ตอนที่ 934 สถานีตำรวจ
เพียงแค่วันเดียว เจี่ยงจื้อเฉียงถูกเปิดโปงจนหมดสิ้น
ตอนนี้หลินม่ายอยู่ในชั้นเรียน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาแจ้งให้เธอทราบในเรื่องนี้
มีคุณป้าคนหนึ่งถูกจับ พวกเขากำลังรอเธอไปประกันตัวที่สถานีตำรวจ
หลินม่ายนึกคิดในใจอย่างรวดเร็ว และจำได้ว่าตนเองไม่มีญาติสนิทคนไหนที่อยากจะให้ไปประกันตัวให้
เธอกล่าวถามกับที่ปรึกษาอีกครั้ง และจากนั้นจึงทราบว่าป้าที่ขอให้เธอไปประกันตัวให้คือป้าคนเดียวกับที่เธอขอให้จัดการกับเจี่ยงจื้อเฉียง
ในใจหลินม่ายเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เธอแค่ขอให้ป้าคนนั้นดูถูกเจี่ยงจื้อเฉียง แล้วทำไมถึงถูกตำรวจจับ? แล้วเธอยังต้องไปประกันตัวหล่อนอีกเหรอ?
หลินม่ายรีบขึ้นแท็กซี่มุ่งสู่สถานีตำรวจทันที
เป็นอีกครั้งที่เธอหงุดหงิดตัวเองที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว
โชคดีที่ในยุคสมัยนี้การเรียกแท็กซี่เป็นเรื่องง่าย หากการเรียกแท็กซี่เป็นเรื่องยากเหมือนในชีวิตที่แล้ว เธอคงต้องประสบแต่ความยุ่งยากแน่นอน
ก่อนหน้านี้เธอโทรบอกฟ่านฉางคงให้เขาช่วยซื้อรถยนต์สองคันในฮ่องกงให้ตน ซึ่งไม่รู้เลยว่าเขาดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
กลับบ้านวันนี้เธอค่อยโทรไปถามเขา
เมื่อหลินม่ายมาถึงสถานีตำรวจ เธอก็วิ่งเข้ามา และรูปลักษณ์ของป้าคนนั้นได้ทำให้เธอประหลาดใจอีกครั้ง
คุณป้าถูกทุบตีจนใบหน้าฟกช้ำ
หลินม่ายรีบถาม “คุณป้าเฉียน ใครทุบตีคุณอย่างนี้คะ? แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้?”
ป้าเฉียนชำเลืองมองตำรวจด้านข้าง
คดีของป้าเฉียนจบลงแล้ว แม้ตำรวจยังไม่ยอมปล่อยตัวเธอไป แต่ก็ไม่มีใครกำลังสนใจเธอในตอนนี้
เวลานี้ป้าเฉียนลดเสียงลงเล็กน้อย “นักข่าวคนนั้นเป็นคนทุบตีฉัน”
จากนั้นหล่อนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “สหายเสี่ยวหลิน เราตกลงกันว่าฉันจะดุด่าคนนั้นเพื่อเธอ แต่ตอนนี้ฉันถูกซ้อมแล้ว เธอก็เห็นแล้วนี่?”
หลินม่ายยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
เธอไม่คิดมาก่อนว่าเจี่ยงจื้อเฉียงจะเอาชนะใครสักคนด้วยกำลัง อย่างน้อยเขาที่เป็นนักข่าวควรจะเป็นปัญญาชนไม่ใช่เหรอ?
“ฉันจะให้ค่ารักษาพยาบาล 1,000 หยวน บวกค่าทำขวัญ 1,000 หยวน คุณป้าตกลงไหมคะ?”
ป้าเฉียนไม่คิดเลยว่าหลินม่ายจะใจกว้างกับตนมากเช่นนี้
หล่อนคิดว่าหลินม่ายควรจะจ่ายเงินให้ตนไม่เกิน 5-600 หยวนเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วอาการบาดเจ็บของหล่อนก็ไม่ใช่ร้ายแรงอะไร
ส่วนค่าทำขวัญของป้าเฉียนมันก็ควรอยู่ที่ 600 หยวนเท่านั้น แต่เวลานี้ป้าเฉียนได้ยินว่าหลินม่ายจะมอบเงินจำนวน 2000 หยวนให้ตน
เพราะป้าเฉียนมีทักษะการพูดยอดเยี่ยม เวลานี้เธอรีบกล่าวคำ “เอาล่ะ ตกลง คุณก็คงไม่คิดว่าชายแซ่เจี่ยงคนนั้นจะถึงขั้นลงไม้ลงมือ โทษใครไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่เราก็คาดไม่ถึง”
หลินม่ายหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า 2,000 หยวนก่อนจะมอบให้ป้าเฉียน
ป้าเฉียนเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างยินดี
เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนหนึ่งเข้ามาเตือนหลินม่ายให้จ่ายเงินประกันตัว
หลินม่ายหันไปกล่าวอย่างสุภาพ “ฉันก็มาแล้วนี่ไงคะ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะหลบหนีไปไหนหรอกค่ะ แต่ฉันขอคุยกับป้าฉันก่อนได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ตำรวจหญิงกล่าวต่อว่า “คุณสามารถคุยกับเราได้ค่ะ”
จากนั้นหล่อนแสดงให้หลินม่ายดูคำสารภาพทั้งหมดของป้าเฉียน เจี่ยงจื้อเฉียง และผู้ชมโดยรอบ
เพราะมันไม่ใช่คดีอาญา เป็นเพียงข้อพิพาททางแพ่งและสามารถแสดงต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องได้
หลินม่ายอ่านคำรับสารภาพทั้งหมด และเข้าใจรายละเอียดกว่าเก้าในสิบ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
ป้าเฉียนได้รับคำสั่งจากเธอไปบุกไปยังที่พักของเจี่ยงจื้อเฉียงในตอนเช้า เพื่อสร้างความอับอายให้กับเขา
แต่หลังจากพูดออกไปไม่กี่คำ เจี่ยงจื้อเฉียงทั้งเตะและต่อยหล่อนอย่างหนัก
ตอนนี้แม้ป้าเฉียนจะร้องอ้อนวอนและกล่าวขอโทษ มันก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
หากเพื่อนบ้านของเจี่ยงจื้อเฉียงไม่เข้าไปดึงออกมา ป้าเฉียนคงต้องเจ็บตัวหนักกว่านี้
หลินม่ายหันมองรอบ ๆ และถามป้าเฉียนเสียงต่ำ “แล้วทำไมชายแซ่เจี่ยงถึงไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะคะ? เขาเป็นคนผิดเหมือนกันนี่คะ?”
ป้าเฉียนเม้มปากอย่างไม่พอใจ “คุณคิดถูกต้องแล้ว แต่เพราะเขาเป็นนักข่าว และมีผู้มีสิทธิพิเศษเข้ามาช่วยเขาออกไปนานแล้ว!”
หลินม่ายคืนคำให้การกับตำรวจหญิงก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณเป็นตำรวจที่ดูแลคดีของคุณป้าเหรอคะ?”
นับตั้งแต่หลินม่ายก้าวเข้ามาในสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงหลายคนจดจำเธอได้
ไม่ว่าจะยุคนี้หรือชาติที่แล้วของหลินม่าย มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบดารา และผู้หญิงที่ไล่ตามดาราก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก
แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงก็ไม่ถูกละเว้น แค่พวกเขาไม่ได้บ้าคลั่งเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนนี้คือแฟนตัวยงของเธอ และกำลังจะจ้องมองเธออย่างตั้งใจ
เมื่อเห็นหลินม่ายคุยกับเธอ เวลานี้หล่อนก็ส่ายหน้าพัลวันก่อนจะพูดว่า “ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกพี่ชายที่จัดการคดีนี้มาให้นะคะ”
หลังจากนั้นไม่นาน ชายวัยกลางคนที่เป็นคนดูแลคดีนี้เดินเข้ามา
ทันทีที่มาถึง เขากล่าวถามทันที “มีปัญหาอะไรกับคดีเหรอครับ?”
หลินม่ายตอบกลับด้วบใบหน้าเย็นชา “ก็เห็นกันอยู่ว่าป้าเป็นเหยื่อถูกทำร้าย ทำไมหล่อนถึงถูกควบคุมตัวเอาไว้ และยังต้องประกันตัวด้วย? แต่คุณกลับปล่อยบุคคลที่ก่อเหตุออกไปงั้นเหรอ? อย่างนั้นช่วยอธิบายให้ฉันฟังสักหน่อยเถอะค่ะว่าเหตุผลมันคืออะไร”
ป้าเฉียนบอกเจ้าหน้าที่วัยกลางคนว่าหล่อนต้องการให้หลินม่ายมาประกันตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคิดว่าคน ๆ นั้นคงเป็นบุคคลที่มีชื่อตรงกับผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่เท่านั้น
เพราะเขาไม่สามารถเชื่อมโยงป้าปากตลาดกับหลินม่ายผู้เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ได้
และเมื่อครู่นี้ รุ่นน้องตำรวจเดินเข้ามาหาเขา และบอกว่าหลินม่ายที่มาประกันตัวป้าคนนี้คือนักธุรกิจรายใหญ่ เขาสัมผัสได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
และเมื่อเห็นหลินม่ายในเวลานี้ เขายิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นตำรวจมานานกว่าเกือบสิบปีและมีประสบการณ์มากมาย จึงพอจะรู้ถึงวิธีหลบเลี่ยงปัญหาร้ายแรงที่จะเกิด
เขายกยิ้มให้หลินม่ายอย่างเป็นมิตร “ป้าคนนี้ดุด่าคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผลก่อนนะครับ”
หลินม่ายตอบกลับ “ค่ะ หล่อนผิดที่ดุด่าเขา แต่แน่นอนว่าการทุบตีหล่อนอย่างนี้มันเป็นเรื่องผิดมากกว่า คุณเป็นตำรวจแต่ไม่เข้าใจเรื่องนี้เหรอคะ?”
ตำรวจวัยกลางคนถึงกับพูดไม่ออก
หลินม่ายยังคงพูดต่อไปอย่างชัดเจน “มีเขียนไว้ในคำให้การว่า หลังจากป้าดุด่านักข่าวแซ่เจี่ยงไปไม่กี่คำ เขาก็เริ่มลงมือทุบตีหล่อนทันที ป้าพยายามขอโทษแล้ว แต่ชายแซ่เจี่ยงก็ยังไม่ยอมหยุดมือ แม้ในใจยังคงโกรธ แต่มันก็ควรจะจบลงหลังจากทุบตีสักครั้งสองครั้ง แต่การที่ทุบตีอีกฝ่ายเกือบยี่สิบนาที ใครคือเหยื่อ ใครคือผู้กระทำความผิด คุณไม่รู้เรื่องนี้เหรอคะ? อีกอย่างคุณกลับปล่อยตัวผู้ทำผิดไป และกักขังเหยื่อเอาไว้ อีกทั้งยังต้องจ่ายเงินประกันถึงจะปล่อยตัวได้ด้วย ชายแซ่เจี่ยงคนนั้นเป็นญาติของคุณหรือเปล่า? ทำไมคุณถึงมีสิทธิพิเศษให้กับเขาโดยไม่ต้องสนใจกฎหมาย? หรือว่าเขามีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นคะ?”
ตำรวจวัยกลางคนทำได้เพียงลอบนึกคิดในใจว่าหล่อนเป็นนักธุรกิจชื่อดังแล้วยังอายุน้อยอีกด้วย เป็นบุคคลที่น่าประทับใจจริง ๆ
ในวันที่อากาศค่อนข้างหนาว กลับมีเหงื่อไหลซึมออกจากหน้าผากของเขา
ตำรวจวัยกลางคนตอบเพียงว่า “นักข่าวเจี่ยงคนนั้นจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณป้าแล้วครับ”
ป้าที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับกังวลขึ้นมาทันที
หล่อนไม่ได้บอกหลินม่ายว่านักข่าวเจี่ยงจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับตนแล้ว หล่อนแค่อยากได้ค่ารักษาพยาบาลจากหลินม่ายเท่านั้น
เวลานี้เมื่อพูดถึงค่ารักษาพยาบาลที่เจี่ยงจื้อเฉียงให้มา หล่อนก็กังวลว่าหลินม่ายจะดึงเอาค่ารักษาพยาบาลหนึ่งพันหยวนคืนไป
หลินม่ายหันมาถามป้าว่า “นักข่าวแซ่เจี่ยงให้ค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่เหรอคะ?”
ป้ากล่าวผ่านไรฟัน “หนึ่งร้อยหยวนจ้ะ”
หลินม่ายหันศีรษะไปหาตำรวจวัยกลางคนอีกครั้งก่อนจะกล่าวประชดประชันว่า “ฉันนึกว่าคุณจะให้นักข่าวที่ทำความผิดคนนั้นจ่ายให้ป้าหนึ่งหมื่นหยวนซะอีก!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนถูกหลินม่ายดุด่าตลอดเวลา สีหน้าของเขาตอนนี้กลายเป็นน่าเกลียด “หนึ่งร้อยหยวนก็มากพอแล้วล่ะครับ มันเทียบเท่ากับเงินเดือนหนึ่งเดือนของคนงานในโรงงานทั่ว ๆ ไป!”
เวลานี้สีหน้าเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินม่าย “เพราะเงินหนึ่งร้อยหยวนหรือเปล่าคะที่ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษทางกฏหมาย?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับพูดไม่ออก
หลินม่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ฉันไม่สนใจเงินหนึ่งร้อยหยวน แต่ฉันจะให้คุณคืนเงินหนึ่งร้อยหยวนให้คุณป้าเดี๋ยวนี้ แล้วจับกุมนักข่าวแซ่เจี่ยงคนนั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พาคุณป้าไปประเมินอาการบาดเจ็บด้วย หากอาการบาดเจ็บของหล่อนมากกว่าการเจ็บตัวเล็กน้อยทั่วไป ฉันต้องการให้นักข่าวแซ่เจี่ยงเข้าคุก และจะไม่ยินยอมไกล่เกลี่ยใด ๆ!”
ตำรวจวัยกลางคนรู้สึกรำคาญ “ผมบอกหลายพันรอบแล้ว ถ้าป้าคนนี้ไม่ดุด่าเขาต่อหน้าคนอื่น หล่อนจะถูกทุบตีได้ยังไง?”
หลินม่ายยิ้มเยาะ “คุณเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนแรกที่พูดกับฉันแบบนี้ ถ้าคุณป้าสมควรถูกทุบตีเพราะดุด่าใครสักคน จากความคิดของคุณแล้ว นักข่าวแซ่เจี่ยงที่ทุบตีผู้อื่นเช่นนี้ เขาสมควรถูกฆ่าไหมคะ?”
ตำรวจเม้มปากแน่นและยังไม่ตอบกลับ
หลินม่ายรู้สึกว่าเขาไม่ต่างอะไรจากเป็ดที่ตายแล้ว ปากแข็ง ไม่ยอมรับผิด และไม่คิดแก้ไข
เธอไม่ต้องการพูดจาไร้สาระกับเขาอีกต่อไป เวลานี้จึงขอพบผู้กำกับแทน
เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนกลายเป็นรีบร้อนขึ้นมาทันที เขากล่าวกับหลินม่ายอย่างกระตือรือร้น “ถ้าคุณคิดว่าคดีนี้มีปัญหา งั้นเรามาจัดการมันใหม่ ไม่จำเป็นต้องให้เรื่องนี้ถึงผู้กำกับหรอกครับ”
“ฉันต้องการพบผู้กำกับ!” หลินม่ายตอบหนักแน่น
ก่อนหน้านี้เธอบอกให้เขารื้อคดีความขึ้นมาอีกครั้ง แต่เป็นเขาที่คิดบ่ายเบี่ยงและพยายามลบเลี่ยง
ตอนนี้เธอต้องให้โอกาสเขาอีกครั้งงั้นเหรอ?
ใบหน้าของเขาใหญ่กว่าคนอื่นหรือไร?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กลายเป็นคดีใหญ่ขึ้นมาอีก ทำไมช่วงนี้ม่ายจื่อเจอแต่เรื่องที่ต้องทำตัวแรงๆ กันนะ?
ไหหม่า(海馬)