ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 214 ลอยไปให้ไกลดั่งควัน-3

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 214 ลอยไปให้ไกลดั่งควัน-3

“สนุกหรือไม่”

เยี่ยเหว่ยถามเถี่ยกวนอิน

เขานั่งลงตรงข้ามเถี่ยกวนอิน

บดบังการมองเห็นของอีกฝ่ายอย่างประจวบเหมาะ

“สนุก…ข้าประมือกับอาจารย์เขา ตอนนี้ดูลูกศิษย์ประมือกับผู้อื่น ไยจะไม่สนุกเล่า”

เถี่ยกวนอินกล่าว

เยี่ยเหว่ยเงียบขรึมไปชั่วครู่

คล้ายกับรู้สึกว่าสิ่งที่เถี่ยกวนอินกล่าวสมเหตุสมผลเล็กน้อย

เขาเองก็ไม่ได้เห็นลูกศิษย์ของตนมานานแล้วเช่นกัน

และยิ่งไม่เคยเห็นเขาประมือกับผู้ใด

ด้วยเหตุนี้เขาจึงย้ายตำแหน่ง

นั่งลงด้านข้างเถี่ยกวนอิน

แย่งไหสุราที่เขากำลังดื่มอยู่

ไม่ต้องใช้จอก

เพียงยกไหกระดกไปหลายอึก

………………..

ดรุณสกัดจุดตัดสินใจจบเรื่องโดยเร็ว

ผู้ที่ชิงลงมือก่อน

ผู้ที่ลงมือทีหลัง

แต่ดรุณสกัดจุดลงมือไม่รวดเร็วนัก

ราวกับหิมะตกเก้าวัน

คลุมเครือเลือนราง

เขาไม่ใช้อาวุธ

เพียงอาศัยสองมือของตนเท่านั้น

เขามั่นใจในสองมือนี้ของตนเต็มเปี่ยม

มั่นใจถึงขั้นตลอดชีวิตของเขาจนกระทั่งตอนนี้ไม่เคยหยิบอาวุธขึ้นมาสักครั้ง

ยามที่ดรุณทลายพรรณกระจายทรายพิษก็จะสวมถุงมือพิเศษคู่หนึ่ง

แต่ดรุณสกัดจุดมีเพียงมือเปล่า

มือของเขาขาวผ่องยิ่งนัก

สิบนิ้วเรียวยาว

บางเฉียบยิ่งนัก

ข้อต่อกระดูกไม่ล้ำออกมา

หากมองหาลักษณะเฉพาะละก็

บอกได้เพียงมือเรียวยาวคู่นี้บอบบางยิ่งนัก

หากเป็นของสตรียังพอว่า แต่เมื่อเป็นของผู้ที่ต่อสู้สังหารตลอดเวลา ดูเหมือนจะไม่เข้ากันนัก

ยิ่งกว่านั้นดรุณสกัดจุดรูปร่างสูงใหญ่

หนวดเคราจากคางยาวถึงต้นคอ

รูปลักษณ์บุรุษมาดแมนกลับมีมือเช่นนี้

ทั้งยังเห็นได้ว่ามือคู่นี้ไม่ธรรมดายิ่ง

เซียวจิ่นข่านเห็นผู้ที่ฝึกฝนวิชาดรรชนีและหัตถ์โจมตีมาไม่น้อย

มือของพวกเขางดงามยิ่งเช่นกัน

รวมถึงมือหลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋องก็เป็นเช่นนี้

เขาฝึกฝนหัตถ์ราชันดาราบถธรณี

มือหยกคู่หนึ่งสั่น

ครั้นกางฝ่ามืออกราวกับมีวงระลอกคลื่น

แต่หากกล่าวถึงรูปลักษณ์ภายนอกละก็

ยังงดงามสู้มือของดรุณสกัดจุดไม่ได้

เซียวจิ่นข่านไร้อาวุธ

เพราะเขาไม่คิดจะใช้แผ่นหยกไท่ไป๋ในอ้อมอกของตน

ดังนั้นเขาจึงเผชิญกับศัตรูด้วยมือเปล่าเช่นกัน

ดรุณสกัดจุดยิ้มขันเล็กน้อย

เขาไม่ได้ลงมือมาอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่งแล้ว

ไม่ใช่เพราะเขาเกียจคร้าน

แต่โอกาสที่ทำให้เขาลงมือได้นั้นมีไม่มากนัก

ภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่ ดรุณบั่นเศียรเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ข้อมือขวาของดรุณสกัดจุดหมุนอย่างต่อเนื่อง

ดูเหมือนกำลังขยับกล้ามเนื้อ

แต่ทุกครั้งที่เขาหมุนข้อมือหนึ่งรอบ เซียวจิ่นข่านสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาเป็นวงกลมกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

แต่ละรอบยิ่งรุนแรงขึ้น

แต่ละรอบยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

พลังวงล้อมแต่ละรอบดูเหมือนจะไร้จุดหมาย

ความจริงแล้วคล้ายกับห่วงที่ขังเซียวจิ่นข่านไว้ข้างในทั้งตัว

เซียวจิ่นข่านสัมผัสได้ถึงจุดลมปราณและเส้นลมปราณในร่างกายล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น

ทว่าเขาไม่รีบร้อน

เขาต้องการดูวิธีการของดรุณสกัดจุด หัวหน้าแห่งห้ายอดดรุณนี้

ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายกายใจอย่างสมบูรณ์

ปล่อยให้พลังของอีกฝ่ายห่อหุ้มตนเองไว้เช่นนี้

เซาะกร่อนจากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่างอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้น

ร่างของดรุณสกัดจุดส่องประกายวาบ

เริ่มวิ่งปราดไปทั่วร้านอาหาร

ความเร็วนั้นเร็วจนทิ้งเพียงร่องรอยภาพติดตา

“นี่เป็นท่าร่างธุลีลวงตาหรือ”

เถี่ยกวนอินกล่าว

เขากำลังพูดกับเยี่ยเหว่ย

“ไม่เหมือน…”

เยี่ยเหว่ยจ้องมองครู่หนึ่งแล้วส่ายศีรษะกล่าว

“ท่าร่างธุลีลวงตาว่องไวชวนฝันกว่านี้ยิ่งนัก”

เยี่ยเหว่ยกล่าวต่อ

“หรือเขายังฝึกไม่เชี่ยวชาญ”

เถี่ยกวนอินหัวเราะพลางกล่าว

เขาแอบเหลือบมองไหสุรา

ในนั้นมีสุราเหลือเพียงครึ่งไห

“เจ้าจะใช้ทักษะวิชาที่ฝึกฝนไม่ชำนาญเผชิญหน้ากับศัตรูหรือไม่เล่า”

เยี่ยเหว่ยถาม

“ใช้! หรือไม่ใช้…ก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายเป็นใครกระมัง”

เถี่ยกวนอินกล่าว

จุดนี้กลับคิดเช่นเดียวกับเยี่ยเหว่ย

เยี่ยเหว่ยรินสุราให้เถี่ยกวนอีกหนึ่งจอก

ดรุณสกัดจุดยุ่งอยู่กับการผลุบๆ โผล่ๆ ไปทั่วร้านอาหารอยู่พักหนึ่งแล้วจึงหยุดลง

เขารู้สึกสงสัยในใจยิ่งนัก

เหตุใดจนถึงตอนนี้เซียวจิ่นข่านจึงไม่กระทำสิ่งใด

วิชานี้เขาสร้างขึ้นเอง

แต่เถี่ยกวนอินก็ไม่ได้กล่าวผิดแต่อย่างใด

รากฐานของวิชานี้ดัดแปลงมาจาก ‘ท่าร่างธุลีลวงตา’

แต่ไม่ได้ใช้เพื่อหลบหนีและหลบเลี่ยง

ทว่าเพื่อตบตาหลอกผู้อื่นต่างหาก

เหตุผลที่ดรุณสกัดจุดสามารถสกัดจุดได้เป็นเพราะพลังของเขาแฝงไปด้วยแรงสั่นสะเทือน

หลังจากจุดในระบบของอีกฝ่ายได้รับแรงกระแทกนี้ก็จะปั่นป่วนทันที

ศึกภายในต้องสงบก่อนจึงสู้ศึกภายนอก

หากภายในร่างกายยุ่งเหยิง ภายนอกจะสงบสุขได้อย่างไร

เพียงแต่แรงสั่นสะเทือนนี้ซับซ้อนอย่างยิ่ง

ดรุณสกัดจุดต้องการสร้างแนวทางอื่น จึงคิดวิธีเช่นนี้ออกมา

อินหยางสองขั้วในกายกระบี่ของเขาบีบอัดเหลือประมาณหนึ่งในสามของปกติ

ด้วยเหตุนี้พลังจึงมีความรัดกุมกว่าผู้อื่น

สามารถทำได้ถึงขั้นรวมตัวแต่ไม่กระจายออก ควบแน่นแต่ไม่สลาย

ดรุณสกัดจุดใช้พลังแน่วแน่มั่นคงนี้ทำสัญลักษณ์กระจายไปทั่วร้านอาหาร

ทุกมวลล้วนทำสัญลักษณ์บนจุดสำคัญ

จุดเหล่านี้เป็นจุดที่เขาเลือกอย่างพิถีพิถัน

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองพลังตอนที่หมุนข้อมือก่อนหน้านี้

รอให้การโจมตีสกัดจุดของเขาเริ่มต้นขึ้น

จุดสัญลักษณ์เหล่านี้พร้อมจะปล่อยพลังสั่นสะเทือนไปพร้อมกับตัวเขา

สามารถทำลายจุดลมปราณและจุดในระบบอีกฝ่ายในคราวเดียว

ตอนนี้วางจุดสัญลักษณ์เสร็จสิ้น

ดรุณสกัดจุดกลับหยุดมือ

“นี่หมายความว่าอย่างไร”

เถี่ยกวนอินมองแล้วไม่เข้าใจอยู่บ้าง

เขารู้ที่มาของห้ายอดดรุณนี้

แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นพวกเขาลงมือ

รู้สึกว่าแตกต่างจากที่เล่าลือกันมากนัก

ไฉนจึงชักช้ายืดยาดเพียงนี้

“เพราะเขาสังเกตเห็นความแตกต่าง”

เยี่ยเหว่ยกล่าว

“ต่างกันอย่างไร”

เถี่ยกวนอินถาม

“ศิษย์ของข้าผู้นี้เป็นคนตาบอด”

เยี่ยเหว่ยกล่าว

เถี่ยกวนอินได้ยินคำกล่าวนี้เกือบจะพ่นสุราในปากออกมา

ตาบอดหรือ

หากไม่เห็นท่าทางจริงจังของเยี่ยเหว่ย

เถี่ยกวนอินย่อมไม่เชื่อ

แต่เมื่อคิดว่าเยี่ยเหว่ยถนัดกล่าวไร้สาระในเรื่องจริงจัง

เขากลับไม่แน่ใจเล็กน้อย

“เขาเป็นคนตาบอดจริงๆ หรือ”

เถี่ยกวนอินกลืนสุราลงไปแล้วถาม

“คนตาบอดที่แท้จริง”

เยี่ยเหว่ยกล่าว

“มองไม่เห็นเลยหรือ”

เถี่ยกวนอินถาม

“ฟ้ามืดไม่เคยจุดตะเกียง”

เยี่ยเหว่ยกล่าว

เถี่ยกวนอินนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง

ในใจพลันชื่นชมอาจารย์และศิษย์ทั้งสองคนอยู่หลายส่วน

เขาก็เคยเจอคนตาบอด

กระทั่งเคยพบเจอคนตาบอดที่ร้ายกาจอย่างยิ่งด้วยซ้ำ

แต่คนตาบอดมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันทุกคน

นั่นก็คือความนิ่งเงียบ

โบราณว่าไว้นิ่งดีกว่าเคลื่อนไหว

แต่การเคลื่อนไหวย่อมง่ายกว่าการอยู่นิ่งเสมอ

คนผู้หนึ่งหากให้เขาเตร็ดเตร่ไปตามถนนตลอดทั้งวันย่อมสบายกว่าการนั่งอุดอู้ในเรือนทุกวัน

แม้จะให้เขาเอาแต่นอน ก็มีน้อยคนนักที่สามารถตื่นตัวหลายชั่วยาม

แต่เนื่องจากคนตาบอดมองไม่เห็นสิ่งใด ดังนั้นมักจะเอาแต่เงียบและเคลื่อนไหวน้อยครั้ง

ต่อให้ออกไปข้างนอกก็จะมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง

เสร็จธุระก็รีบจากไปทันที

สีสันและความคึกคักทั้งหมดในโลกล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา

แม้จะสูญเสียการมองเห็น แต่ก็มีชีวิตที่บริสุทธิ์กว่าผู้อื่นมาก

ในขณะเดียวกัน ประสิทธิภาพก็สูงมากเช่นกัน

สิ่งที่ดรุณสกัดจุดเคลื่อนไหวคือร่างกาย

อันที่จริงเซียวจิ่นข่านก็เคลื่อนไหวอยู่เช่นกัน

เคลื่อนไหวไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว

แต่สิ่งที่เขาเคลื่อนไหวคือความคิดและจิตวิญญาณของตน

หากมีคนมองทะลุเข้าไปดูความคิดของเซียวจิ่นข่านได้

จะพบว่าในนั้นมีภูเขา แม่น้ำ ผืนดิน ตะวันและจันทรา

มีกระแสน้ำขึ้นลงและจันทร์ขึ้นตะวันคล้อยตกเช่นกัน

ทุกสิ่งที่ผู้มีปัญญามองเห็นย่อมปรากฏอยู่ในความคิดและจิตวิญญาณของเขา

เฉกเช่นเดียวกับร้านอาหารแห่งนี้ในตอนนี้

มีอาจารย์และเถี่ยกวนอินอยู่ข้างหลัง

มีห้ายอดดรุณอยู่ฝั่งตรงข้าม

มีท่าร่างคล้ายลวงคล้ายจริงของดรุณสกัดจุดเมื่อครู่

ภายนอกไม่เคลื่อนไหว ภายในเคลื่อนไหว

นี่ไม่ใช่ระดับสูงสุดของการเคลื่อนไหวหรอกหรือ

จากที่เยี่ยเหว่ยคิด

เกรงว่าดรุณสกัดจุดอาจสังเกตเห็นเส้นสนกลในบางอย่าง

แต่เขายังคิดไม่กระจ่าง

หากให้เวลาเขาคิดอีกหน่อย เขาย่อมกระจ่างเป็นแน่

อีกทั้งหลังจากเขาเข้าใจแจ่มชัดแล้ว ไม่แน่ว่าขั้นฝึกตนของตนก็สามารถก้าวกระโดดได้

เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับไม่มีเวลาให้เขาได้ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ

ดรุณสกัดจุดไม่ใช่คนคลุ้มคลั่งเหมือนกระต่ายตื่นตูม

เขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้

ยามนี้หยุดมือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แม้ว่าพลังของเขาจะก่อตัวแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่ในที่สุดก็สลายไป

ทว่าเขายินยอมให้พวกมันสลายไป ครั้นเห็นความพยายามของตนไร้ผลจึงตัดสินใจหยุดมือ และไม่ลงมืออีก

………………………………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท