ตอนที่ 349 สู้อย่างสบายๆ (1)
บนสังเวียน
ฟางผิงกระโดดขึ้นไป เหยาเฉิงจวินที่อยู่ตรงข้ามกลับค่อยๆ เดินขึ้นบันไดทีละก้าว คล้อยหลังจากฝีเท้าของเขา ทั่วทั้งสังเวียนราวกับกำลังโคลงเคลงอยู่
พลังจิตใจลอยปกคลุมอย่างหนาแน่น อากาศที่ถูกปั่นป่วนราวกับไม่หยุดนิ่ง เสียงหวีดหวิวของลมพาดผ่านด้านบนเวทีไป
—
พิธีกรขั้นหกคล้ายกับไม่รู้ว่าควรจะอธิบายยังไงดี
ตอนนี้ผู้เฒ่าฟู่ที่อยู่ขั้นหกสูงสุดสาวเท้าเข้ามา มองอีกฝ่ายเป็นนัย ก่อนจะนั่งลงด้านข้าง เอ่ยเนิบช้าว่า “ก่อนการแข่งขันเหยาเฉิงจวินได้ตระเวนท้าประลองยอดฝีมือทั่วสารทิศ แม้จะถูกจัดในอันดับสามของขั้นสี่ แต่ความจริงกลับสั่งสมพลังจนแตะถึงขีดจำกัดแล้ว อาจารย์โจวถานที่อยู่อันดับสองของขั้นสี่เคยยอมรับว่าเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยาเฉิงจวินเสมอไป”
“เหยาเฉิงจวินปลดปล่อยพลังจิตใจ ถึงกระทั่งเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด ในขั้นสี่สูงสุดได้สั่งสมจนถึงขีดจำกัดหนึ่งแล้ว สามารถทะลวงขั้นห้าได้ทุกเมื่อ แต่ในยุคสมัยนี้ยังคงมีอัจฉริยะไม่ใช่น้อย ตอนนี้ถูกจัดในขั้นสี่สูงสุด วรยุทธ์นั้นไม่มีที่หนึ่งหรือที่สอง เหยาเฉินจวินไม่ได้เลือกทะลวงด่าน แต่เลือกที่จะรั้งอยู่ในขั้นสี่สูงสุด เกรงว่าฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเป็นตัวแปรสำคัญภายในนั้นแล้ว”
“ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะของคนรุ่นใหม่ ทั้งเป็นคนที่เข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดช้ากว่าคนอื่น แต่ช้าไปหน่อยไม่ได้หมายความว่าฝีมือจะด้อยกว่า พลังจิตใจของฟางผิงมาถึงขั้นปลดปล่อยได้แล้วเช่นกัน เคยกวาดล้างขั้นสามในระดับเดียวกัน ใช้ชื่อไร้ศัตรูในขั้นสามทะลวงเข้าขั้นสี่ แต่พวกเขานั้นไม่เคยประมือกันมาก่อน การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่อัจฉริยะของรุ่นจะแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้กัน…”
“พลังจิตใจทั้งสองคนสามารถแตะถึงขั้นปลดปล่อยแล้ว จุดนี้ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดบางส่วนยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“เหยาเฉิงจวินหลอมกระดูกสามครั้งในตอนที่ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ตอนนี้ปราณและพื้นฐานร่างกายแข็งแกร่งอย่างมาก พลังปราณไม่ต่ำกว่าสองพันห้าร้อยแคล…นอกจากนี้แม้เหยาเฉิงจวินจะอายุน้อย กลับเคยผ่านการรบมานับร้อยครั้ง หลังจากเข้าสู่ขั้นสี่ยังสังหารขั้นห้ามาหลายคน รวมถึงยอดฝีมือขั้นห้าตอนกลางด้วยเช่นกัน”
“ฟางผิงเข้าสู่ขั้นสี่ด้วยช่วงเวลาสั้นๆ ประสบการณ์รบนั้นสู้เหยาเฉิงจวินไม่ได้ แต่เคยสังหารขั้นห้าเมื่อตอนที่อยู่ขั้นสี่เช่นกัน…”
ผู้เฒ่าฟู่อธิบายข้อมูลทั้งสองคนอย่างไม่หยุดหย่อน
จวบจนถึงตอนนี้หลายคนจึงค่อยๆ เข้าใจสถานการณ์ของทั้งสองคนมากขึ้น
อยู่ในขั้นที่ปล่อยพลังจิตใจ ทั้งเคยหลอมกระดูกสามครั้งและสังหารข้ามขั้นเหมือนกันมาก่อน
แม้ทั้งสองคนอายุยังน้อย แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าขั้นหกรุ่นก่อนบางคนยังไม่กล้าประเมินสองคนนี้ต่ำไปด้วยซ้ำ
—
เหยาเฉิงจวินก้าวเดินอย่างช้าๆ ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงบนเวที
ฟางผิงเผยท่าทีสบายๆ ความเกรงขามและพลังจิตใจของเหยาเฉิงจวินผสานเข้าด้วยกัน ระเบิดเป็นอานุภาพที่แข็งแกร่ง กดดันจนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่บางส่วนที่อยู่ใกล้เวทีหายใจไม่ทันอยู่บ้าง ทว่ากลับไม่ส่งกระทบอะไรกับฟางผิง
ฟางผิงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เหยาเฉิงจวินก็พูดขึ้นมาก่อน “ฟางผิง อันที่จริงฉันอยากสู้กับนายมาตั้งนานแล้ว! ตอนที่ได้ยินว่าพลังจิตใจของนายแข็งแกร่งถึงขั้นที่ปลดปล่อยออกมาข้างนอกได้ ฉันก็คิดอยากประลองกับนายสักตั้งแล้ว! ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ มีแค่ฉันและนายที่ทำถึงขั้นปลดปล่อยพลังจิตใจ น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ระดับสูงกว่านาย แม้ว่ามีใจอยากสู้ กลับไม่อยากเอาชนะโดยที่ฉันอยู่สูงกว่านายหนึ่งขั้น! ตอนนี้นายทะลวงขั้นสี่สูงสุดแล้ว อยู่ระดับเดียวกับฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้อีก วันนี้มาสู้กันสักตั้งเถอะ!”
ฟางผิงเผยรอยยิ้ม “เหมือนกัน รอนายมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยพูดไปแล้วว่าต่อให้นายสะสมความแข็งแกร่งไว้แค่ไหนก็เป็นการทำชุดแต่งงานให้ฉันเท่านั้น ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ฉัน ไม่จำเป็นต้องตระเวนไปท้าประลองคนอื่นไปทั่วอีก”
เหยาเฉิงจวินไม่พูดต่อแล้ว
ผู้ตัดสินขั้นหกสูงสุด รอทั้งสองคนพูดจบแล้ว เวลานี้จึงตะโกนว่า “เริ่มได้!”
เปรี้ยง!
สิ้นเสียงของผู้ตัดสิน พวกเขาที่ตอนแรกอยู่ห่างกันประมาณเจ็ดแปดเมตรกลับเข้ามาปะทะกันในทันที
ฟางผิงและเหยาเฉิงจวินใช้พลังจิตใจจู่โจมในเวลาเดียวกัน
คลื่นที่ไร้รูปร่างปะทะซึ่งกันและกันกลางทาง ชั่วพริบตานั้นกระแสอากาศก็แตกระเบิด ลมแรงพาดผ่านขึ้นบนเวที พื้นโลหะผสมนั้นไม่เป็นไร แต่พื้นเวทีด้านนอกกลับถูกพัดม้วนขึ้นเศษหินและดินปลิวว่อน
ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่รอบๆ บางส่วนทยอยถอยหลบ แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ตอนนี้ก็ไม่รั้งตัวอยู่เช่นกัน
ในอากาศมีเสียงระเบิดดังกึกก้องไม่ขาดสาย!
เหยาเฉิงจวินใบหน้าซีดขาว ถอยหลังไม่หยุดหย่อน ฟางผิงโซซัดโซเซเล็กน้อยเช่นกัน ถอยหลังไปหลายก้าว
ฝีเท้าของทั้งสองย้ำบนพื้นอย่างหนักหน่วง พื้นโลหะผสมระดับ A ถูกพวกเขาเหยียบจนเกิดเสียงดัง รองเท้าบูทลากจนเกิดเป็นประกายไฟ
พูดเหมือนช้า แต่ความจริงค่อนข้างรวดเร็ว เพิ่งจะใช้พลังจิตใจฟาดฟันกัน ร่างของทั้งสองก็วูบวาบราวกับสายฟ้า ถลาเข้าไปหาอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน
ปัง!
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นทันที กระแสอากาศทั้งสี่ทิศกลายเป็นสีเปลวเพลิง ชั่วพริบตาที่ดาบและหอกปะทะกัน ไม่ได้เกิดประกายไฟขึ้นมา แต่กลับเป็นพลังปราณที่ระเบิดกลางอากาศ กระเซ็นซัดออกไปทุกทิศทาง!
“ถอย!”
มียอดฝีมือตะโกนขึ้น ลากผู้ชมที่ถอยออกไปช่วงหนึ่งแล้วถอยออกไปไกลอีกที
“ตู้ม!”
พลังปราณที่กระเด็นออกมา ระเบิดพื้นด้านนอกเวทีอีกครั้งจนเกิดเป็นรู หลายคนที่เห็นพากันพรั่นพรึงไม่น้อย
สองคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ!
ผู้ชมด้านล่างยังกำลังหวาดกลัวกับลูกหลง ฟางผิงและเหยาเฉิงจวินกลับปะทะกันต่อเนื่องนับสิบครั้งแล้ว จากพื้นดินสู้ไปจนถึงกลางอากาศ จากกลางอากาศกลับไปบนเวทีอีกครั้ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั้นก้องไปทั่วสนามกีฬา
ประมือกันนับสิบกระบวนท่า เงาเลือนรางที่ทุกคนมองเห็นจึงค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา ฟางผิงแตะเท้ากับพื้นเวที ร่างกายถูกบังคับให้ถอยไปหลายสิบเมตร รองเท้าบูทและดาบยาวถ่วงลากบนเวทีเกิดเป็นเสียงบาดหูและประกายไฟขึ้นมานับไม่ถ้วน
ตอนนี้ฟางผิงเผยสีหน้าหนักแน่น ไม่ได้เสียใจที่ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
เหยาเฉิงจวินที่อยู่ตรงข้าม ใบหน้าซีดไปเล็กน้อย ถอยหลังไปหลายก้าว กลับไม่ได้ถูกแรงลากไปข้างหลังเหมือนฟางผิง
“ประเมินนายต่ำไปแล้ว!”
ฟางผิงถ่มเลือดออกมา ประเมินเหยาเฉิงจวินต่ำไปจริงๆ
เขาคิดมาตลอดว่าพลังของตัวเองแข็งแกร่งที่สุดในขั้นสี่แล้ว เพราะมีปราณที่ทรงอานุภาพ
กลับไม่คิดว่าแม้พลังของเหยาเฉิงจวินจะสู้เขาไม่ได้ กลับฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ได้ลึกล้ำกว่า พลังทะลวงและพลังระเบิดแข็งแกร่งกว่า จึงลากเขาไปด้านหลังอย่างรุนแรง
“เหมือนกัน!”
สิ้นเสียง เหยาเฉิงจวินก็ยืดหลัง ถือหอกถลาเข้ามาอีกครั้ง หัวหอกทะลวงผ่านอากาศ พุ่งเข้ามาหาลำคอฟางผิงในชั่วพริบตา!
ผู้ชมทั่วสนามต่างร้องอย่างตกใจขึ้นมา!
ยอดฝีมือกลับเผยท่าทีเรียบนิ่ง เป็นดังคาด หอกของเหยาเฉิงจวินราวกับแทงถูกอากาศ เงาสลายหายวับไป ครู่ต่อมาร่างของฟางผิงก็ปรากฏในอากาศ ยกดาบฟันทันที!
เสี้ยวนาทีที่ดาบฟันลงมา เหยาเฉิงจวินนั้นตอบสนองได้ตั้งนานแล้ว หอกยาวสั่นไหวเล็กน้อย หัวหอกปะทะกับดาบยาวนับสิบครั้งติดต่อกัน
เสียงเคร้งดังกระทบบาดหูอย่างไม่ขาดสาย ผู้ชมนั้นรู้สึกราวกับแก้วหูจะแตก
“ปัง!”
เสียงระเบิดดังขึ้น ฟางผิงไม่ได้ลงมืออีก แต่ทะยานตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าไป เสียงนั้นเกิดขึ้นจากการระเบิดของกระแสอากาศ
เหยาเฉิงจวินไม่ได้ไล่ตามไป ถือหอกยืนอยู่บนเวที เผยแววตานิ่งลึก
กลางอากาศ ด้านข้างฟางผิงเกิดกระแสอากาศขึ้น รอบๆ นั้นปรากฏกระแสน้ำวนสีแดงหลายลูก
ชั่วพริบตาจุดสีแดงเล็กๆ ก็กลายเป็นวัตถุคล้ายกับหยกเลือดขนาดเท่ากำปั้นเจ็ดแปดลูก
“ไป!”
ฟางผิงคำรามเสียงดัง วงล้อปราณที่รวบรวมจากปราณกระจายในอากาศ พุ่งตกลงไปอย่างรวดเร็ว!
บนเวทีนั้น เหยาเฉิงจวินเผยมีหน้าเรียบนิ่ง เคลื่อนไหวฝีเท้าเล็กน้อย ออกห่างจากจุดเดิม ฟางผิงที่อยู่กลางอากาศกลับตกลงมาอย่างรวดเร็ว ใช้พลังจิตใจควบคุมการโจมตีของวงล้อปราณ
วงล้อนั้นระเบิดออก พลังจิตใจของเขามาถึงขั้นที่ควบคุมได้แล้ว
เหยาเฉิงจวินยังคงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ถอยหลังอีกแล้ว หัวหอกประกายแสงเจิดจ้าขึ้น แทงหอกออกไปทะลุกลางวงล้อพวกนั้นติดต่อกัน
“ปังๆๆ!”
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระแสอากาศพลิกตลบ ตอนนี้กระทั่งในเขตผู้ชมยังรับรู้ถึงแรงกดดันจนหายใจไม่ออก วงล้อปราณระเบิด กระแสอากาศม้วนไปทั่วสารทิศ เศษฝุ่นปลิวว่อนกระจัดกระจาย พื้นที่ในรัศมีสิบเมตรราวกับเกิดรอยบุบในอากาศ
กลางฝุ่นผงเหยาเฉิงจวินไม่ได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าซีดเซียวอยู่บ้าง กลับถือหอกพุ่งเข้าหาฟางผิงในชั่วพริบตา ไม่เปิดโอกาสให้เขาแสดงฝีมืออีก
ฟางผิงเผยแววตาหนักแน่น คำรามอย่างโมโห คล้อยจากเสียงนั้นพลังจิตใจทั้งหมดก็ระเบิดออกมา รวบรวมจนกลายเป็นรูปร่างของเข็ม พุ่งเข้าหากะโหลกของเหยาเฉิงจวินทันที
เหยาเฉิงจวินสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง บนศีรษะปรากฏกระแสอากาศสีแดงขึ้นมาปะปนกับพลังจิตใจของเขาเอง ห่อหุ้มเข็มไร้รูปร่างของฟางผิงในชั่วพริบตา
ในเวลาเดียวกัน หอกยาวของเหยาเฉิงจวินที่ห่างออกไปสิบเมตรก็ปลดปล่อยพลังออกมาระเบิดเป็นไอหอก พุ่งเข้าหาฟางผิงทันที
“ปัง!”
ฟางผิงคำรามอีกครั้ง กระแสอากาศสีแดงระเบิดออกในฉับพลัน เหยาเฉิงจวินใบหน้าซีดเผือด ไอหอกที่ลอยออกมากระจัดกระจายออกไปไม่น้อย ก่อนจะถูกดาบของฟางผิงฟันลงมา!
————————