ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 354-2 ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่ (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 354 ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่ (2)

ขอโทษที นับว่านายดวงซวยแล้ว เขาทะลวงขีดจำกัดขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ เกี่ยวข้องกับหลี่หานซงด้วยเช่นกัน เจ้าหลี่หัวเหล็กกะโหลกกลายพันธ์ พลังควบคุมของกะโหลกจึงไม่อ่อนด้อย ก่อนหน้านี้หวังจินหยางไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ เมื่อกลับไปลองดูจึงพบว่าไขกระดูกของกะโหลกเขาเหมือนจะ…เคลื่อนย้ายได้เหมือนกัน!

หลังจากแลกเปลี่ยนกับหลี่หานซงแล้ว จากนั้น…จากนั้นเขาก็พบว่าพลังของไขกระดูกกะโหลกแข็งแกร่งมากจริงๆ!

ฟางผิงแค่นหัวเราะ เชื่อนายกับผีน่ะสิ!

แต่ต่อให้ปราณนายแข็งแกร่งแค่ไหน คิดว่าจะแข็งแกร่งกว่าฉันได้?

“นายบีบฉันเองนะ!”

ฟางผิงตะโกนอย่างโมโห จู่ๆ ด้านนอกร่างกายก็ปรากฏสะพานฟ้าดินที่เลือนรางขึ้นมาห้าสาย

ครู่ต่อมาพลังปราณก็คลุกเคล้ากับพลังจิตใจ ถาโถมเข้าไปในสะพานฟ้าดินพร้อมกัน สะพานห้าสายที่เดิมทีคนอื่นมองไม่เห็น ชั่วพริบตาก็นั้นก็เกิดเป็นสีแดงวับวาวขึ้นมา

ทั้งเสี้ยวนาทีที่พลังจิตใจและปราณถาโถมเข้าไป ฟางผิงก็ยกดาบยาวขึ้น พลังปราณที่ปะปนกับพลังจิตใจบนสะพานนั้นพุ่งเข้าสู่ดาบในทันที ดาบยาวสั่นไหวอย่างรุนแรงถึงกระทั่งเกิดเสียงแตกร้าวขึ้นมาเบาๆ!

“ดาบของฉัน!”

ฉินเฟิ่งชิงตาลุกโชนขึ้นมา เขาได้ยินเสียงแตกร้าว ฟางผิงไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถาโถมพลังงานเข้าไป เหมือนว่าจะทำดาบเขาร้าวซะแล้ว!

“ดาบฉัน ฟางผิง ไอ้เวรนี่!”

ดาบยาวระดับ B ที่เขาแลกเปลี่ยนมาอย่างยากลำบาก ไอ้เวรฟางผิงจะชดใช้เขาได้หรือเปล่า?

แม้จะชดใช้…ไอ้เวรนั่นอาจจะอ้างเรื่องที่เขาติดหนี้สี่สิบล้านมาพูดอีกหรือเปล่า?

ฉินเฟิ่งชิงทั้งร้อนใจทั้งโมโห ใครจะรู้ว่าไอ้บ้านี่จะทำลายดาบระดับ B ของฉันได้!

ในเวลาเดียวกัน

บนอัฒจันทร์ พวกปรมาจารย์แทบจะยืนขึ้นมาทันที!

“ไร้กฏเกณฑ์สิ้นดี!”

“พลังจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่ง!”

“ฝืนหลอมรวมพลังงานทั้งสองอย่างผ่านสะพานฟ้าดิน รนหาที่ตายหรือไง?”

มีปรมาจารย์ตะโกนอย่างโมโห!

พลังจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่ง เป็นเรื่องที่ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดมักจะลองกัน ทั้งยังไม่ใช่ขั้นหกสูงสุดธรรมดา อย่างเช่นพวกถังเฟิงสามารถทำได้ แต่หลู่เฟิ่งโหรวนั้นไม่ได้!

พลังงานของจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่งคือหลังจากพลังจิตใจและพลังปราณหลอมรวมกันแล้วจะกลายเป็นพลังงานใหม่

พวกปรมาจารย์เรียกว่าพลังของฟ้าดิน พลังงานใหม่ที่เปลี่ยนฟ้าพลิกปฐพี!

ทั้งสองอย่างหลอมรวมกัน เทียบกับพลังปราณหรือพลังจิตใจเพียงอย่างเดียวแล้ว แข็งแกร่งมากกว่าเยอะ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ปรมาจารย์สามารถบดขยี้ผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ได้!

“สะพานฟ้าดินนั้นพังทลายได้!”

ทุกคนพากันมองไปทางหวงจิ่ง ยังไม่หยุดเขาอีก?

หวงจิ่งปวดหัวอยู่บ้าง เขาไปเรียนมาจากไหนกัน?

ใครเป็นคนสอนเขา?

ฟางผิงสามารถปลดปล่อยพลังจิตใจได้ อันที่จริงก็สามารถหลอมรวมพลังจิตใจและปราณเป็นหนึ่งได้ แต่พวกหวงจิ่งไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขาเพราะอันตรายเกินไป

ไม่ถึงขั้นหกสูงสุด ประตูซานเจียวยังไม่ถูกปิดกั้น อวัยวะตันและอวัยวะกลวงยังหลอมไม่เสร็จสิ้น

หากหลอมรวมกลายเป็นพลังฟ้าดิน ฟางผิงอาจจะรับไม่ไหว

ทั้งเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวมด้วย เขานึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะใช้ทางลัด กล้าใช้สะพานฟ้าดินของตัวเองเป็นสื่อกลางแบบนี้

นี่เป็นสิ่งที่ฟางผิงคิดขึ้นมาเอง คนอื่นไม่รู้งั้นเหรอ

ไม่ใช่ไม่รู้ อันที่จริงมีคนเคยลองเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดก็เคยลองมาก่อน ผลปรากฏว่าหลายคนทำสะพานฟ้าดินของตัวเองพังทลาย!

หวงจิ่งไม่รู้ว่าฟางผิงไปเรียนมาจากไหน ฟางผิงไม่ได้บอกเช่นกัน ความจริงแล้วเขาคิดเชื่อมโยงกับตอนที่หลอมรวมพลังจิตใจกับตาเฒ่าหลี่เมื่อครั้งก่อน

ทั้งบ่มเพาะดาบมาหลายวัน เขาเคยลองอยู่หลายครั้งเช่นกัน พบว่ายากจะหลอมรวมอย่างยิ่ง

ฟางผิงบังเอิญตรวจสอบความมั่นคงของสะพานฟ้าดินอย่างไม่ตั้งใจ นึกไม่ถึงว่าพลังจิตใจและพลังปราณจะเกิดการหลอมรวมอย่างเบาบาง

นี่ทำให้ฟางผิงเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมา คิดใช้สะพานฟ้าดินเป็นสื่อกลาง

ทั้งการที่ตาเฒ่าหลี่สามารถใช้กระบี่อมตะเป็นสื่อกลาง นั่นเพราะว่าเขามาถึงจุดนั้นแล้ว กระบี่อมตะแทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกับเขาไปแล้ว

ในสนามกีฬา

หวังจินหยางสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยเช่นกัน!

พลังงานของจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่งกระจายออกมา ราวกับทำให้เขารับรู้ถึงการมาของปรมาจารย์!

ฟางผิงเป็นอัจฉริยะจริงๆ ด้วย!

“นายคิดว่าตัวเองจะชนะอย่างแน่นอนงั้นเหรอ?”

หวังจินหยางเผยแววตาคมปราด แพ้ให้คนอื่น เขารับได้!

แต่แพ้ให้ฟางผิง นั่นไม่ได้!

ในเวลาเดียวกับที่ฟางผิงหลอมรวมพลังจิตใจและพลังปราณ ทั่วร่างของหวังจินหยางก็แผ่ปราณอย่างมาอย่างเข้มข้น รูขุมขนบนผิวมีเลือดหยดไหลออกมาอย่างแท้จริง!

บนอัฒจันทร์ อธิการบดีของหนานเจียงอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไป แววตาเผยความซับซ้อนขึ้นมา

นี่คือปล่อยไขกระดูกออกจากร่าง!

หวังจินหยางทำแบบนี้ ภายหลังต้องเจ็บหนักถึงรากฐานแน่ ทั้งไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานเท่าไหร่ แต่การแข่งขันระหว่างโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งคงต้องจบลงล่วงหน้าแล้ว

หลังจากต่อสู้สนามนี้ หวังจินหยางคงไม่อาจลงสนามได้อีก

อธิการบดีหนานเจียงถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร มองจากมุมของมหาวิทยาลัย หวังจินหยางบุ่มบ่ามเกินไป ไม่คำนึงถึงส่วนรวม

หวังจินหยางทะลวงขีดจำกัดความสามารถมากขึ้น ไม่ได้ไร้ทางเอาชนะเหยาเฉิงจวินที่อยู่ขั้นห้าเสียทีเดียว อันดับสามยังพอจะแย่งชิงกันได้

แต่ตอนนี้เพื่อจะตัดสินแพ้ชนะกับฟางผิง กลับไม่ครุ่นคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา อันดับสามหมดหวังแล้ว

แต่อธิการหนานเจียงก็ไม่อาจพูดอะไรได้

ทั้งสองคนสู้กันมาจนถึงตอนนี้นับว่าถึงอกถึงใจแล้ว หากพูดอย่างจริงจังฟางผิงถือเป็นศิษย์ครึ่งหนึ่งของหวังจินหยาง อาจารย์ที่บุกเบิกเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ถึงได้ให้ความสำคัญขนาดนี้!

แพ้ให้คนอื่น หวังจินหยางไม่สะทกสะท้าน แต่แพ้ให้ฟางผิง เขาไม่อาจรับได้

คล้อยหลังจากการระเบิดพลังของทั้งสองคน ทั่วทั้งสนามกีฬาก็ราวกับเกิดอากาศแปรปรวน

ผู้ตัดสินขั้นหกสูงสุดที่อยู่ในสนามคนนั้น ใบหน้าหนักแน่นขึ้นมาเช่นกัน!

พิธีกรทั้งสองคนไม่อธิบายอะไรอีกแล้ว

เงาดาบของฟางผิงขยายใหญ่อย่างถึงขีดจำกัด บังฟ้าบดแสงอาทิตย์ สั่นสะเทือนจนรอบๆ ม่านพลังงานเริ่มคลอนแคลนแล้ว

คันธนูในมือของหวังจินหยาง เริ่มมีสัญญาณปริแตกเช่นกัน ครั้งนี้เขาไม่ได้เพ่งสมาธิไปที่ธนูยาว แต่รวบรวมปราณเป็นดาบยาวสีเลือดขนาดใหญ่ การปะทะของพลังทำให้ยอดฝีมือในสนามกีฬาต่างรับรู้ถึงแรงกดดัน!

หากทั้งสองคนทุ่มสุดกำลัง ตอนนี้คงไม่ด้อยไปกว่าการระเบิดพลังของยอดฝีมือขั้นห้าตอนปลายด้วยซ้ำ!

ภายใต้การปะทะกัน บางทีอาจปล่อยไปถึงพลังของขั้นหกได้!

“ไป!”

“ไป!”

ครู่ต่อมาทั้งสองคนก็ตะโกนในเวลาเดียวกัน ฟางผิงมองลงมาจากข้างบน ถือดาบฟันลงไป ดาบยังไม่ทันดิ่งลง ดาบโลหะผสมระดับ B ก็เริ่มแตกร้าวเล็กน้อยแล้ว!

ธนูโลหะผสมในมือหวังจินหยางแตกกระจายแยกเป็นสองส่วนทันที!

สองดาบไม่ทันปะทะกันก็เกิดเสียงระเบิดกึกก้องแล้ว กระแสอากาศพลิกตลบ พื้นดินรอบๆ พังยุบลงไปในชั่วพริบตา

หวังจินหยางราวกับเป็นราชามารสีเลือด ยืนตรงดิ่งเผชิญหน้ากับฟ้า เลือดหยดลงพื้นดินเป็นวงกว้าง ยังคงไม่คิดสนใจอะไร ถลาเข้าไปหาฟางผิงทันที!

ฟางผิงที่อยู่กลางอากาศ ผิวหนังปริแตก พลังของฟ้าดินไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ในตอนนี้ ถือดาบด้วยมือทั้งสองข้าง ตอนนี้เนื้อหนังเละเทะจนแทบแยกไม่ออกตั้งนานแล้ว ทั้งยังปริแตกกระจายต่อไป ระเบิดเนื้อหนังของเขาไม่หยุดหย่อน

“เปรี้ยง!”

เสียงสนั่นหวั่นไหวดังจนทุกคนหน้ามืดตาลาย

ทั่วทั้งสนามกีฬาราวกับถูกโจมตีด้วยกระสุนปืนใหญ่นับไม่ถ้วน พื้นดินจำนวนมากถูกพลิกขึ้นมา ปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว ชนกับม่านพลังจิตใจรอบๆ

ภายในสนามมีแต่เศษฝุ่นปลิวเต็มไปหมด เดิมทีก็ทำให้คนมองสถานการณ์ไม่ชัดเจนอยู่แล้ว

นอกสนาม

เหยาเฉิงจวินและหลี่หานซงต่างเผยสีหน้าจริงจังจนถึงขีดสุด!

ใช่ การประลองแลกเปลี่ยนความรู้ ทุกคนไม่อาจระเบิดพลังเต็มที่เหมือนการต่อสู้เดิมพันด้วยชีวิต

แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเหลือแรงเอาไว้จริงๆ

ตอนนี้ฟางผิงและหวังจินหยางระเบิดกำลังอย่างเต็มที่ พลังต่อสู้สูงกว่าการแข่งขันก่อนหน้านี้อยู่ช่วงใหญ่!

ถ้าก่อนหน้านี้บอกว่าทั้งสองคนสามารถฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าตอนต้นได้ตามลำพัง ถึงกระทั่งอาจฆ่าตอนกลางได้เช่นกัน งั้นตอนนี้ภายใต้ความร่วมมือของทั้งสองคน บางทีอาจสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นห้าสูงสุด หรือถึงกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่อยู่ในสภาวะปิดผนึกประตูซานเจียวแล้วได้ ประเมินทั้งสองคนต่ำไป คิดประมาทไม่ทุ่มสุดกำลัง อาจถูกทั้งสองคนสังหารได้เช่นกัน!

เวลานี้อัจฉริยะทั้งสองคนลิ้มรสความขื่นขมก่อน แต่ไม่นานก็จะฟื้นฟูเป็นปกติ

พวกเขาสู้กันมาจนถึงขั้นนี้ต่างเกือบเดิมพันถึงชีวิต หากพวกเขาอยากจะเดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้!

เสียงระเบิดดังอยู่ระลอกใหญ่

รอจนฝุ่นธุลีสงบลงแล้ว

ในที่สุดทุกคนก็มองสถานการณ์ในสนามได้อย่างชัดเจน ภาพแรกที่เห็นทุกคนต่างอดส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้

ตอนนี้ในสนามกีฬาไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีกแล้ว!

นอกจากเวทีที่ตั้งอยู่อย่างมั่นคง ทั่วทั้งสนามแทบมองไม่ออกว่าก่อนหน้านี้เป็นแบบไหน เหลือเพียงคราบดินสีดำปะปนกับหลุมมากมายนับไม่ถ้วน

เวทีนั้นราวกับกว้างใหญ่กว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก

ตอนนี้ฟางผิงยืนสง่าอยู่บนเวที ดาบยาวในมือแปรสภาพราวกับเป็นใบเลื่อย

ฟางผิงยืนถือดาบด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด

หวังจินหยางที่อยู่ตรงข้าม ท่อนบนไม่มีเสื้ออีกแล้ว บาดแผลปรากฏทั่วร่างราวกับเครื่องเคลือบที่แตกหัก

“ฉันชนะแล้ว!”

ฟางผิงพูดออกมา เลือดในปากก็ทะลักตาม อยากจะกลืนยังไม่สามารถกลืนลงไปได้!

ไอ้เวรหวังจินหยาง นึกไม่ถึงว่าจะเอาเป็นเอาตายกับเขา หากรู้แบบนี้น่าจะฟันเพิ่มอีกดาบให้เขาตายซะ!

แววตาของหวังจินหยางปรากฏความสับสน ก่อนจะใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปาก คลี่ยิ้มว่า “นับว่านายชนะไม่ได้หรอกมั้ง?”

ฟางผิงแค่นเสียงในลำคอก่อนจะเพิ่มปราณในร่างกายขึ้นมา!

“สู้กับนายอีกครั้งยังได้!”

หวังจินหยางสีหน้าเปลี่ยนในชั่วพริบตา เผยความจนใจ ผิดหวังและอยากด่าคนอยู่บ้าง ทว่ากลับอับจนหนทาง

เขาถอนหายใจเบาๆ

“อย่าอวดเก่งอีกเลย อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย ถือว่านายชนะละกัน”

หวังจินหยางส่ายหัวเบาๆ กระอักเลือดลงจากเวทีไป แพ้ก็แพ้เถอะ นี่เป็นแรงกระตุ้นให้เขาเช่นกัน

ฟางผิงเผยรอยยิ้ม สาวเท้าลงจากเวทีด้วยร่างกายที่หยัดตรง เทียบกับหวังจินหยางซึ่งอยู่ในสภาพอนาถหน่อยแล้ว ฟางผิงยังมีเวลาจัดแต่งทรงผมอีก

บนอัฒจันทร์

หวงจิ่งเผยท่าทีจนใจ ส่งสายตาเป็นนัยให้ถังเฟิง ถังเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย สาวเท้าออกไป เจ้าเด็กนั่นอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ยังจะแสร้งไม่เป็นอะไรอีก ไม่กลัวว่าร่างจะระเบิดจริงๆ หรือไง!

————————-

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท