บทที่ 910 จากไปอย่างมั่นใจ หลี่จิ่วเต้าไม่มีทางรอดชีวิต!
ปราณศพคิดว่ามันหนีได้แล้ว หารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของมัน!
พริบตาต่อมา พลันปรากฏพลังที่ไม่อาจอธิบายได้เคลื่อนเข้ามา ปราณศพตื่นตกใจกลัว ร่างแยกนับร้อยล้านสายถูกดึงกลับมาด้วยพลังอันไม่อาจอธิบายได้!
“เกิดอันใดขึ้น?!”
ปราณศพรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูก เกิดอันใดขึ้นกัน? มันรับรู้ได้ว่าร่างแยกนับร้อยล้านที่กระจัดกระจายไปถูกพลังอันไม่อาจอธิบายได้ดึงไปที่ไหนสักแห่ง!
“ไม่ใช่แล้ว!”
มันไม่อยากจะเชื่อ นี่มันพลังอันใดกัน?
ร่างแยกนับร้อยล้านกระจัดกระจายไปทั่วทุกสถานที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำกันสักที่ แต่กระทั่งร่างที่ไปอยู่หลังฉากยังถูกพลังดึงดูดให้มาด้วย!
น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
มันระเบิดพลังออกมาสุดแรง ร่างแยกทั้งร้อยล้านเคลื่อนไหวพร้อมกันเพื่อพยายามทำลายพลังที่ดึงมันไป
ทว่าทุกสิ่งอย่างล้วนไร้ผล ไม่เกิดสิ่งใดขึ้นแม้แต่น้อย!
ชั่วอึดใจเดียว ร่างแยกทั้งร้อยล้านของมันก็รวมตัวกลับไปยังสถานที่แห่งนี้ กลับมาอยู่ยังเบื้องหน้าหลี่จิ่วเต้า
“เป็นไปได้อย่างไร?!”
ปราณศพตื่นตะลึงขวัญหนีดีฝ่อ
แม้มันจะเป็นเพียงแค่ปราณ แต่ก็น่ากลัวทรงพลังอย่างถึงที่สุด กระทั่งเหล่ายอดฝีมือเช่นพวกประมุขแห่งสรวงสวรรค์ของหลังฉาก ต่อหน้ามันเป็นได้เพียงแสงเทียนริบหรี่ แค่หนึ่งลมหายใจก็จัดการได้สิ้น
ทว่าต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า มันกลับเป็นเพียงแค่แสงเทียนริบหรี่เสียเอง ความต่างชั้นมากเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้!
หลี่จิ่วเต้าผู้นี้คือใครกันแน่?!
คนติดตามข้างกายผู้เบิกทางอย่างนั้นหรือ?!
มันรู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับฉินอี้และผู้ติดตามคนอื่น ๆ!
“ไร้มารยาทเสียจริง จากไปไม่เอ่ยแม้แต่คำอำลา”
ชายหนุ่มแย้มยิ้ม ไม่มีความตั้งใจจะปล่อยปราณศพไปแต่แรก
สำหรับเรื่องเตรียมการป้องกันความล้มเหลว ปล่อยให้ปราณศพหลบหนีไปได้ เขาไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย
เพียงแค่หนึ่งความคิด ปราณศพที่หลบหนีไปก็กลับมาอีกครั้ง
“ให้โอกาสข้าได้หรือไม่! ท่านอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำ!” ปราณศพวิงวอน
มันไม่อยากดับสลายลงไปเช่นนี้ ขอเพียงแค่หลี่จิ่วเต้าปล่อยไป มันก็พร้อมยอมทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจจริง ๆ
คิดดูแล้วตัวมันในก่อนหน้านี้ก็ช่างไม่ประมาณตนเหลือเกิน คิดว่าตนเองหนีได้แล้ว จึงย่ามใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังกล่าวอีกว่าหลี่จิ่วเต้าผยองเกินไป
สุดท้ายแล้วทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงมันที่ไม่รู้สิ่งใดเลย!
มันไม่ใช่คู่ต่อกรของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ความต่างชั้นมีมากเกินไป
ตู้ม!
ขณะนั้นเอง พลันปรากฏเมฆสีแดงฉานลอยอยู่เหนือจักรวาลหมื่นดารา
หมู่เมฆแดงฉานที่ก่อนหน้านี้อยู่ไกลลิบจนไม่รู้ว่าไกลเพียงใด ทว่าเพียงพริบตาเดียวกลับมาโผล่มาอยู่ที่นี่เสียแล้ว!
ปรากฏว่านี่ไม่ใช่เมฆสีแดงฉาน แต่เป็นดินแดนสีเลือด เมื่อเข้าใกล้ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทั่วทั้งผืนแผ่นดินเต็มไปด้วยสีแดงชาด ทำให้ทั้วทั้งจักรวาลหมื่นดาราถูกสะท้อนด้วยสีเลือด ดูแล้วน่าหวาดเกรงเป็นอย่างยิ่ง
“ดูสภาพเจ้าในตอนนี้เสีย ช่างน่าอับอายขายหน้ายิ่ง!”
ภายในดินแดนสีชาดมีเสียงตวาดดังขึ้นมา ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะปรากฏออกมา
เขาเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ลมหายใจที่แผ่ออกมาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองประหนึ่งทะเลสาบโลหิต บนร่างดูไร้ซึ่งความมีชีวิตแม้แต่น้อย สิ่งที่แผ่ออกมามีเพียงแค่ลมหายใจแห่งความตาย ประหนึ่งเป็นศพที่ตายไปนานแล้ว นานเกินกว่าที่ใครจะล่วงรู้!
“มู่ชิง!”
เมื่อปราณศพเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้ก็พลันรู้สึกเหลือเชื่อ เหตุใดจึงเป็นมู่ชิง?!
มู่ชิงนั้นเหมือนกับฉินอี้ เป็นผู้ติดตามข้างกายผู้เบิกทาง ความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตลึกล้ำจนไม่อาจจินตนาการถึง
‘จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร? มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉินอี้แล้ว เกิดเรื่องบางอย่างกับมู่ชิงด้วยก็ไม่แปลกเกินไปนัก’
มันกล่าวขึ้นมาในใจ ตระหนักอย่างชัดเจนว่าชายวัยกลางคนไม่ใช่มู่ชิงจริง ๆ แต่เป็นปราณศพของมู่ชิง
ก่อนหน้านี้สิ่งที่ทำให้มันรู้สึกเหนือความคาดหมายก็คือมู่ชิงตายแล้ว!
แต่เมื่อทบทวนดูอีกที เรื่องนี้มีอันใดน่าประหลาด?
อย่างไรเสียก็มีเรื่องเกิดขึ้นกับฉินอี้ด้วย…
มันรู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าปราณศพมู่ชิงตำหนิมันที่ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเพียงนี้
มีความแตกต่างขนาดใหญ่ระหว่างมันและปราณศพมู่ชิง มันสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ตั้งแต่แรกเห็น
ปราณศพมู่ชิงได้เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงร่างทำให้ถึงระดับที่ยกสูงขึ้น นั่นคือการเปลี่ยนแปลงร่างและยกระดับที่มันต้องการมาโดยตลอด
น่าเสียดาย มันช่างอนาถเกินไปแล้ว เมื่อออกมาได้เพียงไม่นานก็ถูกสยบอย่างรุนแรง ปราณศพและร่างศพถูกแยกจากกัน ไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่ห่างไกลเกินการเปลี่ยนแปลงร่างและยกระดับขึ้นมากเพียงใด
“เจ้าช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คิดว่าตนสามารถกวาดล้างทุกสิ่งได้ ไม่รู้ว่าตนเองต้อยต่ำเพียงใด ผลลัพธ์ก็ออกมาให้เห็นชัดแล้ว!”
ปราณศพมู่ชิงยังคงตำหนิ “คิดดูเสีย เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าตนสามารถกวาดล้างทุกสรรพสิ่ง หากเป็นเช่นนั้นจริง ทั้งเจ้าและข้าคงไม่อาจมีตัวตนขึ้นมาเช่นนี้”
ปราณศพฉินอี้ที่ถูกปราณศพมู่ชิงตำหนิอัดอั้นตันใจยิ่งนัก
ร่างศพพวกมันแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ปราณศพมู่ชิงกลับตำหนิมันเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กน้อย เช่นนี้จะไม่รู้สึกอัดอั้นตันใจได้อย่างไร
ทว่ามันก็ไม่อาจเอ่ยโต้แย้งได้
มันเข้าใจในสิ่งที่ศพมู่ชิงเอ่ย
หากพวกมันไร้เทียมทานในโลกหล้าจริง ๆ ฉินอี้และมู่ชิงก็คงไม่ตาย ปราณศพอย่างพวกมันคงไม่มีตัวตนขึ้นมา
ยามนั้นมันหยิ่งผยองเกินไปจริง ๆ คิดว่าตนสามารถกวาดล้างสรรพสิ่ง อาละวาดอยู่หลังฉากได้ตามอำเภอใจ ผลลัพธ์กลับถูกปราบปรามอย่างดุร้าย
เห็นได้ชัดว่าปราณศพมู่ชิงตระหนักได้ถึงจุดนี้ จึงทำตัวเรียบง่ายมากในช่วงแรก ไม่ก่อปัญหาที่ดึงดูดความสนใจใด ๆ จนตอนนี้ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงร่างและยกระดับเป็นที่เรียบร้อย
มันเกลียดชังยิ่งที่ตนเองในยามนั้นไม่อาจตระหนักได้และทำตัวเรียบง่ายในช่วงแรก ไม่เช่นนั้นยามนี้มันคงจะอยู่ในระดับเดียวกับปราณศพมู่ชิงแล้ว
สุดท้าย… สุดท้ายมันก็ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับหลี่จิวเต้า และไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะถูกทำลาย
“มากับข้า ครั้งนี้ข้ามาหาเจ้าโดยเฉพาะ”
ปราณศพมู่ชิงไม่แม้แต่จะมองหลี่จิ่วเต้ายามเอ่ยออกมา
เมื่อหลี่จิ่วเต้าได้เห็นฉากดังกล่าว ภายในใจพลันคิดว่าเหตุใดจึงยังตำหนิผู้อื่นกัน? ว่าแต่คนอื่นไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แล้วตนเองรู้หรือไร?
“นี่…อย่าได้ประมาทเชียว! เขาไม่อาจรับมือได้โดยง่าย!”
ปราณศพฉินอี้มองไปทางหลี่จิ่วเต้า จากนั้นก็เอ่ยเตือนปราณศพมู่ชิง
แม้ปราณศพมู่ชิงจะเปลี่ยนแปลงร่างและยกระดับขึ้น พลังแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด แต่มันก็ยังไม่มั่นใจเท่าใดนัก ฝีมือที่หลี่จิ่วเต้าสำแดงออกมาก่อนหน้านี้น่าหวาดกลัวเกินไป
“เจ้าพูดอันใดกัน!”
เห็นได้ชัดว่าปราณศพมู่ชิงไม่ได้ใส่ใจคำเตือนของปราณศพฉินอี้ “ข้าบอกว่าจะพาเจ้าไป เช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้”
ตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงร่างกายและยกระดับขึ้นแล้ว ความแข็งแกร่งของมันเข้าใกล้ขอบเขตไร้ขีดกำจัดของเจ้าของร่างอย่างมู่ชิงมาก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าไร้พ่ายทั่วโลกหล้า แต่ก็ไม่มีปัญหาอันใดในการช่วยเหลือปราณศพฉินอี้
นอกจากนี้ มันไม่ได้มีเพียงตัวคนเดียว ยังมีร่างศพของยอดฝีมือระดับเดียวกันอยู่ แต่ละร่างก็สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายและยกระดับขึ้น สามารถออกมาช่วยเหลือมันได้ตลอดเวลา ไม่ว่าหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ย่อมไร้ค่า
“อย่า…พวกเราควรรอบคอบมากกว่านี้!”
มันเตือนปราณศพมู่ชิงอีกครั้ง “เขารับมือได้ยากจริง ๆ!”
มันไม่รู้จะเอ่ยคำใดจริง ๆ ปราณศพมู่ชิงเพิ่งจะสั่งสอนมันไป เหตุใดเมื่อถึงคราวตนเองถึงไม่แม้แต่จะรอบคอบสักนิด ช่างมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว!
ความหยิ่งผยองเช่นนี้ทำให้มันทนทุกข์ และเพราะความหวังทั้งหมดของมันฝากไว้กับปราณศพมู่ชิงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้ปราณศพมู่ชิงทุกข์ทรมานในเงื้อมมือของหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว หากไม่มีความมั่นใจ เหตุใดข้าจึงจะมาช่วยเจ้า?”
ปราณศพชิงอี้กล่าว
หลังจากนั้นมันก็มองไปทางหลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง “ข้าต้องการพามันไป หวังว่าเจ้าจะรู้จักแยกแยะ ไม่รนหาที่ตาย!”
มันหยิ่งยโสอย่างแท้จริง ไม่เห็นหลี่จิ่วเต้าอยู่ในสายตา มั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก
“ข้าเองก็จะกล่าวว่าข้าต้องการให้เจ้าอยู่ต่อด้วย หวังว่าเจ้าจะรู้จักแยกแยะ อยู่ต่อแต่โดยดี!” หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
ตู้ม!
ขณะนั้นเอง ด้านหลังหลี่จิ่วเต้าพลันมีเสียงระเบิดดังขึ้น ลำแสงอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าตรงเข้าใส่หลี่จิ่วเต้า
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่อาจทันตั้งตัว กระทั่งปราณศพฉินอี้เองก็ตื่นตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง
ที่แท้ปราณศพมู่ชิงก็ไม่ได้หยิ่งผยองหลงระเริงในตนเอง แต่ตั้งใจทำท่าทีเช่นนั้นเพื่อเตรียมตัวสำหรับการลอบโจมตี
ต้องกล่าวว่าปราณศพมู่ชิงเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว แม้พลังจะสูงเพียงพอ แต่ก็ยังคงไม่ประมาทเลินเล่อ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับหลี่จิ่วเต้า แสร้งแสดงท่าทางผยองก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหลี่จิ่วเต้า ให้ลอบโจมตีเขาได้
ด้านหลี่จิ่วเต้าเองก็คาดไม่ถึง ทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิด ลำแสงอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทะเข้ากับด้านหลังของเขา ทำให้เขาได้รับแรงกระทบกระเทือนครั้งใหญ่!
หากเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ย่อมไม่มีทางหลีกเลี่ยง อีกทั้งพลังในลำแสงสายนี้ยังน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง หลังโดนโจมตีเข้าไป แม้จะไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
ทว่าน่าเสียดาย เป้าหมายของลำแสงคือหลี่จิ่วเต้า ย่อมถูกกำหนดแล้วว่าไม่ประสบความสำเร็จ
เพียงแค่หลี่จิ่วเต้าคิด ลำแสงด้านหลังของเขาก็เลือนหายไปทันที พลังอันน่าสะพรึงกลัวสลายสิ้นลงไปอย่างสมบูรณ์ภายในพริบตาเดียว ราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
รูม่านตาของร่างศพมู่ชิงหดแคบลงเล็กน้อย คาดไม่ถึงอยู่บ้าง มันประเมินหลี่จิ่วเต้าเอาไว้สูงตั้งแต่แรก ทว่าดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนว่ามันจะยังประเมินหลี่จิ่วเต้าต่ำเกินไป
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งดินแดนสีเลือดระเบิดออก ทะเลโลหิตพุ่งออกมา ไหลหลากราวกระแสน้ำจากฟากฟ้าโหมซัดลงชายฝั่ง กระทั่งปริภูมิเวลายังถูกรบกวน!
“บังอาจ! กล้าดีเช่นไรมารบกวนปริภูมิเวลา!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้น ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาปรากฏออกมา กฎปริภูมิเวลาที่เขาทิ้งเอาไว้ที่นี่ถูกรบกวน ทำให้พวกเขาสังเกตเห็น
ทะเลโลหิตที่ไหลหลากจากฟ้าแยกฝั่งหลี่จิ่วเต้าและร่างศพมู่ชิงออกจากกัน สมาชิกผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาไม่เห็นหลี่จิ่วเต้า พลังในทะเลโลหิตน่าหวาดกลัวเกินไป ไม่อาจมองผ่านได้ พวกเขาจึงเห็นเพียงแค่ร่างศพมู่ชิงเท่านั้น
“หลีกไป!”
ร่างศพมู่ชิงหันกลับมา ดวงตาทั้งสองน่าหวาดกลัวราวพระจันทร์สีเลือด พลังอันดุดันไร้ขอบเขตแผ่ปกคลุมสมาชิกผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาในทันที ทำให้พวกเขาอดรู้สึกหนาวเหน็บถึงหัวใจไม่ได้
“ตกลง พวกเราไป!”
“ไป!”
สมาชิกผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นร่างศพมู่ชิง จึงรีบออกจากที่สถานแห่งนี้ในทันทีแบบไม่หยุดคิด
หลังของพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ร่างศพมู่ชิงน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“กลับเป็นร่างศพของมู่ชิง! ช่างมันเถิด รบกวนก็รบกวน! ขอเพียงแค่ไม่มากเกินไป”
พวกเขาเองก็รับรู้ถึงที่มาของร่างศพมู่ชิง จึงกล่าวขึ้นทันทีที่ออกมาไกลแล้ว ไม่กล้าจะทำสิ่งใดกับร่างศพมู่ชิง
ทะเลโลหิตโถมเข้าใส่หลี่จิ่วเต้าในพริบตา สีหน้าของศพมู่ชิงพลันคลายลงมาเล็กน้อย
แม้หลี่จิวเต้าจะแข็งแกร่งหรือเก่งกล้าเพียงใด หากจมลงไปในทะเลโลหิตก็ไม่อาจรอดชีวิตได้อีกต่อไป
เลือดทุกหยดในทะเลโลหิตน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง สามารถกำจัดหลี่จิ่วเต้าได้อย่างสิ้นซาก!
“ไปเถิด”
มันโบกมือแล้วพาปราณศพออกไปอย่างมั่นใจ อีกฝ่ายไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน
พริบตาต่อมาพวกมันก็จากออกมาไกล
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าสามารถวางใจได้แล้ว”
ร่างศพมู่ชิงยิ้มแล้วกล่าวกับปราณศพฉินอี้
“ข้าไม่วางใจ!”
ปราณศพฉินอี้เอ่ยโดยพลัน “ฉากนี้มันช่างคุ้นเคย…”
หลี่จิ่วเต้าถูกสังหารแล้วจริงหรือ?
พวกมันสามารถหนีออกมาได้จริงหรือ?
มันไม่คิดเช่นนั้น!
“นี่ยังไม่สามารถทำให้เจ้าวางใจได้อีกหรือ?”
ร่างศพมู่ชิงพูดไม่ออก ปราณศพฉินอี้ผ่านประสบการณ์อันใดมากัน ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่สบายใจ
“ข้าวางใจไม่ลงจริง ๆ! สถานการณ์ที่ข้าได้พบเจอก่อนหน้าเหมือนกับตอนนี้ทุกประการ!”
ปราณศพฉินอี้เอ่ยด้วยความไม่สบายใจจริง ๆ