ตอนที่ 343 ฉินเฟิ่งชิง นายถูกสวมเขาแล้ว (2)
วันที่ 6 ธันวาคม เป็นการแข่งขันสองเกมสุดท้ายในรอบแรก
การแข่งขันของสี่สถาบัน ทั้งยังเป็นทีมของพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยด้วย
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ฉางเจียงพบกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไท่ซาน ทั้งสองฝ่ายมีฝีมือสูสี สู้กันไปจนถึงคนสุดท้าย นี่ถึงค่อยตัดสินผลแพ้ชนะออกมาได้ มหาวิทยาลัยไท่ซานเอาชนะได้อย่างฉิวเฉียด
ช่วงบ่ายเป็นการแข่งระหว่างวิทยาลัยเหมืองแร่ปักกิ่งและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหนาน
ตงหนานเหนือกว่าเล็กน้อย สุดท้ายจึงได้ชัยชนะ แต่ทุกคนสู้กันอย่างสูสี สมาชิกทีมจึงเกิดอาการบาดเจ็บ ทำให้การแข่งขันของทีมผู้แพ้ทวีความกังวลเพิ่มขึ้นไปอีก
การแข่งขันวันที่หกจบลง บอกลาศึกรอบแรกไป
วันที่เจ็ดหยุดพักผ่อน วันที่แปดเปิดฉากแข่งขันทีมผู้แพ้
ทีมผู้แพ้นั้นแข่งขันกันง่ายๆ ต่อสู้ห้าต่อห้า ตัดสินทีมผู้แพ้ห้าอันดับแรกออกมา
วันที่เก้า หนึ่งทีมรอสับเปลี่ยน สี่ทีมแข่งขันกัน ตัดสินสามอันดับแรก
วันที่สิบยังคงเป็นหนึ่งทีมรอสับเปลี่ยน สองแห่งที่เหลือแข่งขันกัน ผู้ชนะแข่งกับทีมที่รอสลับก่อนหน้า แบบนี้ถึงจะคว้าอันดับหนึ่งของทีมผู้แพ้ได้
หากโชคดีก็ได้รอสลับสองครั้ง สู้สองครั้งก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้าโชคไม่ดี ทีมผู้แพ้อันดับแรกก็ต้องสู้ถึงสี่สนาม
—
วันที่ 8 ธันวาคม มีการแข่งขันห้าเกม ทีมผู้แพ้ต่อสู้กันดุเดือดเป็นพิเศษ พาให้ผู้ชมดูกันอย่างถึงอกถึงใจ
สุดท้ายมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจว วิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้และวิทยาลัยเหมืองแร่ปักกิ่งได้รับชัยชนะไป
การแข่งขันครั้งนี้ถือกำเนิดม้ามืดออกมาไม่น้อย
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงเอาชนะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ฉางเจียงซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย วิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ครองความได้เปรียบเอาชนะเทคโนโลยีหวาหนานที่ถูกหวังจินหยางจัดการจนเจ็บหนัก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจวยิ่งสู้ก็ยิ่งกล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเจออุปสรรคอย่างโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่ง อาศัยการจัดทัพของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สองคนเอาชนะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลินได้!
ตอนนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ฉางเจียง เทคโนโลยีหวาหนาน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลิน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ซีซาน และมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานจึงถอนตัวออกมาจากศึกชิงสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างเป็นทางการ
ในนั้นมีเทคโนโลยีหวาหนานที่คับข้องใจเป็นที่สุด มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายอยู่ แต่คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกคัดออกในรอบแรก นี่ทำให้อธิการของเทคโนโลยีหวาหนานแทบจะอัดอั้นตันใจตายอยู่แล้ว
มหาวิทยาลัยสองแห่งในพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยถอนตัวออกจากศึกชิงสิบอันดับก็เหนือความคาดหมายของใครหลายคนเช่นกัน
มหาวิทยาลัยสองแห่งที่มียอดฝีมือขั้นสี่ครบถ้วน ผลปรากฏว่ากลับถูกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่มีขั้นสี่ไม่กี่คนเอาชนะ ทำอับอายขายหน้าต่อคนทั้งประเทศ
นี่ทำให้มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งถึงกระทั่งทนดูการแข่งขันหลังจากนั้นไม่ไหว เดินทางกลับไปตั้งแต่วันนั้น ไม่มีหน้าอยู่ที่ปักกิ่งอีกแล้ว
วันที่ 9 ธันวาคม ไม่รู้ว่าลำเอียงให้วิทยาลัยสตรีเป็นพิเศษหรือว่าโชคดีจริงๆ วิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้จึงได้อยู่ทีมรอสับเปลี่ยน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจวและวิทยาลัยเหมืองแร่ปักกิ่งพ่ายแพ้ออกจากการแข่งขันไป
วันที่ 10 ธันวาคม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงเป็นฝ่ายรอสับเปลี่ยน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวาตงเอาชนะวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายไป
—
วันที่ 11 ธันวาคม การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของทีมผู้แพ้
ฟางผิงที่ไม่ได้ออกจากโรงแรมมาหลายวัน เพราะถูกฉินเฟิ่งชิงก่อกวนจึงจำเป็นต้องออกจากโรงแรม มุ่งหน้าไปชมการแข่งขันที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ระหว่างทางฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยอย่างกระตือรืนร้นว่า “นายรู้หรือเปล่า นายพลาดฉากเด็ดไปหลายครั้งแล้ว! เมื่อวานครุศาสตร์หวาตงสู้กับวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ กลับทะเลาะกันขึ้นมาจริงๆ!”
“ใครกับใคร?”
“ทั้งสองมหาวิทยาลัยน่ะสิ!”
ฉินเฟิ่งชิงอยากซุบซิบเต็มที พูดไม่หยุดว่า “ครุศาสตร์หวาตงและวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ต่างอยู่เซี่ยงไฮ้ทั้งคู่ไม่ ทั้งยังไม่ไกลกันมาก เมื่อวานคนของครุศาสตร์หวาตงต่อสู้อย่างดุเดือด ประธานของครุศาสตร์หวาตงทำ…แม่เสือโจวอะไรนั่น…”
“แม่เสือโจว?”
“โจวฉีเยวี่ยแม่เสือร้ายประธานของสตรีเซี่ยงไฮ้คนนั้น เมื่อวานถูกคนระเบิดจนเสื้อท่อนบนหลุดลุ่ย…”
ฉินเฟิ่งชิงพูดมาถึงตอนนี้ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “นายน่าจะไม่รู้ ตื่นเต้นชิบหาย แม่เสือร้ายไม่มีเกราะหนังเหมือนพวกเรา ถูกระเบิดท่อนบน ฮ่าๆๆ…ขำจะตายอยู่แล้ว สุดท้ายเจ้าคนของครุศาสตร์หวาตงยังคิดจะระเบิดเธออีก แม่เสือร้ายโมโหแทบตาย สุดท้ายจึงยอมแพ้เอง ผลปรากฏว่าพอเกิดเรื่องนี้ขึ้น คนของวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ยอม นักศึกษาหญิงนับร้อยกรูเข้าไปหาครุศาสตร์หวาตง ด่าว่าครุศาสตร์หวาตงต่ำช้า ทางครุศาสตร์หวาตงใช้คำพูดของนายแก้ต่าง บอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่แบ่งแยกหญิงชาย ปรากฏว่าด่ากันไปด่ากันมาก็มะรุมมะตุ้มกัน สุดท้ายเป็นพวกอาจารย์ที่ออกหน้าควบคุมสถานการณ์เอาไว้”
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ “คนของครุศาสตร์หวาตงอย่าเข้าถึงศึกสิบอันดับจะดีที่สุด ฉันยังไม่เคยระเบิดชุดผู้หญิงเลย หม้อนี้ฉันไม่แบกหรอก!”
ล้อเล่นอะไรกัน หากเขาเป็นแพะรับบาปเรื่องนี้ ภายหลังคงกลายเป็นปรมาจารย์ต่ำช้าจริงๆ แล้ว
เขาสู้กับผู้ฝึกยุทธ์หญิง เป็นแค่การโจมตีคนเท่านั้น ไม่ใช่ระเบิดเสื้อผ้า
ประธานครุศาสตร์หวาตงระเบิดคนจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ยังจะระเบิดจนโล่งโจ้งอีก นี่ถึงเรียกว่าสถุลอย่างแท้จริง ฟางผิงไม่เป็นแพะรับบาปแทนเขาหรอก
ฉินเฟิ่งชิงดีใจที่คนอื่นเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่บ้าง “นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายตัดสินใจได้ ตอนนี้คนของครุศาสตร์หวาตงทำอะไรก็อ้างว่าฟางผิงพูดอย่างงั้นอย่างงี้ ชื่อเสียงนี้ของนายนับว่าฉาวโฉ่อย่างถึงที่สุดแล้ว”
ฟางผิงเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “นั่นก็ต้องมีคนเชื่อซะก่อน ตอนนี้ฉันชื่อเสียงดีกว่านาย แต่เรื่องนี้จะจำเอาไว้ ครุศาสตร์หวาตงอย่าให้ฉันมีโอกาสจะดีที่สุด ยังมีนายอีก โจวฉีเยวี่ยและนายมีความสัมพันธ์ซับซ้อนต่อกัน ถูกคนตีจนสภาพเป็นแบบนี้ นายยังมีหน้ามองเป็นเรื่องตลกอีก?”
ฉินเฟิ่งชิงสีหน้าเปลี่ยนทันที เอ่ยอย่างหมดคำพูด “ฉันเกี่ยวอะไรกับเธอ นายอย่ามาพูดมั่วๆ”
“ฉันไม่ได้พูดมั่ว” ฟางผิงเอ่ยอย่างจริงจังว่า “รักมากก็เกลียดมาก นายอย่ามองว่าโจวฉีเยวี่ยเจอหน้าก็ด่านายแล้ว ฉันมองออกถึงความนับถือและรักใคร่จากแววตาของเธอ เธอกำลังหลงรักนาย ตอนนี้ผู้หญิงของนายถูกคนตีจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ย นายไม่คิดว่าเป็นความอัปยศอดสู แต่มองเป็นเกียรติยศเนี่ยนะ ฉินเฟิ่งชิง ฉันมองนายผิดไปจริงๆ”
ฉินเฟิ่งชิงหน้าตาดูไม่ได้อยู่บ้าง กัดฟันว่า “อย่ามาไร้สาระ ฉันไม่ได้สนิทกับเธอ…”
“ไม่สนิทจริงๆ? นายอย่าลืมว่าตอนแรกนายเกือบทำพวกเธอตายแล้ว ตามหลักนี่เป็นความแค้นครั้งใหญ่ ศัตรูเจอกันต้องล้างแค้นร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่เธอล้างแค้นหรือเปล่า? ฝีมือสู้นายไม่ได้ งั้นหลบหน้านายยังจะดีกว่า แต่พวกนายเจอกันกี่ครั้งแล้ว? เจอกันทุกครั้งก็ด่านาย นั่นเพราะอยากดึงดูดความสนใจจากนาย แสดงความรักต่อนาย ตอนนี้กลับแล้วใหญ่ เมื่อวานนายหัวเราะอย่างเบิกบานใจ หากโจวฉีเยวี่ยเห็นเข้า เกรงว่าคงใจสลายหมดแล้ว วันนี้นายไม่ได้เจอเธอเลยสินะ?”
ฉินเฟิ่งชิงหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง เหมือนว่า…เหมือนว่าจะไม่เจอนะ
“เฮ้อ อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบมาถูกคนระเบิดเสื้อผ้า ผลปรากฏว่าคนที่ชอบยังมองเป็นเรื่องสนุก หากเป็นคนอื่นคงใจสลายเหมือนกัน ฉินเฟิ่งชิง ผู้ชายอย่างนายทำร้ายจิตใจผู้หญิงเกินไปจริงๆ”
ฉินเฟิ่งชิงหน้าดำเป็นก้นหม้อ เอ่ยอย่างอัดอั้นตันใจ “ระเบิดท่อนบนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไร ตอนที่ผู้ฝึกยุทธ์ฝึกวิชาก็แต่งน้อยชิ้นอยู่แล้ว ทั้งไม่ได้…ไม่ได้ระเบิดจนหมดสักหน่อย…”
“พูดแบบนี้ นายไม่สนใจเลยงั้นสิ? หากเป็นฉัน ฉันคงไปซัดคนของครุศาสตร์หวาตงจนเละไปแล้ว เรื่องแบบนี้นายทนได้ แต่ฉันทนไม่ได้จริงๆ นายชอบสวมหมวก ฉันกลับไม่ใช่แบบนั้น…”
“หมวก?”
“หมวกเขียว[1]อะไรแบบนั้นไง!”
ฉินเฟิ่งชิงงุนงงอยู่บ้าง เกินเลยมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง?
ฉันและโจวฉีเยวี่ยไม่ได้สนิทกันจริงๆ!
ทำไมกลายเป็นฉันถูกสวมเขาซะได้?
ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะไม่สนิทกัน แต่ผู้หญิงในชุดบิกีนี่เดินอยู่เต็มชายหาด ผู้หญิงที่อยู่ในสระว่ายน้ำก็มีให้เห็นถมเถไป ผู้ชายของผู้หญิงพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะถูกสวมเขาหมดเลยหรือไง?
ฟางผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “ฉินเฟิ่งชิง พวกเราไม่เหมือนกับคนอื่น ผู้ฝึกยุทธ์โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์หญิง อันที่จริงค่อนข้างหัวโบราณ ตอนนี้ได้รับการหยามเกียรติต่อหน้าผู้ชมมากมาย หากโจวฉีเยวี่ยคิดไม่ตกจริงๆ งั้นก็เท่ากับว่านายฆ่าเธอแล้ว นายช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!”
“ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง?”
“ถึงขนาดนั้นแหละ ยิ่งกว่านั้นซะอีก ฉินเฟิ่งชิงนายมันโหดเหี้ยมชะมัด!”
“ฉัน…ฉันแค่มองเท่านั้น ฉันไม่ได้ทำสักหน่อย…”
“คนอื่นมองไม่เป็นไรงั้นสินะ นายเป็นใคร? เป็นคนรักของโจวฉีเยวี่ย กลับมองอย่างเงียบๆ นี่นับเป็นเรื่องอะไร?”
“คนรัก…”
ฉินเฟิ่งชิงสับสนอีกครั้ง ฉันไม่สนิทกับเธอจริงๆ!
“งั้น…งั้นฉันต้องไปปลอบเธอ? แต่ฉัน…ฉันไม่รู้ควรจะพูดยังไง…”
“ทางที่ดีที่สุดควรล้างแค้นให้เธอ หญิงสาวชอบวีระบุรุษ นายแก้แค้นแทนเธอ เธอคงไม่เกลียดนายแล้ว”
“ล้างแค้น?”
“ใช่ รอการแข่งของครุศาสตร์หวาตงและเป่ยเจียงสิ้นสุดแล้ว นายก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไร ระเบิดชุดประธานครุศาสตร์หวาตงต่อหน้าทุกคนไปเลย กางเกงในก็อย่าให้เหลือ นี่ถึงจะนับว่าเป็นลูกผู้ชาย…”
“นี่ไม่ค่อยดีมั้ง…”
“งั้นก็เหลือกางเกงในให้เขาสักตัว!”
ฟางผิงพูดกัดฟัน เจ้าคนจากครุศาสตร์หวาตงคนนั้น ไม่อยากอยู่แล้วสินะ นึกไม่ถึงว่าจะให้เขาเป็นแพะรับบาปได้!
“งั้นถ้า…”
“นายเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า? ช่างเถอะ นายไม่ทำก็แล้วแต่ มัวแต่พะวงหน้าพะวงหลัง ผู้ชายอย่างนายเชื่อถือไม่ได้ หลังจากนี้ก็เตรียมเป็นโสดไปเถอะ!”
ฉินเฟิ่งชิงจมดิ่งในความคิด ต้องทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ?
เหมือนจะ…ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย?
—————————
[1]หมวกเขียว ความหมายแฝงคือถูกสวมเขา