บทที่ 309 ทั้งหมดนั้นน่ะอยู่บนผังจัดอันดับเศรษฐีโลก
คำพูดของเฉินเจิ้นปั่งนั้นฟังดูมีเหตุผลมาก ถ้าอีกฝ่ายสัญญาว่าจะมอบที่ดินให้กับไป๋เยี่ย ก็ถือเป็นการตอบแทนได้จริงๆ ทว่าเขากลับเสนอวิธีที่ดีกว่าและเป็นประโยชน์ให้กับไป๋เยี่ย
ด้วยวิธีนี้ นอกจากจะเป็นการตอบแทนอีกฝ่ายแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความชื่นชอบจากไป๋เยี่ยอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น ความชื่นชอบที่ว่านี้ไม่ได้มาจากกองทัพ แต่มาจากตัวเฉินเจิ้นปั่งเองทั้งนั้น
ไม่ว่าต่อไปในอนาคต เฉินเจิ้นปั่งจะไปอยู่ที่ไหน ไป๋เยี่ยก็จะจดจำน้ำใจของเขาได้
ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับคนแบบไป๋เยี่ยนั้น ต่อให้เขาจะไม่ได้อะไรเลย ก็ยังถือว่าตนได้รับหลักประกันชีวิตอย่างหนึ่ง
เฉินเจิ้นปั่งนั่งบนเก้าอี้พลางมองไป๋เยี่ยเดินออกไป เขาสวมหมวกแล้วเอนหลังหลับตาครุ่นคิด
ควรจะจัดการกับโรงพยาบาล 980 ยังไงดี…
คำพูดของเฉินเจิ้นปั่ง จุดประกายความคิดของไป๋เยี่ย การก่อตั้งสถาบันวิจัยการแพทย์ฉุกเฉินนับเป็นทิศทางที่ดีจริงๆ
การพัฒนาองค์ความรู้การแพทย์ฉุกเฉินเกิดจากแนวคิดที่ล้าหลังและแนวทางปฏิบัติที่ไม่เพียงพอ และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือความล้าหลังของอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
ไป๋เยี่ยคิดว่าเพราะตนจะต้องจัดตั้งสถาบันวิจัยการแพทย์ฉุกเฉิน จึงจำเป็นต้องพัฒนายาฉุกเฉินและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ซึ่งเป็นสิ่งของจำเป็นมาก
อย่างไรก็ตาม ไป๋เยี่ยก็เคยคิดเรื่องยาและอุปกรณ์เหล่านั้นมาก่อน เพียงแค่เขายังไม่มีแนวคิดที่จะดำเนินการอย่างเฉพาะเจาะจงเลย
ได้แต่ต้องรอกันต่อไป ไป๋เยี่ยเชื่อว่าเมื่อเขาอัปเลเวลในระบบขึ้นไปอีกก็จะมีฟังก์ชั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการพัฒนาตัวยาและอุปกรณ์ใหม่ไม่น่าจะเป็นปัญหานัก
เมื่อเหล่าไป๋เห็นไป๋เยี่ยกลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยถามอย่างสบายๆ “เป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปทำอะไรที่นั่นล่ะ”
ไป๋เย่ยิ้ม “ไปยิงปืนมา ฮ่าๆ”
เหล่าไป๋ลูบหัวของไป๋เยี่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าลูกชาย พ่อถามเรื่องจริงจังอยู่นะ”
ไป๋เยี่ยหัวเราะเบา ๆ “ผู้บัญชาการเฉินพูดถึงพ่อด้วย เขาบอกว่าพ่อน่ะเก่งมากเลย เรื่องในตอนนั้น…เขายังบอกเองเลยว่าพ่อเดินทางไปทั่ว ไม่เคยไปร่วมงานสังสรรค์กับเพื่อนเลย ถ้าว่างก็ไปดื่มกับเขาหน่อย”
ไป๋ตงหลินเงียบไปครู่หนึ่ง “อืม ไว้วันไหนจะไปหาเขาแล้วกันนะ ตอนนั้นเขาก็ดีกับพ่อมากจริงๆ พ่อไม่ได้ไปงานเลี้ยงอะไรมาหลายปีแล้ว และก็ไม่ได้ติดตามว่าแต่ละคนกำลังทำอะไรอยู่ด้วย”
หลังจากที่ไป๋เยี่ยเล่าเรื่องของเฉินเจิ้นปั่งเกี่ยวกับโรงพยาบาล 980 ให้ไป๋ตงหลินฟัง เขาก็ยิ้มพลางเอ่ยปาก “สวีเป่าหมิงซวยจริงๆ ต้องล้มลุกคลุกคลาน เสียเงินเสียทองเยอะแยะ กว่าจะหาช่องทางทำเงินได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ สุดท้ายก็โดนลูกปาดหน้าไปหมด”
ไป๋เยี่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “พ่อ ถ้างั้นนี่ถือเป็นการแก้แค้นให้พ่อหรือเปล่า”
ไป๋ตงหลินยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ แค้นอะไรกัน พ่อไม่สนใจคนพวกนั้นหรอก ถ้าอยากแก้แค้นให้พ่อจริงๆ ก็ไปอเมริกาแล้วถล่มบริษัทเฮงซวยพวกนั้นซะ”
“เฮ้อ! ถ้าตอนนั้นไม่ได้ลงทุนในบริษัทพวกนั้น ก็คงติดอันดับเศรษฐีแล้ว”
ไป๋เยี่ยตบไหล่ไป๋ตงหลิน “เหล่าไป๋ ไม่ต้องกังวลไป ลิสต์รายชื่อมาให้ผม แล้วผมจะจัดการให้เอง”
ไป๋ตงหลินได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้น “จริงเหรอ”
ไป๋เยี่ยตอบ “แน่นอน! ตราบใดที่พ่อส่งรายชื่อมาให้ผม ผมจะจัดการให้เอง!”
ไป๋ตงหลินพูด “จริงๆ ก็มีรายชื่อพร้อมแล้วนะ!”
ไป๋เยี่ยถาม “ไหน”
ไป๋ตงหลินค่อยๆ เอ่ยปาก “ชื่อพวกนั้นอยู่บนผังอันดับเศรษฐีน่ะ ยึดผังนั่นเป็นรายชื่อเลยก็ได้ นี่เจ้าลูกชาย แค่ไล่รายชื่อจากหัวไปท้ายตารางก็แก้แค้นได้แล้ว!”
ไป๋เยี่ยกลอกตาไปมา นี่มันเรื่องอะไรกัน…
ตอนนี้สวีเป่าหมิงได้ข่าวจากพ่อตาว่าผู้รับผิดชอบเรื่องการโอนย้ายโรงพยาบาล 980 คืออดีตผู้อำนวยการของที่นั่น
คราวนี้เฉินเจิ้นปั่งฝากเรื่องโรงพยาบาล 980 ไว้ที่เขา ดังนั้นสวีเป่าหมิงจึงไปหาอีกฝ่ายถึงที่บ้าน
การโอนย้ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถ้าอยากชนะต้องรู้จักคู่แข่งทุกคน
ครั้งนี้สวีเป่าหมิงไปหาเพราะหวังว่าจะได้รับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคู่แข่ง ข้อมูลที่เขาได้รับล่าสุดนั้นเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
ของจริงอยู่ที่นี่!
เขานำของขวัญสุดพิเศษจากพ่อตาติดมือมาด้วย “ผอ.ฉิน ช่วงนี้ผมยุ่งอยู่กับเรื่องปลดประจำการมาตั้งแต่ช่วงตรุษจีนแล้ว เลยไม่มีเวลามาหาคุณเลย เสร็จธุระแล้วถึงได้มาหา”
ผู้อำนวยการฉินยิ้ม เขาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับสวีเป่าหมิงนัก นับประสาอะไรจะติดต่อกัน พวกเขาแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรู้จักกันไว้ ยิ่งเป็นคนในกองทัพแล้ว
ผู้อำนวยการฉินเอ่ยปากตอบ “ไม่เป็นไรครับ เชิญนั่งลงเถอะ…”
หลังจากที่ทั้งสองคนแนะนำตัวกันแล้ว สวีเป่าหมิงก็เข้าประเด็นทันที “เหล่าฉิน คุณเองก็รู้ว่าผมออกจากกองทัพมาแล้ว เลยอยากทำอะไรสักหน่อย แต่จะมีอะไรบ้างที่ทหารอย่างผมจะทำได้”
“พ่อก็เป็นห่วงผมเหมือนกัน เขากลัวหลานจะอดตาย ฮ่าๆ…ถ้างั้นเรามาพูดถึงโรงพยาบาล 980 กันดีกว่า ผมกำลังอยากลองดูเลย ยังไงพวกเราก็เป็นทหารเหมือนกัน เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ถ้าโรงพยาบาล 980 เป็นของผม ทุกคนก็สบายใจได้ว่าที่ดินตรงนั้นจะไม่ถูกใช้อย่างสูญเปล่า คุณว่าไหม”
สวีเป่าหมิงเอาแต่พูดประจบประแจง ในขณะที่ผู้อำนวยการฉินไม่ได้พูดอะไรนัก ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังเป็นคนของกองทัพ เรื่องบางเรื่องก็พูดออกมาไม่ได้
เขาจึงได้แต่หัวเราะ
สวีเป่าหมิงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรมากจึงยิ้ม “ผอ.ฉินมองผมเป็นคนนอกเหรอนี่ ฮ่าๆ ผมเข้าใจสถานการณ์ที่คุณกำลังเจอนะ ยังไงนี่ก็ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ หลังจากที่โรงพยาบาล 980 ถูกถอนออกจากกองทัพก็ต้องมีการโยกย้ายตำแหน่ง ไม่ทราบว่าผอ.ฉินสนใจมาลองคุยกันที่บ้านผมสักหน่อยไหม”
เมื่อผู้อำนวยการฉินได้ฟังดังนั้นก็เริ่มเกิดความลังเล อย่างไรเสียการทำงานในโรงพยาบาลชั้นนำก็ดีกว่าอยู่ที่โรงพยาบาล 980 มาก ถ้าเขาได้ไปที่อื่นก็คงเป็นเรื่องที่ดี
ผู้อำนวยการฉินเริ่มใจโลเล หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจในที่สุด
ผู้อำนวยการฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมอยากไปเยี่ยมคุณมาตั้งนานแล้วครับ วันนี้คงต้องลำบากคุณสวีแล้ว”
สวีเป่าหมิงเห็นดังนั้นก็ยิ่งเบิกบานใจ “ไปกันเถอะ ผมจะให้ภรรยาทำอาหารไว้ให้ พวกเราก็ดื่มกันน้อยๆ หน่อยเนอะ อ้อ…แล้วคุณสะดวกให้ผมดูรายชื่อคนที่จะมาซื้อโรงพยาบาล 980 ไหมครับ”
ผู้อำนวยการฉินเข้าใจแล้ว เรื่องนี้นี่เอง
ทว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาจึงยกยิ้มพลางเอ่ย “ได้สิครับ”