บทที่ 312 การตัดสินใจ
เฉินเจิ้นปั่งมองไปยังผู้คนรอบๆ ก่อนจะเริ่มหัวข้อการประชุมในวันนี้ “วันนี้ผมเรียกทุกคนมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ แน่นอนว่าเรายังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล 980 เช่นเรื่องกรรมสิทธิ์ขั้นสุดท้ายที่ทุกคนยังกังวลอยู่…”
“ประการแรกคือ ภายในเวลาสามปีนี้ เราจะมีการจัดตั้งทีมแพทย์ภาคสนามที่มีความแข็งแกร่ง แม่นยำ และมีความเป็นมืออาชีพสูง และเราจะมีการเลือกผู้นำทีมใหม่ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามมากทีเดียว…”
หลังจากที่ผลสรุปออกมาแล้ว ทุกคนก็พากันพยักหน้า แนวคิดดังกล่าวมีมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการนำมาตัดสินใจสักทีจึงถูกเลื่อนออกไปจนถึงตอนนี้
การจัดตั้งทีมแพทย์ภาคสนามถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับกองทัพ
เฉินเจิ้นปั่งพูดต่อ “ประการที่สอง คือเรื่องกรรมสิทธิ์ของโรงพยาบาล 980 ที่นี่ถือเป็นโรงพยาบาลในเครือกองทัพที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่เราตัดสินใจถอนมันออกจากกองทัพด้วยเหตุผลหลายประการ ผู้บัญชาการจากหลายๆ หน่วยเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
“หลังจากที่ทางเราได้ปรึกษาหารือและตัดสินใจกันนับหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้มีการตัดสินใจว่าจะไม่เปิดประมูลโรงพยาบาล 980 อีกต่อไป แต่เราจะร่วมมือกันสร้างสถาบันวิจัยการแพทย์ฉุกเฉินควบคู่ไปกับการสร้างทีมแพทย์ภาคสนาม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกองทัพของเรา”
“และคนที่จะมาร่วมมือกับทางเราก็คือคุณไป๋เยี่ย ตอนนี้ทุกคนคงมีข้อมูลของเขาแล้ว”
เฉินเจิ้นปั่งพูดจบก็เงียบไปสักพัก เพราะเขาอยากฟังความคิดเห็นของทุกคน
ความคิดเห็นของทุกคนคือสิ่งสำคัญถูกไหม
จะสำคัญหรือไม่ก็ตามแต่!
ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ผลลัพธ์ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว นี่ไม่ใช่การตัดสินใจที่มาจากเฉินเจิ้นปั่งเพียงคนเดียว แต่เป็นการตัดสินใจที่มาจากการพูดคุยกับผู้นำหลายท่านแล้ว
หลังจากที่ทุกคนได้ฟัง ถึงแม้ว่าท่าทีของพวกเขาจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่ภายในใจกลับอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย
นี่เป็นข่าวใหญ่!
ทำไมจู่ๆ ถึงมีชื่อของไป๋เยี่ยโผล่ขึ้นมาล่ะ
คราวนี้เรื่องของโรงพยาบาล 980 ในเขตกองทัพได้สร้างความปั่นป่วนให้กับหลายๆ คน เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่เล็งที่ดินแห่งนี้ไว้
ทุกคนต่างคิดว่าจะมีการเจรจาและหารือเกี่ยวกับโรงพยาบาล 980 แต่กลับไม่มีใครคิดว่าจะมีการประกาศผลเช่นนี้เลย
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากใดๆ ทันใดนั้น หวังซั่วหมิงผู้เป็นพ่อตาของสวีเป่าหมิงก็กระแอมขึ้นมา “เราจะร่วมมือกับเขายังไงครับ ทุกคนต้องให้ความร่วมมือเพราะว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างมีหน้าที่ของตนเอง เพราะฉะนั้นโปรดเตรียมตัวให้ดีนะครับ”
เฉินเจิ้นปั่งพยักหน้าพลางมองเหล่าหวังด้วยสายตาสงบนิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าจะมีการถกเถียงกันอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าเหล่าหวังจะให้ความร่วมมือเช่นนี้
เฉินเจิ้นปั่งตอบรับและพูดต่อทันที “ความร่วมมือนี้เป็นผลมาจากการเจรจา ทันทีที่มีเอกสารออกมา ผมก็จัดการประชุมเพื่อแจ้งเรื่องนี้กับทุกคน”
เฉินเจิ้นปั่งขอให้เจ้าหน้าที่แจกสำเนาเอกสารให้ทุกคน
ทันทีที่ทุกคนหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง!
ไป๋เยี่ยจะมีสิทธิ์ใช้ที่ดินฟรีเป็นเวลาห้าสิบปี ส่วนสิ่งก่อสร้างต่างๆ จะถูกนำไปประมูลหรือขายตรง ขณะเดียวกัน จะมีการก่อตั้งสถาบันวิจัยการแพทย์ฉุกเฉินและทีมแพทย์ภาคสนามภายในระยะเวลาสามปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนเห็นชื่อผู้เข้าร่วมคนสุดท้ายในเอกสาร ต่างก็พากันถอนหายใจ
หลังจากที่หวังซั่วหมิงอ่านข้อมูลในเอกสารแล้วเขาก็เผยรอยยิ้มแฝงเลศนัยออกมา
เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง ในที่สุดการประชุมก็สิ้นสุดลงแล้ว บทสรุปเรื่องโรงพยาบาล 980 ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจก็ออกมาแล้วเช่นกัน
ชื่อของไป๋เยี่ยฝังลึกอยู่ในใจของทุกคนแล้ว
เขาไม่ใช่คนธรรมดาเลย!
คนแบบเขาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
ไม่งั้นเราจะมอบสิทธิ์ใช้ที่ดินฟรีห้าสิบปีให้กับเขาเหรอ
มันต่างอะไรกับการมอบที่ดินให้เขาฟรีๆ
ที่นี่คือกรุงปักกิ่ง อีกทั้งที่ดินผืนนี้ยังเป็นเขตที่กำลังพัฒนาด้วย นั่นทำให้ทุกคนต่างอยากรู้เรื่องของไป๋เยี่ยเข้าไปใหญ่
แน่นอนว่าเฉินเจิ้นปั่งก็รู้เหตุผลเป็นอย่างดี แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงเรื่องของไป๋เยี่ย ตัวเขาเองก็ยังคงรู้สึกทึ่ง
เมื่อมีการตัดสินใจว่าจะมอบที่ดินให้ไป๋เยี่ยฟรี บรรดาผู้นำต่างก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะให้เขาใช้ฟรีห้าสิบปี!
เฉินเจิ้นปั่งเกิดสงสัยจึงถาม “ห้าสิบปีนี่มากแล้วเหรอ”
ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองหน้ากันและยิ้มออกมา “ไป๋เยี่ยอายุเท่าไหร่เหรอ”
เฉินเจิ้นปั่งตอบ “อายุยี่สิบห้าปี”
ทันทีที่เฉินเจิ้นปั่งตอบไปเช่นนั้น เขาก็เข้าใจได้ในที่สุด!
ห้าสิบปี!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงให้เขาใช้ได้ตั้งห้าสิบปี!
ตอนนี้เขามีอายุยี่สิบห้าปี อีกห้าสิบปีเขาจะมีอายุเจ็ดสิบห้าปีนั่นเอง
เฉินเจิ้นปั่งยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของบรรดาผู้นำอีกเหรอ
พวกเขาต้องการใช้ที่ดินผืนนี้ในการมัดใจยอดอัจฉริยะระดับโลกนั่นเอง!
ผู้นำคนหนึ่งเหลือบมองเฉินเจิ้นปั่งด้วยรอยยิ้ม “ข้อเสนอของคุณดีมาก เจิ้นปั่ง การพัฒนาไม่เพียงแต่ต้องมีการวางแผนเท่านั้น แต่ยังต้องมีเรื่องของโชคชะตาด้วย”
เฉินเจิ้นปั่งมองว่าไป๋เยี่ยคือดาวนำโชค การมีอยู่ของเขาจะช่วยเพิ่มความโชคดีได้อย่างแน่นอน เขาจึงยินยอมให้ไป๋เยี่ยได้มีสิทธิ์ใช้ที่ดินฟรีนานถึงห้าสิบปี
ดูเหมือนผมจะประเมินคุณต่ำเกินไปแล้วไป๋เยี่ย…
เฉินเจิ้นปั่งคิดได้ดังนั้นก็พลันนึกถึงไป๋ตงหลินด้วย บางทีเราควรชวนเขามาดื่มด้วยกันสักหน่อย
แต่ว่าเรา…
แต่คิดดูอีกที นี่คงเป็นสาเหตุที่ไป๋ตงหลินไม่ยอมกลับมาเยี่ยมหรือเปล่า
เฉินเจิ้นปั่งส่ายหัวไปมา เขากลายเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกจากห้องประชุม
หวังซั่วหมิงเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าสวีเป่าหมิงเดินตรงเข้ามาทักทายด้วยท่าทีที่ยังดูกระสับกระส่าย “พ่อกลับมาแล้ว เป็นไงบ้างครับ”
หวังซั่วหมิงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบพลางเหลือบมองูกเขยของตน “ได้ข้อสรุปแล้ว”
สวีเป่าหมิงถึงกับเบิกตากว้างจึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ผลเป็นยังไงบ้างครับ เราจะประมูลมันยังไงบ้าง แล้วราคาขั้นต่ำคือเท่าไหร่”
เขาเอาแต่ถามคำถามมากมาย…
หวังซั่วหมิงจึงเอ่ยปากตอบ “การตัดสินใจของผบ.คือไม่ขาย กองทัพยังต้องใช้มันอยู่ และจะมีการร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อสร้างสถาบันวิจัยการแพทย์ฉุกเฉินและทีมแพทย์ภาคสนาม”
สวีเป่าหมิงได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งงันไป บรรยากาศรอบข้างตัวเขาเงียบกริบ
“พ่อหมายความว่าไง ไม่ขายแล้วงั้นเหรอ ถ้าไม่ขายแล้วจะให้ผอ.ฉินไปคุยกับคนนั้นคนนี้ทำไม พ่อกำลังล้อเล่นใช่ไหมครับ” สวีเป่าหมิงรู้สึกว่ามือของเขากำลังสั่น
หวังซั่วหมิงชายตามองลูกเขยผู้ไม่มีความทะเยอทะยานคนนี้พลางส่ายหัวไปมา ทำไมตอนนั้นเราถึงถูกใจเจ้าหมอนี่กันนะ