พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 40

ตอนที่ 40

บทที่ 4 ตอนที่ 10

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

สายตาอันแสนพร่ามัวค่อยๆฟื้นคืนได้สติกลับมา และเห็นภาพตรงหน้าอย่างคลุมเครือ

เส้นทางที่ส่องแสงสว่างท่ามกลางแสงดาว ถนนเรียบๆที่ถูกปกคลุมไปด้วยกรวดและทุ่งหญ้า

เมื่อผมสังเกตเห็น ผมก็กลับมาอยู่ที่ถนนที่ทอดยาวจากป่าไปยังเขตนอกเมืองเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้อยู่ในบ่อเลือดที่มีซากศพกระจัดกระจายไปทั่ว เขากลับมาทางอาร์คาซัมโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

บอกตามตรงรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้กลับไปที่กระท่อมของชิโนะในสภาพนี้ ไม่อยากให้อาจารย์ต้องมาเห็นภาพลักษณ์อันแสนน่ารังเกียจ

ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาที่มีความคิดแบบนี้ ใบหน้าอันแสนบิดเบี้ยวนั่น ทำให้ใบหน้าของผมมีเลือดอาบไปทั่วและใบหน้าอันแสนน่ารังเกียจนี่

(ผม หนีอีกแล้ว…………)

ความจริงที่มาพร้อมกับเคนนั่น ผมไม่อยากจะยอมรับมันเลย ไม่อยากจะคิดเกี่ยวกับมัน อยากจะสะบัดทุกอย่างทิ้งไป ณ ตรงนี้

โดยการเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย และยังทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

แต่ทำแบบนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะทำไปก็ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลง

(ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง………ลิซ่าทิ้งผมไปแล้ว……ไม่เหลืออะไรแล้ว……)

ภายในหัวของผมมีความคิดอันแสนยุ่งเหยิง

ผมคิดอะไรไม่ออกได้แต่เกลียดตัวเองที่พึ่งพาพลังเหล่านั้นเพื่อหนีจากความเป็นจริง

ถึงกระนั้นร่างกายของผมก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า จิตใจและร่างกายมันแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง

โดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ผมเดินด้วยท่าทางโซเซและสั่นกลั่ว

ซึ่งไม่รู้แล้วว่าจะมุ่งไปที่ไหนต่อ……。

◇◆◇

「หาาาาววว…………」

หลังจากอาบน้ำ ฉันก็กำลังดูดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนบนคฤหาสน์

ลมกลางดึกพัดผ่าน และถึงแม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่อากาศเย็นๆก็พัดพาเอาความร้อนออกไป

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะชำระล้างร่างกายมากมายขนาดไหน แต่ความขุ่นมัวในใจไม่ได้จางหาย

ฉันกำลังคิดถึงเขา

เมื่อเร็วๆนี้ ฉันเริ่มคิดถึงเขาบ่อยมากขึ้น

ยามเช้าที่ส่องกระจกมองหน้าตัวเอง ยามเรียนในคาบบรรยาย ยามฝึกในคฤหาสน์ หรือแม้กระทั่งตอนทานข้าว

แม้ว่าฉันจะชำระล้างร่างกายด้วยการอาบน้ำ เพื่อทำให้หัวโล่ง แต่ตอนนี้ก็กลับมาคิดถึงเขาอีกแล้ว

แต่ว่าวันนี้ หลังจากนั้น ฉันก็รู้สึกมีความสุขอยู่เสมอ

หลายๆคนมักจะบ่นยามที่ฉันเข้าไปหาเขา แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะโดนมองเช่นไร

◇◆◇

และก็ตอนที่ได้คุยกับลิซ่า

เธอพยายามกีดกันฉันไม่ให้เข้าใกล้เขา ถ้าปล่อยไปตามเดิมเช่นนี้ได้มีเรื่องกันแน่ๆ

ฉันถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่ตอบและเดินจากไป

ใบหน้าของเธอในตอนนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับเขาไม่ใช่เพื่อนสมัยเด็กของเธอ

「……เฮ้ออออ…………」

ท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย และแม้ว่าฉันพยายามจะตามหาต้นตอเกี่ยวกับตัวเขาให้มากที่สุด แต่เพื่อนสนิทกับน้องสาวของฉันก็บอกว่าให้เลิกทำแบบนั้น

หลังจากนั้น ตอนที่ได้ยินเรื่องราวจากอิน่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลิซ่า ฉันก็อดที่จะถามตัวเองไม่ได้

ฉันไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย

และตอนนี้เขาก็ยังทุกข์ทรมานใจเพราะลิซ่า

แต่ตอนนั้นตัวฉันก็ไม่เคยรู้จักเขาเลยแม้แต่น้อย

เมื่อฉันเห็นภาพลักษณ์ของเขาที่ต่างไปจากในข่าวลือ ฉันรู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหนจากการที่เขาช่วยฉันและน้องสาวพลังนั่นไม่ใช่แค่การปลด “พันธนาการ” ธรรมดา

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากพูดถึงมัน

「…………เฮ้อ…………」

ฉันถอนหายใจบ่อยครั้งพร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนกำลังดิ่งลงเรื่อยๆ

วันนั้นฉันมักจะเอามือข้างที่เขาจับมือฉันกุมอกไว้เสมอ

คืนหลังจากนั้นฉันก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวและทุกครั้งที่มองที่มือที่เขาจับ แก้มของฉันก็ผ่อนคลายลง

แต่ตอนนี้ เมื่อฉันมองไปที่มือนั่น มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดใจ

ฉันอยากจะรู้จักเขาให้มากกว่านี้ แต่ฉันก็ไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรจากเขาเลยแม้แต่น้อย

ฉันอยากให้เขาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฉันฟังเยอะๆ แต่เขาไม่เคยคิดจะพูดถึงมันเลยแม้แต่น้อย

คำถามที่ไม่ได้คำตอบยังคงวนเวียน ทุกครั้งที่นึกถึงก็จะปวดใจจนฉันเริ่มหมดความอดทน

ท้ายที่สุด ความกังวลใจนี่ก็ไม่หายไปแม้ลมยามค่ำคืนจะช่วยพัดผ่านมันไปก็ตามที

◇◆◇

「อืม………มาช้าจังเลยนะ……」

ฉัน ซีน่า・จูเรียล กำลังค้นคว้าอยู่ในห้องสมุดหลังเลิกเรียน

สถาบันโซลมินาติก่อตั้งขึ้นจากหลายประเทศทำให้มีหนังสือจากหลากหลายประเทศถูกรวบรวมไว้ในสถานที่แห่งนี้

ฉันถือกระเป๋าไว้ในมือ พร้อมกับเดินไปตามถนนที่ปูด้วยหินสีเข้ม ออกจากอาคารของสถาบันโซลมินาติ ผ่านสวนสาธารณะตรงกลาง และมุ่งหน้าไปยังถนนสายหลัก

แสงไฟที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ถูกติดตั้งทั่วทั้งถนนสายหลักแห่งนี้ มันทำให้ถนนสว่างไสวแม้จะอยู่ในช่วงยามค่ำคืน

แสงจากเวทมนตร์เหล่านั้น ถูกสร้างขึ้นมาจากหินเวทมนตร์และทำให้ใช้วิธีการจุดให้สว่างเพื่อให้แสงยามค่ำคืน

แม้ว่าจะเป็นของราคาแพง แต่ความสำคัญของมันที่คอยใช้สอดส่องเมืองยามค่ำคืนก็เหมาะแล้วที่จะลงทุนเพื่อความปลอดภัย

◇◆◇

「วันนี้ไม่เข้าใจเรื่องราวเลยสักนิด…………」

สิ่งที่ฉันตรวจสอบในวันนี้คือเกี่ยวกับสัตว์อสูรที่มันขโมยบ้านเกิดเมืองนอนของฉันไปฟอสซิล

ป่าฟอสซิลเป็นป่าที่ได้รับการปกป้องจากจิตวิญญาณ แต่ที่นั่นก็กลายเป็นศูนย์กลางของการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อ 10 ปี ก่อนและเหล่าสัตว์อสูรจำนวนมากได้บุกเข้าไปในดินแดนแห่งนั้น เรา เหล่าเอลฟ์สูญเสียที่อยู่และต่างต้องทิ้งสถานที่ๆเป็นบ้านเกิดไป

แต่ถึงยังงั้นพวกเราก็ยังไม่ทิ้งบ้านเกิดเมืองไปหรอก

สักวันจะเอาป่าที่เป็นบ้านเกิดของพวกเรากลับคืนมาจากพวกสัตว์อสูรเหล่านั้น

แน่นอน มันไม่ใช่แค่ฉันที่คิดเรื่องนี้เพียงคนเดียว แต่ยังรวมถึงเพื่อนร่วมเผ่าและประเทศต่างๆด้วย

ถึงอย่างนั้นฉันก็ไปที่ห้องสมุดทุกวันและกิลด์เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจ

หนังสือจากห้องสมุดของสถาบันนั้นรวบรวมมาจากทั่วทุกประเทศทำให้มีหนังสือจำนวนมากถูกเก็บไว้ หนังสือนั่นเยอะเสียจนอายุคนธรรมดาทั่วไปทั้งชีวิตก็อ่านไม่หมด

เนื่องจากหนังสือมันเยอะถึงขนาดนั้น ฉันเลยหวังว่ามันจะมีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับสัตว์อสูรตัวนั้น แต่หลายปีที่เข้ามาในสถาบันแห่งนี้ก็ไม่เจอมันเสียที

「เฮ้อ………อุบ! สุดท้ายฉันก็ทำไม่ได้」

ฉันสังเกตได้ทันทีว่าเผลอถอนหายใจออกไป จึงรีบดึงสติกลับคืนมา

「……?」

ขณะนั้นก็รู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณของบุคคลใกล้เคียง สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลจากย่านการค้าจึงไม่มีใครจะมาเดินหรอก

เมื่อมองเห็นสัญญาณนั่น ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาจากถนน มันมาจากถนนใหญ่นอกเมืองไม่ใช่มาจากถนนสายหลัก

ในทางตรงกันข้ามแสงนั่นจะส่องกระจายไปทั่วความมืดมิด ดังนั้นแม้ว่าจะเดินตามรอยเท้าก็ไม่สามารถเห็นรอยเท้าของบุคคลได้หรอก

ฉันนั่งลง

ฉันไม่เก่งกับกับการที่จะสู้กับมนุษย์เท่าไรนัก

ไม่ว่าเมืองอาร์คาซัมจะปลอดภัยแค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอาชญากรรม

ไม่มีการรับประกันว่าสาวน้อยที่เดินเตร็ดเตร่ยามดึกจะไม่โดนโจมตีช่วงกลางดึก

เสียงฝีเท้าค่อยๆดังขึ้น

ฉันออกแรงปานกลางไว้ที่ขาทั้งสองข้างพร้อมกับจะเคลื่อนไหวตลอดเวลาและแสงนั่นก็ส่องไปที่เจ้าของร่างที่เดินอยู่

มีชายคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น ฉันขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเขา

ร่างกายของเขาสกปรกมาก ไม่เห็นหน้าเพราะเขาก้มหน้าอยู่ แต่ไหล่ของเขากว้างกว่าผู้หญิง และดูจากภายนอกก็รู้ว่าเป็นผู้ชาย

อย่างไรก็ตามมีคราบโคลนมากมากและเลือดติดอยู่ทั่วร่างกาย

「เดะ เดี๋ยวก่อน! คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?!」

เมื่อเห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด ฉันจึงรีบเข้าไปหาชายคนนั้นทันที ผ้าและแขนเสื้อฉีกขาดและพอมองใกล้ๆก็เห็นเป็นชุดเครื่องแบบของนักเรียนสถาบันโซลมินาติ

เมื่อฉันวิ่งไปและพยายามตรวจสอบสภาพบาดแผล ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นฉันและเงยหน้าขึ้น

「นี่นาย…………」

ฉันคุ้นเคยกับใบหน้าของชายคนนี้ เพราะเป็นใบหน้าที่ฉันเคยเห็นมาก่อน

โนโซมุ・เบลาตี้

ชายหนุ่มผู้โดนเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้งเมื่อสองสามวันก่อน

เขามีเลือดไหลทั่วทั้งตัวและเดินโซเซ

ตัวฉันเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกดีๆกับเขาหรอก ไม่มีใครจะมีความรู้สึกดีๆให้กับคนที่หักอกสาวเพราะนอกใจหรอกนะ

แต่ไม่ว่าจะเกลียดกันมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถปล่อยคนเจ็บไปตามลำพังได้หรอก

「ยังไงก็ตามรีบไปหาหมอได้แล้ว……」

ฉันพยายามพาเขาไปหาหมอ แต่เขาไม่ยอมเดินตามมา

「เดี๋ยวก่อน! ถ้าไม่รีบไปแผลนั่นจะทำให้นายตายได้นะ!เพราะงั้นรีบตามมาเร็วเข้าสิ!!」

พูดจบก็พยายามดึงมือเขาแต่เขาก็ไม่ขยับ เหมือนว่าเขาจะไม่ยอมไปหาหมอ

เมื่อคิดเช่นนั้น ฉันก็ตระหนักได้ เวลาแบบนี้ที่คนนอนหลับกันหมดแล้ว ที่ไหนจะเปิดรักษากันล่ะ

แต่ว่าชายตรงหน้าฉันต้องการๆรักษาอย่างเร่งด่วน ในเวลานี้ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องความชิงชังต่อเขาแล้ว

「อาาา โมววววววว!! ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย!!」

ฉันบังคับดึงมือเขาและเริ่มลากเขาไป ช่วงนี้ฉันต้องพาเขาไปหาสถานที่รักษาที่ใกล้ที่สุด

ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ฉันคิดว่าต้องบังคับเขาแล้ว อย่างน้อยฉันก็ต้องรักษาขั้นต้น

ทีแรกเขาก็ขัดขืน แต่บางทีเพราะอาจจะยอมแพ้แล้วก็ได้เลยเริ่มก้าวเดินอย่างช้าๆ

(ให้ตายสิ!ไปทำบ้าอะไรมาเนี่ย!!)

อย่างน้อยฉันก็แอบบ่นในใจและลากเขาไปด้วยกัน

◇◆◇

「เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…………」

เควินบ่นพึมพำเพราะเห็นภาพที่เหลือเชื่อตรงหน้า

มีไซคลอปส์ที่พวกเรากำลังกังวลทั้งหลายแหล่นอนเรียงราย

ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง แต่ที่นั่นมีไซคลอปส์จำนวนมากมายเป็น 10 ตัว หากทั้งเมืองโดนพวกนี้โจมตีในคราวเดียวเมืองเละแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม ทั้งข้าและเหล่าผู้พิทักษ์ของเมืองไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อยเพราะพวกมันทั้งหมดถูกสังหารแล้ว

ใช่แล้ว ไซคลอปส์จำนวนมากกว่า 10 ตัวถูกสังหาร ซากของมันเหมือนโดนอะไรบางอย่างตัดจนขาดสะบั้น คอขาด อวัยวะภายในกระเด็นออกมาข้างนอก มีตัวที่ไหม้เกรียมด้วย และแต่ละตัวต่างมีแผลสุดแสนอันน่าทรมาณทั้งนั้น

ใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้พิทักษ์เมืองต่างซีดเซียว บางคนทนไม่ไหวถึงกับอาเจียนออกมา ไม่แปลกใจเพราะพวกเขายังเด็กและไม่เคยเผชิญหน้ากับประสบการณ์เหล่านี้

「จิฮัด………เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่……」

「……ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ข้าคิดว่าไม่มีเวลาแล้ว ถ้ากลิ่นเลือดมันฟุ้งขนาดนี้ ไม่ช้าก็เร็ว สัตว์อสูรจำนวนมากจะแห่มาตามกลิ่นเลือดพวกนี้ พวกนายรีบไปกับเหล่าทหารและรีบออกจากป่าไปซะ」

ซากศพที่กระจัดกระจายเรียงรายนั้นได้รับความเสียอย่างหนักและมหาศาลมาก แต่ว่าสภาพศพมันยังไม่เน่าเสีย แสดงว่าคนที่ฆ่าพวกมันต้องอยู่ใกล้ๆนี่แน่

นอกจากนี้ เลือดจำนวนมากกระจายไปทั่วและกลิ่นของศพมันตลบอบอวลทั่วพื้นที่

ถ้าสัตว์อสูรมันมารวมตัวกันมันคงยากที่จะป้องกันทุกคน นอกจากนี้ยังมีพวกนักเรียน

แยกทหารออกส่วนหนึ่งคอยตรวจสอบซากศพของพวกไซคลอปส์และกลับเข้าเมืองภายในทันที ทั้งหมดที่ทำได้มีแค่นี้

ภัยคุกคามที่มากกว่าเหล่าไซคลอปส์ ความรู้สึกกลัวมันกำลังก่อตัวขึ้นในอกของข้า……

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

  1. Antimanga พูดว่า:

    ขอบคุณมากๆครับพี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท