ตอนที่ 332 มุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง (1)
วันที่ 22 พฤศจิกายน
ผ่านการประลองมาสี่รอบ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงมีผลคะแนนชนะทั้งหมดจึงเป็นฝ่ายถูกวางในเจ็ดอันดับแรกก่อน
วันที่ 23 พฤศจิกายน มีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อีกสองแห่งเข้าสู่เจ็ดอันดับแรก
แบ่งเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลินและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียง
วันที่ 24 พฤศจิกายน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานทุ่มสุดกำลังเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่าเล็กน้อย ชนะทั้งสี่ครั้งเข้าสู่เจ็ดอันดับแรก
วันที่ 25 พฤศจิกายน วิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้เข้ารอบไป
วันที่ 26 พฤศจิกายน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ซีซานเข้ารอบเช่นกัน
วันที่ 27 พฤศจิกายน โควตาสุดท้ายตกเป็นของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจว จงโจวนั้นต่อสู้อย่างยากลำบาก ในความเป็นจริงเอาชนะสี่สนามก็เข้าสู่เจ็ดอันดับแรกได้แล้ว
แต่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจวกลับต้องสู้ถึงหกสนาม ชนะห้าแพ้หนึ่ง นี่ถึงเข้าสู่เจ็ดอันดับแรกได้อย่างฉิวเฉียด ทีมหลักนั้นทุ่มเทเต็มที่ ทั้งยังได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่ต่อสู้อย่างยากลำบากที่สุดในเจ็ดอันดับแรก
ยอดฝีมือของสำนักในจงโจวมีไม่น้อย มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้กลับธรรมดา แต่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจวและสำนักของจงโจวค่อนข้างมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ยอดฝีมือบางส่วนของสำนักรับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยจงโจวเช่นกัน สามารถต่อสู้จากมหาวิทยาลัยแปดสิบเก้าแห่งสุดท้ายฝ่าขึ้นมาถึงเจ็ดอันดับแรกได้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักอย่างมากเช่นกัน
นักศึกษาบางคนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจวก็เป็นลูกศิษย์ของสำนัก
ในเวลานี้การแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจึงปิดฉากลง
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อีกแปดสิบสองแห่งอื่นๆ ยังต้องแข่งขันกันต่อ แต่จะถูกจัดอยู่ใต้สิบอันดับของมหาวิทยาลัยเท่านั้น อยากจะท้าประลองตำแหน่งมหาวิทยาลัยชื่อดัง ปีหน้าอย่างน้อยต้องบ่มเพาะนักศึกษาระดับกลางออกมาห้าคน นี่สำหรับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปถือว่าเป็นภารกิจที่ยากยิ่ง
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
อู๋ขุยซานกลับมาแล้ว
กลับมาถึงเรื่องแรกที่ถามก็คือเรื่องของการแข่งขันแลกเปลี่ยน
“เตรียมพร้อมไปถึงไหนแล้ว?”
“ชนะแน่นอนครับ”
ฟางผิงตอบกลับง่ายๆ อู๋ขุยซานมองเขาพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ทะลวงขั้นสี่สูงสุดแล้ว?”
“ครับ”
ฟางผิงพยักหน้า เขาเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดไวกว่าที่คิดอยู่บ้าง ทั้งเพราะได้รับประโยชน์จากการหลอมกระดูกหู ทำให้พื้นฐานร่างกายแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่เพิ่งผ่านมาไม่นานเท่าไหร่เหมือนกัน เขาทะลวงขั้นสี่สูงสุดเมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมานี้เอง
แม้ว่าเพิ่งจะทะลวงด่านมาไม่กี่วัน ฟางผิงยังคงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ความแตกต่างของระดับขั้น ตอนนี้นับว่าพอๆ กันแล้ว
ถึงพวกเหยาเฉิงจวินจะทะลวงขั้นห้า อย่างมากก็ขั้นห้าตอนต้นเท่านั้น เกรงว่าจะยังไม่ได้หลอมอวัยวะทั้งหก ฟางผิงไม่เกรงกลัวพวกเขาเช่นกัน
“เร็วมาก”
อู๋ขุยซานถอนหายใจ เร็วจริงๆ กลางเดือนสิงหาคม ฟางผิงเข้าสู่ขั้นสี่ ปลายเดือนพฤศจิกายน ฟางผิงทะลวงขั้นสี่สูงสุดแล้ว
เวลาสามเดือนกว่าเท่านั้น ฟางผิงกลับเดินมาสุดเส้นทางของขั้นสี่แล้ว
พูดถึงเรื่องความเร็วในการฝึกวิชา ต้องให้ฟางผิงเป็นที่หนึ่งของยุคสมัยนี้
ตอนนี้พวกอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นเหยาเฉิงจวินหรือหลี่หานซงต่างสู้ฟางผิงไม่ได้
ตอนที่ฟางผิงเข้ามหาวิทยาลัยเคยเห็นการจัดอันดับขั้นสามฉบับหนึ่ง
เวลานั้นพวกเหยาเฉิงจวินต่างเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในการจัดอันดับขั้นสาม
ตอนนี้ผ่านไปแค่ปีกว่าเท่านั้น คนพวกนี้เริ่มจากขั้นสามสูงสุด นอกจากทยอยเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดแล้ว ยังกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในขั้นสี่ด้วย ความก้าวหน้านี้ถือว่าเร็วอย่างสุดขีด
แต่หันกลับมามองฟางผิง…เวลานั้นเพิ่งจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทั้งสองฝ่ายแตกต่างอย่างมากจริงๆ
ช่วงเวลาสั้นๆ หนึ่งปี ฟางผิงกลับตามทันในระดับเดียวกันแล้ว
อู๋ขุยซานเอ่ยอย่างสะท้อนใจแล้วก็ไม่พูดมากอีก ไม่นานจึงเอ่ยว่า “วันที่สามสิบหรือก็คือวันมะรืนจะเริ่มจัดการแข่งขันสิบอันดับแรก วันนั้นจะจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ วันที่สิบสองมกราคมถึงเริ่มการแข่งขันเป็นทางการ พรุ่งนี้เธอนำทีมไปปักกิ่ง…”
ฟางผิงพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้จัดขึ้นที่ปักกิ่ง
ตามหลักแล้วทีมชนะเลิศปีก่อนคือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ปีนี้ควรจัดต่อที่เซี่ยงไฮ้
แต่ความต้องการของเบื้องบนคือปีนี้มหาวิทยาลัยยเซี่ยงไฮ้จัดการแข่งขันไปหลายครั้งแล้ว การแข่งขันขั้นหนึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นไปเช่นกัน หากจัดการแข่งขันต่อจะถ่วงรั้งการฝึกวิชาของอาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยไฮ้ได้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนไปจัดที่ปักกิ่ง
ในความเป็นจริงฟางผิงทราบถึงความนัยของปักกิ่งเช่นกัน
เซี่ยงไฮ้จัดการแข่งขันติดต่อกันหลายครั้ง ได้รับความสนใจจากคนทั้งประเทศ แต่ยังไงเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศจีน จุดสนใจไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ งั้นจะมีปักกิ่งไว้ทำอะไร?
การจัดการแข่งขันไม่ได้มีความหมายอะไร
แต่จัดการแข่งขันใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ์ อันที่จริงทำให้ผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนหลั่งไหลไปหาเซี่ยงไฮ้เช่นกัน หากเป็นแบบนี้ต่อไป ตำแหน่งของปักกิ่งอาจจะถดถอยลง
ในยุคสมัยที่ผู้ฝึกยุทธ์ถูกให้ความสำคัญ ไม่ว่ายังไงปักกิ่งก็ไม่อาจให้เซี่ยงไฮ้จัดการแข่งขันแลกเปลี่ยนต่อเป็นครั้งที่สองได้
โดยเฉพาะครั้งนี้ที่สำคัญอย่างยิ่ง กำหนดตำแหน่งของสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดัง
“อธิการ ครั้งนี้คุณไม่ไปเหรอครับ?”
“ครั้งนี้ฉันคงไม่ไปแล้ว ต้องรั้งตัวอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ อธิการหวงจะไปกับพวกเธอ นอกจากนี้คณบดีถังและคณบดีหลัวก็จะไปด้วย”
ปรมาจารย์หนึ่งคน อาจารย์ขั้นหกสูงสุดสองคนและขั้นหกอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งนำทีม
นี่เป็นความสามารถของอาจารย์ซึ่งนำทีมไปในครั้งนี้
เดินทางไปปักกิ่ง ไม่ใช่อาณาเขตของเซี่ยงไฮ้ อู๋ขุยซานต้องระมัดระวังเช่นกัน
ไม่ว่าจะเพื่อความยุติธรรม หรือเพื่อแสดงความสามารถ ปรมาจารย์นั่งรักษาการณ์ยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็น
ฟางผิงได้ยินว่าอู๋ขุยซานไม่ไปเองจึงเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “อธิการ อาจารย์เข้าไปในถ้ำใต้ดิน จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมา…”
“ฉันรู้แล้ว!”
อู๋ขุยซานโบกไม้โบกมือ ถอนหายใจเล็กน้อย เอ่ยอย่างเหนื่อยล้าอยู่บ้าง “ฉันอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ไม่เป็นไรหรอก สามารถลงถ้ำใต้ดินได้ตลอดเวลา พวกเธอสนใจเรื่องตัวเองก็พอแล้ว…”
ครั้งนี้เขาไม่ไปปักกิ่งเพราะเกี่ยวข้องกับหลู่เฟิ่งโหรวเช่นกัน
หากไปไกลอาจไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันเวลา
หลายวันมานี้ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้มีข่าวลือว่าหลู่เฟิ่งโหรวบ้าคลั่งอย่างหนัก ห้าวันก่อนเจอเข้ากับยอดฝีมือขั้นเจ็ดคนหนึ่ง นอกจากไม่ถอยหนีแล้วยังทำสงครามใหญ่กับอีกฝ่าย
ผลปรากฏว่าหลู่เฟิ่งโหรวเจ็บหนักหนีไป อีกฝ่ายตามฆ่ามาตลอดทางถึงเมืองความหวัง
หากไม่ใช่ว่ายอดฝีมือของเมืองความหวังออกหน้าช่วยเหลือ หลู่เฟิ่งโหรวคงเกือบถูกฆ่าตายแล้ว
อู๋ขุยซานรีบเร่งกลับมาจากปักกิ่ง ไม่ได้รอกระทั่งพิธีจับฉลากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?
แม้จะมีฉายาว่าไร้คู่ต่อสู้ในขั้นหก แต่หลู่เฟิ่งโหรวนั้นไร้คู่ต่อสู้ในขั้นหกจริงๆ งั้นเหรอ?
ตอนนี้เจอกับขั้นเจ็ดของอีกฝ่าย นอกจากไม่ถอยแล้ว ยังเป็นฝ่ายเปิดฉากสงคราม หากโชคไม่ดี เกรงว่าคงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว
เรื่องพวกนี้ฟางผิงย่อมไม่ชัดเจน
ไม่มีใครบอกเรื่องพวกนี้กับเขาเหมือนกัน
แต่อู๋ขุยซานกลับมา ฟางผิงไม่วางใจกับความปลอดภัยของหลู่เฟิ่งโหรวอยู่บ้าง
ทั้งสองคนพูดคุยแลกเปลี่ยนกันสักพัก อู๋ขุยซานก็ไม่ได้พูดอะไรกับฟางผิงอีก
ไม่ได้ขอให้เขาต้องคว้าอันดับหนึ่งให้ได้ด้วย
จากสถานการณ์ปัจจุบัน…คว้าอันดับหนึ่งเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง หลี่หานซงและเหยาเฉิงจวินฝ่าเข้าไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของขั้นสี่ เรื่องนี้อู๋ขุยซานทราบเช่นกัน
ฟางผิงเพิ่งทะลวงขั้นสี่สูงสุด ลมหายใจยังไม่มั่นคงเท่าไหร่
เวลากว่าสามเดือน เคล็ดวิชาระดับสูงจะฝึกได้ถึงขั้นไหนกัน?
เป็นอัจฉริยะด้านการฝึกวิชา ไม่ได้หมายความว่าฝีมือจะแข็งแกร่งจนไกลเกินความเป็นจริง
จากความสามารถโดยรวมของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ เข้าสู่ห้าอันดับแรกไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากสูงกว่านั้น คงต้องดูที่โชคแล้ว
————————