ายความมืดมิด อย่างน้อย ๆ เขาต้องดูดกลืนพลังมืดมิดทั้งหมดในตัวจิตหลักความมืดมิดให้หมดก่อนถึงจะพอ
ขอบเขตของพี่หลิวสูงส่งน่าอัศจรรย์ เขาอยากขอความช่วยเหลือจากพี่หลิวด้านฝึกฝน เพื่อให้เขาสามารถสำแดงพลังกระดานหมากล้อมที่รุนแรงยิ่งขึ้น แล้วดูดกลืนพลังมืดมิดทั้งหมดในตัวจิตหลักความมืดมิดจนเกลี้ยง
“ท่านแน่ใจหรือว่าต้องการทำเช่นนี้”
เซี่ยเหยียนเอ่ยด้วยท่าทางกังวล “ห้วงน้ำในฝ่ายความมืดมิดลึกล้ำอย่างยิ่ง ข้าเกรงว่าท่านจะคุมไม่อยู่…”
จะมิให้นางกังวลได้อย่างไร ในเมื่อดูจากวี่แววต่าง ๆ ฝ่ายพลังมืดมิดน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด กระทั่งคุณชายยังดูเหมือนต้องวางหมากไว้มากมายเพื่อต่อกรกับความมืดมิด
หากจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไปเป็นไส้ศึกที่ฝ่ายความมืดมิดจริง ย่อมต้องอันตรายเหลือแสน และอาจไม่มีวันได้กลับมา ต้องตายอยู่ที่นั่น
“ไม่เป็นไร ได้รับความเมตตาจากคุณชายมาตั้งมาก อย่างไรก็ต้องช่วยคลายความกังวลให้คุณชายบ้างมิใช่หรือ”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคลี่ยิ้ม “แม้ข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าวันหน้าจะเป็นประโยชน์ได้แน่ แต่ข้าจะพยายามสุดความสามารถ บางทีภายหน้าอาจเป็นประโยชน์ได้จริง ๆ!”
“ก็ได้ ระวังตัวด้วย!”
เซี่ยเหยียนเอ่ยต่อจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเสียงเข้ม
พลังมืดมิดปรากฏออกมาไม่หยุด ซ้ำยังสยดสยองขึ้นเรื่อย ๆ ความโกลาหลที่แท้จริงคงอุบัติในอีกไม่นาน ถึงครานั้น พวกเขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้ ร่วมรับมือฝ่ายความมืดมิด
“ให้จัดการอย่างไรกับเขา”
ต้าเต๋อหยิบหัวกะโหลกมารกระดูกมาไว้ในมืออีกครั้ง เคาะมันด้วยมู่อวี๋พลางชี้เจ้าหลวงและเอ่ย
เจ้าหลวงตัวสั่นงันงก ก่อนหน้านี้เขาปลงตกแล้ว บางทีตายไปทั้งอย่างนี้อาจมิใช่เรื่องเลวร้าย ช่วยให้เขาได้หลุดพ้นอย่างสิ้นเชิง
ทว่ายามความตายกำลังจะเกิดขึ้นกับเขาจริง ๆ เขากลับผวาอย่างอดมิได้ ไม่ต้องการตายไปทั้งอย่างนี้
“อย่าฆ่า เขายังมีค่าอยู่บ้าง!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม “ถูกลิขิตให้มีชะตาข่มผู้อื่น หากนำตัวไปเป็นบุตรบุญธรรมให้จ้าวแห่งความมืดมิดได้มิประเสริฐหรือ”
“ฮ่า ๆ”
เวลานั้น อ้ายฉานก็หัวเราะออกมา
นางมองเจ้าหลวงพลางกล่าว “เขาทำให้ข้านึกถึงใครคนหนึ่ง เป็นตัวละครในตำนานสถาปนาเทวดาผู้มีนามว่าเซินกงเป้า! เซินกงเป้ามิมีความสามารถอื่น ประโยค ‘สหายโปรดรอก่อน’ นั้นเสมือนยันต์เอาชีวิต ไม่รู้ว่ามีสหายตั้งเท่าไหร่ที่ต้องตายเพราะเซินกงเป้า! เขาเองก็พอกัน ประโยค ‘ท่านช่วยเป็นบิดาบุญธรรมให้ข้าที’ ส่งผลให้บิดาบุญธรรมมากมายต้องตายเพราะเขา!”
“เรื่องนี้ข้าเองก็รู้!”
จู้จื่อด้านข้างเอ่ยยิ้ม ๆ รู้จักเซินกงเป้าเช่นกัน
เขาหันมองเจ้าหลวงพร้อมกล่าว “จริงด้วย คำว่าบิดาบุญธรรมจากเขาได้ผลเหมือนกับประโยค ‘สหายโปรดรอก่อน’ จากเซินกงเป้า!”
“ข้าเองก็เห็นความสำคัญของเขาที่ตรงนี้ ต่อให้เล่นงานจ้าวแห่งความมืดมิดมิได้ จะเล่นงานสิ่งมีชีวิตข้างกายจ้าวแห่งความมืดมิดคงมิใช่ปัญหา”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยพลางยิ้ม “ข้าตัดสินใจพาเขาไปยังฝ่ายความมืดมิดด้วย! ถึงอย่างไรเขาก็มีกายเป็นร่างมืดมิด ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้”
วิธีจัดการเจ้าหลวงได้รับข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเอ่ยว่าจะขอความช่วยเหลือจากพี่หลิวให้ลงผนึกในตัวเจ้าหลวงด้วย เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหลวงแปรพักตร์ จากนั้นถึงค่อยพาเจ้าหลวงไปยังฝ่ายความมืดมิด ให้เจ้าหลวงทำลายชีวิตของสิ่งมีชีวิตฝ่ายความมืดมิด
…
ภายในจักรวาลอันหนาวเหน็บอ้างว้าง มีดินแดนแห่งหนึ่งลอยละล่องอยู่ในนั้น
ดินแดนนี้ถูกวางผนึกไว้ทั้งผืน มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทว่าภายในกลับมีพลังสยดสยองไหลเวียนเพื่อสะกดสิ่งที่อยู่ในนั้น
ปราณศพของศพฉินอี้ถูกสะกดไว้ในนี้
ทว่าบัดนี้มันทรงพลังขึ้น ผนึกนี้จองจำมันได้ไม่นานเห็น ๆ
“ศพเอ๋ย เราทั้งสองผู้ใดจะเร็วกว่ากันนะ ข้ารู้สึกว่าต้องเป็นข้า! ฮ่า ๆ”
ปราณศพหัวเราะร่วนอยู่ใต้ดิน คล้อยตามเวลาที่เลยผ่าน พลังของมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทลายผนึกเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ทว่าเวลานั้นเอง กลับมีร่างหนึ่งมาถึงที่นี่!
“ผู้ใดกัน”
ปราณศพรวบรวมสุ้มเสียงเอ่ยขึ้น
ดินแดนนี้เต็มไปด้วยผนึกน่าครั่นคร้ามที่ถูกสลักไว้ เป็นผนึกที่เจ้าของกระบี่ฉุนจวินสลักด้วยเลือดเนื้อและพลังทั้งหมด สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าได้ยืนอยู่บนดินแดนนี้
แต่ร่างนั้นกลับเข้าใกล้ได้ง่ายดาย ทั้งยังย่ำลงบนพสุธาของดินแดนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
“ที่นี่เป็นดินแดนแห้งแล้งหรืออย่างไร”
ร่างนั้นกวาดสายตาไปรอบ ๆ พลางคิดในใจ
เขามิใช่ใครอื่น หลี่จิ่วเต้านั่นเอง เวลานี้หยิบแท็บเล็ตออกมาเล่นอีกครั้ง เดินเที่ยวไปเรื่อย ๆ จนมาถึงที่นี่
ดินแดนแห่งนี้แปลกประหลาดมาก ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ ลอยคว้างอยู่ในอวกาศอย่างโดดเดี่ยว จนดึงดูดความสนใจของเขา
ทว่าเวลานั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นฉับพลัน
“บุญวาสนานำพา เจ้าเองดูเป็นผู้มีวาสนาถึงได้มายังดินแดนนี้ได้ นี่เป็นโอกาสอันดีที่ยากจะได้เจอในชีวิตของเจ้า เจ้าหนุ่มเอ๋ย เจ้าโชคดีแล้ว…”
เสียงนั้นชราภาพอย่างมาก แฝงไว้ด้วยความผ่านโลก หลี่จิ่วเต้าตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นกะทันหันนี้
ทว่าไม่นานหลี่จิ่วเต้าก็สงบลง
ที่นี่คือโลกในมือ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา เขาไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด
“เจ้าเป็นใคร” ชายหนุ่มถาม
ดูท่าที่นี่มิได้ไร้ซึ่งสิ่งใด ยังมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างดำรงอยู่
“ข้าคือจ้าวสวรรค์ไร้พ่ายผู้มีชัยไปทั่วหล้า เจ้าได้พบข้านับเป็นเกียรติยศสูงสุด ข้าสามารถประทานวาสนาการเปลี่ยนแปลงแก่เจ้า ช่วยให้เจ้าทรงพลังยิ่งขึ้น!”
เสียงชราดังขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนว่าเจ้าของเสียงชรานี้ก็คือปราณศพ
หลี่จิ่วเต้าโผล่มาที่นี่ได้ เห็นได้ชัดว่ามิใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา มันตั้งใจโน้มน้าวอีกฝ่ายให้ยอมรับใช้ตน
บัดนี้อีกเพียงเสี้ยวเดียวมันก็จะทลายผนึกได้อย่างสมบูรณ์แล้ว จึงอยากเกลี้ยกล่อมหลี่จิ่วเต้าให้ตีขนาบร่วมกับมันจากด้านนอกเพื่อทลายสะกดในดินแดนนี้
“จ้าวสวรรค์ไร้พ่ายรึ? จริงหรือนี่”
หลี่จิ่วเต้าถามด้วยความขบขัน
ต่อหน้าเข้า มีผู้ไร้พ่ายที่ไหนกัน
“แน่นอน!” ปราณศพตอบ
มันกล่าวต่อ “ในอดีต ข้าถูกหักหลังอย่างอนาถ ถูกลูกศิษย์ของข้าเองทำร้าย ต่อมายังถูกเขาผนึกไว้ในที่นี่ เหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้าย ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมช่วยข้า! แน่นอนว่าข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วยโดยไร้สิ่งตอบแทน หลังข้าออกไปได้เมื่อใด ข้าจะถ่ายทอดวิชาสวรรค์ไร้พ่าย ยอดศาสตราไร้พ่ายแก่เจ้า!”
แน่นอนว่าจ้าวสวรรค์ไร้พ่ายอะไรนี่เป็นเรื่องที่มันแต่งขึ้นมาเพื่อหลอกล่อหลี่จิ่วเต้าเท่านั้น
ทว่ามันมีแรงศรัทธาไร้พ่ายอย่างแท้จริง
มันคือปราณศพในศพฉินอี้เชียวนะ!
“…”
หลังหลี่จิ่วเต้าได้ฟังก็หมดคำพูด
อะไรกัน หมอนี่เห็นว่าเขาหลอกง่ายเพียงนั้นจริงหรือ
เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคเขาก็ยอมเชื่ออย่างนั้นหรือ
“ตอนนี้ ข้าสามารถถ่ายทอดวิชาสวรรค์ให้เจ้าหนึ่งกระบวนท่า เพื่อพิสูจน์ว่าข้ามิได้โป้ปด”
ปราณศพเข้าใจดีว่าพูดปากเปล่านั้นไร้ความหมาย จึงสาธยายกระบวนท่าวิชาสวรรค์ไปบทหนึ่ง
วิชาสวรรค์นี้เก่งกาจอย่างแท้จริง เป็นวิชาที่เขาได้จากโลกหลังฉาก ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระขั้นห้าก็ต้องหวั่นไหวเป็นหนักหนา มันไม่เชื่อว่าจะลวงหลี่จิ่วเต้าไม่อยู่
มันสาธยายวิชาสวรรค์ไปหมดโดยไม่กักเก็บ
“ขอเพียงเจ้ายอมช่วยข้า ข้าย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าเสียเปรียบ ขอบอกเจ้าตามตรง วิชาสวรรค์นี้ไม่นับว่ายิ่งใหญ่เท่าใด ข้ามีวิชาสวรรค์ที่ทรงพลังกว่านี้ หลังข้าออกไปได้ ข้าจักถ่ายทอดวิชาสวรรค์ที่ทรงพลังกว่านี้ให้เจ้าทันที!”
ปราณศพกล่าวต่อ
ถ่ายทอดวิชาสวรรค์ที่ทรงพลังกว่านี้?
อย่าพูดให้ขำเลย!
หลังมันออกไปได้ มันจะกลืนกินหลี่จิ่วเต้าในคราเดียว!