บทที่ 311 เพราะเขาเลี้ยงลูกมาดียังไงล่ะ
หวังซั่วหมิงไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งลูกสาวผู้เป็นที่รักจะได้พบกับสามีอย่างสวีเป่าหมิง
ในตอนแรก หวังซั่วหมิงเห็นว่าสวีเป่าหมิงเป็นหนุ่มน้อยจากชนบทที่มีนิสัยสบายๆ และซื่อสัตย์ แถมยังมีหน้าตาหล่อเหลา จึงตอบตกลงไป
เพียงแต่ว่า คนเรามักจะมองกันที่ภายนอก แม้ว่าสวีเป่าหมิงจะใช้ยศตำแหน่งของตนเองมาแสดงอำนาจ แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องดีๆ มากนัก
เดิมทีเหล่าผู้นำมักจะเข้ามาผูกมิตรกับสวีเป่าหมิง เพราะเห็นว่าเขาไม่ใช่คนพูดมาก แต่ดูเหมือนว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้สวีเป่าหมิงจะมีความกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ
สวีเป่าหมิงเองก็รู้ตัวดี เมื่อเขาเริ่มถูกมองข้าม เขาก็กลัวว่าจะไม่มีใครช่วยเขาได้และไม่มีคนคอยหาข้อมูลให้ ดังนั้นเขาจึงลาออกจากกองทัพ
แม้แต่บรรดาผู้นำก็รั้งเขาไว้ไม่ได้!
แน่นอนว่าพ่อตาก็โกรธเขามากเช่นกัน แต่มาคิดดูอีกที บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายนัก ถ้าสวีเป่าหมิงยังอยู่ในกองทัพต่อไป ไม่แน่ว่าวันหนึ่งเข้าอาจจะสร้างปัญหาให้กับครอบครัวก็ได้
นี่เป็นสิ่งเดียวที่พ่อตาชอบเกี่ยวกับสวีเป่าหมิง นั่นคือเขาเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและรู้ว่าควรจะเดินต่อหรือถอยหลังตอนไหน
พ่อตาจึงได้แต่ถอนหายใจและไม่กล่าวคำพูดไร้ประโยชน์อย่าง ‘เสียดายจัง’ อีก เพียงแค่หยิบเอกสารออกมายื่นให้สวีเป่าหมิง “ลองอ่านดูสิ”
สวีเป่าหมิงยื่นมือไปรับเอกสารมาอ่าน ทว่ามือทั้งสองข้างของเขากลับสั่นระริก!
เขาเตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องนี้มานานแล้ว แม้แต่โรงงานของเขาก็ถูกจำนองไม่ก็ถูกขายตรงออกไป
เพื่ออะไร
ก็กองทัพอยากขายโรงพยาบาล 980 ไม่ใช่เหรอ
แต่พอมาตอนนี้กลับคิดจะทำอะไรตามใจตนเอง คิดว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่นหรือไง
สวีเป่าหมิงเปิดเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด เป็นไปตามคาด กองทัพต้องการสร้างทีมแพทย์ภาคสนามและสร้างสถาบันวิจัยร่วมกับใครบางคน
อย่างไรก็ตาม เมื่อชื่อของผู้ร่วมมือปรากฏสู่สายตาของสวีเป่าหมิง เขาก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้าในทันใด!
ไป๋เยี่ย!
ไป๋ตงหลิน!
พวกเขานี่นา!
พวกเขามีสิทธิ์อะไร!
สวีเป่าหมิงสัมผัสได้ถึงไฟโทสะที่กำลังแผดเผาอยู่ในใจ น่าหงุดหงิดชะมัด!
ทำไมนะทำไม
ยิ่งเขาอ่านข้อความในเอกสารนั้นมากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปเท่านั้น เขาทั้งหวาดผวา โมโหและไม่เต็มใจในคราเดียวกัน!
ไป๋เยี่ยจะได้สิทธิ์ใช้ที่ดินของโรงพยาบาล 980 ฟรีเป็นเวลาห้าสิบปี นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ได้ใช้ที่ดินฟรี บ้านตัวเองเป็นเจ้าของที่ดินหรือไง
ส่วนอาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ บนที่ดินจะถูกประมูลหรือขายออกไป อีกทั้งทางกองทัพยังต้องร่วมมือกับไป๋เยี่ยในการฝึกฝนบุคลากรด้วย
เมื่อสวีเป่าหมิงได้อ่านข้อความในเอกสาร เขาก็ระงับความโกรธในใจลงก่อนจะเอ่ยปากถามพ่อตา “ทำไมล่ะครับพ่อ! พ่อไม่ได้คัดค้านเลยเหรอ ทำไมพ่อถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ”
“นี่มันบ่อนทำลายความสามัคคีชัดๆ ไม่มีกฏเกณฑ์อะไรมารองรับเลย มันคือการปล้นเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง…”
เพียะ!
หวังซั่วหมิงเห็นว่าสวีเป่าหมิงชักจะพูดเยอะเกินไปแล้วก็ยกมือขึ้นตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พูดแต่เรื่องไร้สาระ!”
เรื่องไร้สาระแบบนี้จะพูดออกไปได้ไง
เกิดคำพูดพวกนั้นหลุดออกไปล่ะก็ได้มีปัญหาแน่!
มันใช่เรื่องที่เอ็งจะเป็นคนตัดสินเหรอ
หลายปีมานี้ไม่คิดจะเรียนรู้เอง เอาแต่นั่งมองอย่างเดียว คิดว่าโลกทั้งใบต้องหมุนตามตัวเองหรือไง
ปล้นเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง บ่อนทำลายความสามัคคีอะไรนั่น
พูดมาได้ไง!
ที่หวังซั่วหมิงตบหน้าสวีเป่าหมิงก็เพราะหวังว่าเขาจะตื่นจากความคิดพวกนั้น!
สวีเป่าหมิงถึงกับอึ้งงันไปก่อนจะสงบสติอารมณ์และทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยความสิ้นหวัง
เพราะว่ามันหนักหนาจนเขารับไม่ได้ จึงพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นออกมา
แต่!
ทำไมถึงต้องเป็นไป๋ตงหลิน เขามีสิทธิ์อะไร
หลังจากที่สวีเป่าหมิงสงบลงแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมาหาพ่อตาของตนเอง “พ่อครับ ทำไมถึงเป็นไป๋ตงหลิน”
หวังซั่วหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ใครคือไป๋ตงหลิน”
สวีเป่าหมิงเห็นดังนั้นก็พลอยชะงักไปด้วย “ก็คนที่จะมาเป็นเจ้าของโรงพยาบาล 980 ไงพ่อ ไม่ใช่ไป๋เยี่ยหรอกเหรอ ไป๋เยี่ยก็คือลูกชายของไป๋ตงหลิน ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ”
หวังซั่วหมิงเห็นท่าทีสับสนงุนงงของสวีเป่าหมิงก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของลูกเขยก็อดใจเย้ยหยันไม่ได้ “เพราะเขาเลี้ยงลูกมาดียังไงล่ะ”
เมื่อหวังซั่วหมิงนึกย้อนไปถึงข้อมูลโดยละเอียดของไป๋เยี่ยในที่ประชุมก็ถอนหายใจออกมา ความทะเยอะทะยานไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุฉันใด การเป็นฮีโร่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุฉันนั้น!
ทั้งยังอายุน้อย มีพรสวรรค์ด้านการแพทย์และมีคุณธรรมสูงส่ง นี่แหละคุณสมบัติของคนที่ประเทศชาติต้องการ
แม้หวังซั่วหมิงจะเริ่มเลอะเลือนแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีคติในใจ ทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัวอยู่ลึกๆ ทว่าตัวเขายังคงมีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคง
สวีเป่าหมิงได้ยินดังนั้นก็แค่นหัวเราะ เลี้ยงมาดี เหอะ! เกี่ยวอะไรด้วย
พ่อตาของเขาเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้เขานั่งกลัดกลุ้มใจอยู่บนเก้าอี้ต่อไป
ต่อไปเขาคงมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะเลย
ถ้าอยู่ดีๆ เขาคืนเงินให้คนอื่นๆ ไปแบบมือเปล่า เขาคงถูกถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคนไม่รักษาคำพูดแน่ๆ แต่เขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ
เขายอมขายโรงงานของตนเองทั้งหมดก็เพื่อโอกาสนี้ไม่ใช่เหรอ
สวีเป่าหมิงคิดแล้วก็ตัดสินใจรอให้พ่อตาของเขาสงบลงก่อน ถึงค่อยไปคุยด้วย
เขาไม่เชื่อว่าพ่อตาจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย ยกเว้นเสียว่าเขาจะตายไปแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องคิดคือเขาจะอธิบายเหล่าผู้ร่วมลงทุนอย่างไรดี
แล้วก็…
เมื่อสวีเป่าหมิงนึกถึงไป๋ตงหลินขึ้นมาทีไร เขาก็จะรู้สึกเสียใจทุกที
เขาคิดว่าไป๋ตงหลินคงเตรียมตัวมาแก้แค้นเขาโดยเฉพาะ ยิ่งนึกถึงวันนั้นที่เขาไปหาเหล่าหลิว ไป๋ตงหลินก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน
เขาคิดไว้แล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ!
ไม่อย่างนั้นทำไมเหล่าหลิวถึงไม่ยอมมาร่วมมือกับเขาล่ะ
ทว่าสวีเป่าหมิงก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวเหล่าหลิวอยู่ ไป๋ตงหลินนะไป๋ตงหลิน คิดจะทำอะไรกันแน่
สองวันต่อมา ในที่สุดก็มีการประกาศผลสุดท้ายของเรื่องการจัดการกับโรงพยาบาล 980 ในเวลาเดียวกัน กองทัพก็ประเมินมูลค่าขั้นสุดท้ายเสร็จแล้วด้วย อาคารในพื้นที่ของโรงพยาบาล 980 จะถูกขายให้กับไป๋เยี่ยในราคาสองร้อยแปดสิบล้านหยวน
ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปทันที บรรดาผู้คนที่ให้ความสนใจกับโรงพยาบาล 980 ต่างพากันตะลึง
ไป๋เยี่ยคือใคร
ไม่มีใครคิดเลยว่าบุคคลไม่มีชื่อเสียงอย่างเขาจะได้ครอบครองที่ดินที่จะกลายเป็นทำเลทองในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการสืบข้อมูลกัน ผู้คนก็เริ่มจำไป๋เยี่ยได้ เขานั่นเอง!
เขาคืออัจฉริยะหนุ่มคนนั้นที่ได้รับรางวัลในงานกาล่า!
ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้ที่ดินผืนนี้ไป
ระหว่างที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกันอยู่นั้น สวีเป่าหมิงก็ไม่อาจดับไฟในหัวใจของตนเองได้