สูตรโกงฉบับเด็กเรียน – บทที่ 318 เรื่องทั้งสี่ในชีวิต

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 318 เรื่องทั้งสี่ในชีวิต

หากจะกล่าวว่าสื่อมวลชนคือกลุ่มคนที่จมูกไวที่สุดในสังคม เชื่อว่าคงมีหลายคนที่เห็นด้วยกับคำพูดนี้

ในวันที่สถาบันวิจัยของไป๋เยี่ยเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น นอกจากจะดึงดูดกลุ่มคนจากทั้งภายในและภายนอกแวดวงแล้ว ยังดึงดูดนักข่าวจำนวนมากจากสื่อเล็กใหญ่ในกรุงปักกิ่ง

ซึ่งครอบคลุมผู้คนจากหลากหลายวงการ

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าพิธีมอบรางวัลเล็กๆ จะดึงดูดผู้คนได้มากมายขนาดนี้ อีกทั้งแต่ละคนก็มีสถานะแตกต่างกันออกไป

นั่นทำให้สื่อมวลชนต่างพากันตื่นเต้นยกใหญ่

ดังนั้นแล้ว!

ทุกคนจึงพากันออกอาการ ข่าวนี้…จะเขียนแบบลวกๆ ไม่ได้เด็ดขาด!

นี่ไม่ใช่ข่าวซุบซิบวงการบันเทิงรายสัปดาห์ที่จะเขียนข่าวตามอำเภอใจหรือจุดประเด็นอะไรก็ได้ นี่เป็นข่าวของบุคคลระดับผู้นำเชียวนะ ลองเขียนข่าวมั่วๆ ขึ้นมาดูไหมล่ะ

บรรดานักข่าวจึงพากันกลุ้มใจ!

จะเขียนข่าวยังไงดี

หลังจากที่พวกเขาได้คิดพิจารณาดูแล้ว ก็มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา จริงสิ ในเมื่อเราเขียนข่าวไม่ได้ตามใจชอบ ก็มาเขียนข่าวโดยอิงตามความเป็นจริงและเป็นไปในทางบวกกันเถอะ!

มันต้องเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากอย่างแน่นอน!

ถ้าจุดประเด็นไม่ได้ก็แค่สรรเสริญให้มาก!

ว่าแต่ ไป๋เยี่ยคือใครนะ

ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยประชาสัมพันธ์ออกไป ในเมื่อเหล่าผู้นำองค์กรก็อยู่ที่นี่แล้ว นั่นคือจุดประสงค์ของเราไม่ใช่เหรอ

ถ้าสรรเสริญพวกเขาดีๆ ก็อาจจะได้รับผลประโยชน์ติดไม้ติดมือมาด้วย!

คิดได้ดังนั้นแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานของตนด้วยความกังวลใจ

คืนนั้น การเปิดตัวของสถาบันวิจัยบีวายกลายเป็นข่าวใหญ่ของสื่อแต่ละสำนักในปักกิ่ง ข่าวนี้ได้ครอบครองพื้นที่สื่อไปมากเลยทีเดียว ทั้งมีการใช้รูปพิธีตัดริบบิ้นบนพาดหัวข่าว ทำให้คนอื่นๆ แค่มองก็รู้เรื่องแล้ว

ในวันที่ข่าวกำลังเป็นประเด็นร้อนแรงนั้น บรรดาสื่อออนไลน์ก็ต่างพากันรายงานข่าวนี้ เรียกได้ว่าพลังของสื่อมวลชนนั้นมากล้นเสียจนสามารถป่าวประกาศเกียรติยศอันรุ่งโรจน์ของไป๋เยี่ยทั้งหมดออกไปได้

‘วีรบุรุษผู้บรรเทาทุกข์จากแผ่นดินไหวกลับมาพร้อมกับการก่อตั้งสถาบันวิจัยกระดูก’

‘เขาผู้ได้รับตำแหน่งข้าราชการจากเมียนมา ที่แท้ก็ติดดินถึงเพียงนี้’

‘แพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ค้ำจุนชาติและผู้ที่กำลังเติบโต!’

‘ไป๋เยี่ย นักเขียนระดับตำนานแห่งยุค!’

ครอบครัวของไป๋เยี่ยกำลังนั่งกินอาหารเช้าอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หนังสือพิมพ์ที่วางกองอยู่บนโต๊ะล้วนมีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับไป๋เยี่ยและการก่อตั้งสถาบัน ล้วนยกย่องสรรเสริญไป๋เยี่ยว่าเขาไร้เทียมทานที่สุดในโลกหล้า

ไป๋หลิงถอนหายใจ “พี่ เมื่อเช้าหนูออกไปวิ่งแล้วเจอนักข่าวมารออยู่ข้างล่างด้วย…”

หูไฉ่อวิ๋นพยักหน้าลง “ใช่ เมื่อเช้าแม่ไปซื้อข้าวเช้าก็เจอคนเอาแต่ยืนจ้องจากข้างหลังตลอดเวลา ทำแม่อึดอัดอยู่ตั้งนาน!”

ไป๋ตงหลินกางหนังสือพิมพ์ออกพลางส่งยิ้มบางๆ “เห็นไหม ตอนนี้เสี่ยวเยี่ยกลายเป็นฮีโร่ของประเทศเราแล้ว เป็นเสาหลักของประเทศมีหน้ามีตาในสังคม ดูสิ ถึงขั้นมีคนยกย่องว่าไร้เทียมทานที่สุดในโลกเลยนะ!”

หูไฉ่อวิ๋นกลอกตาไปมาพลางเหลือบมองไป๋ตงหลินก่อนจะปอกเปลือกไข่ต้มใบชาให้ไป๋เยี่ย “นี่ลูก กินเยอะๆ นะ อย่าไปฟังพ่อมากเลย”

ไป๋หลิงถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง “แม่อย่าลำเอียงสิ เห็นพี่เก่งแบบนี้แล้ว หนูก็แอบอิจฉาอยู่หน่อยๆ นะ”

ช่างเป็นมื้ออาหารที่อบอุ่นหัวใจนัก แม้ว่ามันจะไม่หรูหราอลังการดั่งสิ่งที่อยู่บนหนังสือพิมพ์

คุณคือคนที่ใช้ชีวิต ไม่ว่ามันจะเป็นชีวิตแสนเรียบง่ายหรือครื้นเครงก็ตาม ‘ความรู้สึก’ ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด

ตอนนี้ไป๋เยี่ยรู้สึกอิ่มเอิบมากจริงๆ

เขาคิดว่าแค่ในชีวิตนี้ได้มีคนที่รักสุดก้นบึ้งหัวใจ มีครอบครัวที่อบอวลไปด้วยความสุข ได้ทำอาชีพที่ใช่และมีงานอดิเรกที่ยืนหยัดทำต่อไปได้ตลอดชีวิตก็เพียงพอแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เราจะขาดอยู่สองอย่างนั่นคือคนรักกับงานอดิเรก

คนที่เรารักสุดหัวใจ…

หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ไป๋เยี่ยก็เตรียมตัวเก็บข้าวของไปที่สถาบันวิจัยเพื่อศึกษาและหารือกับโมลโดและอาคามอส

เขายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำต่อไป ทั้งสร้างอุปกรณ์ต่างๆ ห้องผ่าตัดและอื่นๆ ไหนจะต้องดึงคนเก่งๆ มาเข้าร่วมอีก

มีหลายสิ่งกำลังรอเขาอยู่ ไป๋เยี่ยจึงไม่อาจอยู่เฉยได้

ไป๋ตงหลินออกไปพร้อมไป๋เยี่ย อย่างไรเสียลำพังไป๋เยี่ยเพียงคนเดียวคงจัดการหลายๆ เรื่องได้ไม่ดีนัก ทว่าไป๋ตงหลินผู้เคยเป็นหัวหน้ามาหลายปีนั้นย่อมจัดการเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของเขาคือเพื่อสอนไป๋เยี่ยให้เขาได้เรียนรู้แนวคิดและทักษะบางอย่างมากขึ้น

ทันทีที่ทั้งสองคนลงไปข้างล่างก็มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมไว้ หลังจากที่ไป๋เยี่ยพยายามจะบ่ายเบี่ยงพวกเขาแล้วก็รีบขึ้นรถไปในทันที

ส่วนบรรดานักข่าวที่อยู่ด้านหลังเองก็รีบขับรถตามเขาไปด้วย

คนขับรถก็คือเหล่าหลิวจากน่าย่านั่นเอง ทันทีที่เขาเห็นไป๋เยี่ยลงมาแล้วก็อดเอ่ยทั้งรอยยิ้มไม่ได้ “นี่เจ้านายน้อยไม่รู้จริงๆ เหรอ ครึ่งชั่วโมงก่อนตอนที่ลุงรออยู่ข้างล่าง มีนักข่าวอย่างน้อยๆ สิบคนมาคุยกับลุงด้วย เป็นคนขับรถมาตั้งกี่ปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนมาคุยด้วยเยอะขนาดนี้”

หลังจากใช้เวลาขับรถไปไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงสถาบันวิจัยแล้ว ทั้งไป๋ตงหลินและไป๋เยี่ยจึงลงจากรถ

ทันใดนั้นก็มีนักข่าวสองคนเดินปรี่เข้ามาทักทายพวกเขา

“สวัสดีครับคุณไป๋ ผมเป็นนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ผมขอรบกวนคุณสักครู่ได้ไหมครับแล้วก็ขออนุญาตพูดต่อนะครับ”

สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง?

ไป๋เยี่ยนิ่งไปครู่หนึ่งและทำทีจะปฏิเสธ ทว่าไป๋ตงหลินกลับดึงเขาไว้ก่อนจะเอ่ยอย่างยิ้มๆ “ได้สิครับ”

ชายคนนั้นมีท่าทีเบิกบานใจ ที่แท้เบื้องบนก็เป็นผู้มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับเขานั่นเอง นี่เป็นงานที่ยุ่งยากไม่น้อยเลย เขาจึงหันไปยิ้มขอบคุณให้ไป๋ตง “ขอบคุณนะครับ คือว่าสถานีโทรทัศน์ของทางเราต้องการจัดการสัมภาษณ์พิเศษคุณไป๋เยี่ยน่ะครับ คุณพอจะสะดวกไหม”

“รายละเอียดคืออย่างนี้ครับ ทีมงานของรายการทอล์คโชว์ ‘เดทของเสี่ยวเหอ’ จากสถานีโทรทัศน์ของเราได้ส่งจดหมายเชิญให้คุณไป๋ตั้งแต่ตอนที่คุณเพิ่งกลับมาจากเมียนมา แต่คุณไม่ได้ตอบกลับน่ะครับ ทางสถานีก็เลยให้ผมเข้ามาถามความคิดเห็นคุณ…”

ไป๋เยี่ยได้ฟังดังนั้นก็คิดจะปฏิเสธ ทว่าไป๋ตงหลินกลับพูดต่อทั้งรอยยิ้ม “งั้นพวกผมขอลองคิดดูก่อนนะครับ ถ้าสะดวกก็ทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้แล้วกันครับ ถ้าพวกเราตกลงเวลากันได้จะติดต่อคุณกลับไปนะ แบบนี้เป็นไงบ้างครับ”

เมื่อชายคนนั้นได้ฟังก็ตอบตกลงด้วยท่าทีดีใจ เขาหยิบนามบัตรของตนเองออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้ในทันใด

“ขอบคุณมากครับ! พวกคุณต้องติดต่อกลับมาแน่นอน รบกวนพวกคุณมากแล้ว ไว้พบกันครับคุณไป๋…”

หลังจากที่นักข่าวทั้งสองจากไป ไป๋เยี่ยก็ถอนหายใจ “พ่อ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปที่นั่นหรอก”

ไป๋ตงหลินได้แต่ยิ้มก่อนจะยิงคำถามกลับมา “ยุ่งกับอะไรล่ะ”

ไป๋เยี่ยยื่นแขนออกไปพลางชี้นิ้วแสดงท่าทาง “ผมเพิ่งจะก่อตั้งสถาบันวิจัยเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เอง ขาดอะไรตั้งเยอะ วันนี้ผมจะมาปรึกษาทุกคนเรื่องรับสมัครบุคลากรด้วย”

ไป๋ตงหลินมองไป๋เยี่ยอย่างยิ้มๆ “ถ้าลูกอยากดึงคนเก่งๆ มา สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการประชาสัมพันธ์ และถ้าลูกอยู่บนทีวี บนรายการที่น่าเชื่อถือ นั่นแหละคือการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด”

“ถ้าสถานีโทรทัศน์เข้ามาร่วมมือและช่วยลูกประชาสัมพันธ์ล่ะก็ แผนการเฟ้นหาบุคลากรของลูกจะเป็นไปได้เร็วอย่างไม่ต้องสงสัยเลยละ”

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

Status: Ongoing
สูตรโกงฉบับเด็กเรียน แฟนตาซีระบบเรื่องใหม่จากผู้เขียนเดียวกับ “เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ”ถูกหลอกดูดเงินจนหมดบัญชี สิ่งที่ได้มากลับเป็นระบบเด็กเรียน?! เป็นเด็กเรียนน่ะไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่เกรงว่าเด็กเรียนผู้นี้จะต้องใช้สูตรโกงเสียแล้ว![สวัสดี คุณไป๋เยี่ยที่เคารพ สมาชิก QQ เดือนนี้ของท่านกำลังจะหมดอายุโปรดต่ออายุสมาชิกทันทีเพื่อคงเลเวลสมาชิกของท่านไว้]ไป๋เยี่ย แค่อยากจะต่ออายุสมาชิก QQ เท่านั้นแต่เขากลับถูกตัดเงิน! ตัดเงิน!! ตัดเงิน!!!จนยอดเงินในบัญชีธนาคารเหลืออยู่เพียง 0.01 หยวน?!นี่หรือว่า…เขาจะเจอมิจฉาชีพหลอกดูดเงินเข้าแล้ว?!!แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีหน้าต่างประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้า[ติ๊ง! ต่ออายุสมาชิกสำเร็จ เลเวลสมาชิกปัจจุบัน: 1][ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านได้เปิดใช้แผนสมาชิกตลอดชีพแล้ว โปรดรับสิทธิประโยชน์สมาชิกของท่าน]และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำภารกิจเด็กเรียนเพื่อพิชิตการเป็นสุดยอดแพทย์แผนจีนผันตัวกลายเป็นเด็กเรียนเบอร์ต้นๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ฟันฝ่าอุปสรรคทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จและขวนขวายหาวิชาความรู้ด้วยตนเองท้ายที่สุดแล้วเขาจะเอาตัวรอดได้ด้วยตนเองหรือจะต้องใช้ ‘สูตรโกง’ กันนะ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท