สูตรโกงฉบับเด็กเรียน – บทที่ 329 อาจารย์? อาจารย์!

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 329 อาจารย์? อาจารย์!

ไม่ใช่แค่คาโปเท่านั้น แต่เพราะความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มผู้อ่านเดอะแลนซิตจึงทำให้คนอื่นๆ เริ่มเห็นบทความนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวเลขผู้เสียชีวิต การบาดเจ็บและความพิการที่สูงลิ่ว ทำให้ผู้คนต่างขนลุก

ความเจ็บปวดเป็นสิ่งน่ากลัวจริงหรือ

มันน่ากลัว แต่ก็ไม่น่ากลัวในเวลาเดียวกัน

สิ่งที่คาดเดาได้ย่อมทำให้ผู้คนผวาน้อยลง กลับกัน สิ่งที่คาดเดาไม่ได้นั้นทำให้ผู้คนยิ่งหวาดกลัว

ใครๆ ก็เจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะโรคกระดูกและข้อซึ่งเป็นความเจ็บป่วยที่ไม่อาจคาดเดาได้ การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง

ทว่า ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าอัตราการรักษาสำเร็จไม่ได้สูงอย่างที่คิด

ท้ายบทความในวารสารเดอะแลนซิตมีข้อความต่อไปนี้เขียนอยู่

‘ความสวยงามคือสิ่งที่มวลมนุษย์โหยหา แต่ถึงกระนั้นความเป็นจริงก็ไม่ควรถูกกลบซ่อนไว้ การทำเช่นนั้นก็เป็นเพียงการหลีกหนีและมีแต่จะทำให้เราอ่อนแอลงเท่านั้น‘

‘แต่พวกเรามีสิทธิ์แจ้งข้อเท็จจริงให้พวกคุณทราบ สื่อไม่ใช่ม่านบัง ชีวิตของพวกคุณก็ไม่ใช่ละครสัตว์ ความจริงจะต้องถูกเปิดเผย ไม่ว่ามันจะเน่าเฟะเพียงใดก็ตาม’

‘มนุษย์เอ๋ย จงลืมตาเสียเถิด คุณมีสิทธิ์รู้เห็นข้อมูลเหล่านี้ คุณมีสิทธิ์ที่จะดื่มด่ำกับความสุขและความสวยงามในชีวิต แต่ในฐานะแพทย์ พวกเรามีหน้าที่ต้องบอกเล่าสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืดให้แก่คุณ’

‘จงรักชีวิตและรักในข้อเท็จจริง!’

ทุกคนถึงกับเงียบไปเมื่ออ่านประโยคนี้จบ

ราวกับว่ามันกำลังปลุกให้โลกใบนี้ตื่นจากความฝันอันหอมหวาน

ผู้คนตั้งใจอ่านบทความนี้ทุกตัวอักษร เมื่อปิดเล่มวารสารลงก็ได้แต่ทอดสายตาไปยังที่ไกลๆ โดยไม่พูดอะไร

มีบางคนค้นพบว่าวารสารกระดูกและข้อแห่งเยอรมนีนั้นเป็นเครือเดียวกันกับเดอะแลนซิต

ซึ่งกลุ่มผู้อ่านเดอะแลนซิตส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นกลางขึ้นไปจนถึงระดับบุคลากรอาวุโสในโรงพยาบาล เมื่อผู้คนได้อ่านบทความในเดอะแลนซิตแล้วก็เริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่าง

บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ต่างเบิกตากว้างและถอนหายใจออกมา พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่ถูกรายงานนั้นไม่ผิดแน่นอน เพราะมันคือความจริง

สื่อเจ้าอื่นๆ พากันพูดถึงบทความดังกล่าวอย่างถล่มทลาย วารสารอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำนับหลายครั้งเช่นกัน

ไม่นานนักบทความนี้ก็กลายเป็นไวรัล!

อีกทั้งมันยังกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงระหว่างนักวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

เพราะว่าบทความรายงานพัฒนาการและความก้าวหน้าของวิทยาการศัลยกรรมกระดูกเพิ่งจะถูกตีพิมพ์ออกมาเมื่อสองวันก่อน แต่ในวันนี้บทความจากเดอะแลนซิตกลับทำให้ทุกคนต้องเงียบ

ไม่เพียงเท่านั้น ความคิดเห็นจากโลกออนไลน์ก็เริ่มหลั่งไหลมาเรื่อยๆ ผู้คนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือผู้มีอิทธิพลต่อสาธารณะต่างพากันโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก…

ความคิดเห็นใต้โพสต์เหล่านั้นก็มีหลากหลายแนว

พลเมืองทั่วไปคนหนึ่ง [ตอนแรกฉันคิดว่าที่รักษาปู่ไม่หายเป็นอุบัติเหตุซะอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…นี่อาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มากกว่า]

แพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง [หลังจากที่ได้อ่านบทความในเดอะแลนซิต ผมถึงกับพูดไม่ออกเลย ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง ผมคิดว่าความภาคภูมิใจของเราอาจจะเป็นผู้ร้ายจริงๆ ก็ได้]

นักวิจารณ์สังคมคนหนึ่ง [ผมคิดว่าองค์การอนามัยโลกควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าเชิดชูสรรเสริญสิ่งที่ไร้ความหมาย ชีวิตของผู้คนไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างมีประสิทธิภาพพอ พวกเราต้องพยายามมากกว่านี้ นี่คือความรับผิดชอบของสังคม ขอบคุณเสียงจากประเทศจีนที่ทำให้พวกเราได้เห็นความจริงของเรื่องนี้]

เมื่อคาโปเดินทางมาถึงประเทศจีน เขาก็มาหาไป๋เยี่ยทันที

ในฐานะที่คาโปเป็นถึงหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสารไทม์แมกกาซีนของสหรัฐอเมริกา การมาเยือนของเขาจึงได้รับความสนใจอย่างมาก เขาได้รับความช่วยเหลือมากมายจากสื่อในประเทศจึงได้มาพบไป๋เยี่ย

ไป๋เยี่ยประหลาดใจเล็กน้อยกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของคาโป เขาไม่คิดเลยว่าบทความของตนเองจะดึงดูดคนจากไทม์แมกกาซีนได้

คาโปมาพบไป๋เยี่ยจังหวะเดียวกันกับตอนที่ไป๋เยี่ยกำลังไปรับหนังสือจากโรงพิมพ์พอดี

คาโปเคยสัมภาษณ์ผู้คนมามากมาย ไม่ว่าจะท่ามกลางสงครามในทวีปแอฟริกา ในเมืองที่โรคมาลาเรียกำลังระบาดหรือคนงานที่อาศัยอยู่ในท่อน้ำทิ้งก็ตาม เขาจินตนาการภาพไป๋เยี่ยไว้ในหัวนับไม่ถ้วน และเมื่อเขาได้มาเจอไป๋เยี่ย ก็สัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

คาโปแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวเรียบๆ คู่กับกางเกงยีนส์ให้พอได้สัมผัสลมร้อนของปักกิ่งในเดือนพฤษภาคม

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณไป๋เยี่ย” คาโปในวัยห้าสิบปีให้ความเคารพกับเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีด้วยความนอบน้อม

ไป๋เยี่ยเองก็เช่นกัน เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะพากันนั่งลงและเริ่มพูดคุยกัน

คาโปสัมภาษณ์ไป๋เยี่ยอย่างละเอียด การพบกันครั้งแรกของทั้งสองคนจึงเป็นไปอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ศักยภาพในการสัมภาษณ์ของนิตยการไทม์แมกกาซีนนั้นโดดเด่นมาก เอกสารต่างๆ เกี่ยวกับไป๋เยี่ยถูกรวมไว้ในแฟ้มเอกสารเล่มหนา

คาโปใช้เวลาทั้งวันในการศึกษาข้อมูล ทว่าเมื่ออ่านดูแล้วเขาก็ต้องประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ได้รู้ว่าไป๋เยี่ยมีอายุเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น

เขาประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งยังได้รับรางวัลผลงานดีเด่นของสาขาทวารหนักระดับโลกและเป็นรางวัลที่ไม่มีใครได้รับในรอบห้าปีที่ผ่านมานี้

ไหนจะยังมีงานวิจัยที่ในขณะนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาอย่าง ‘จุลชีพภายในลำไส้’ ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ถูกเสนอโดยไป๋เยี่ย

อีกทั้งเกณฑ์เอ็มไอโอ-บีพีเอฟเอชก็มาจากงานวิจัยของเขา รวมไปถึงหนูเคเอ็มสายพันธุ์ใหม่ที่ทำลายกรอบการผูดขาดทางการค้าลง และอื่นๆ อีกมากมาย

เด็กหนุ่มคนนี้เก่งจนน่าทึ่งจริงๆ

ทั้งสองนั่งคุยกันในโรงพิมพ์เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง และยังพูดคุยถึงเนื้อหาของการประชุมด้วย

คาโปถามขึ้น “คุณคิดเรื่องการศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉินขึ้นมาได้ยังไงครับ”

ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันนึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมา เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบ “ระหว่างช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวในเมียนมา ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการกู้ภัย…ผมค้นพบว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ไม่ได้เสียชีวิตเพราะภัยพิบัติ แต่เสียชีวิตเพราะแผนการรักษาที่ไม่เป็นระบบในสถานการณ์วิกฤต ดังนั้น…ผมจึงสรุปแนวคิดนี้ขึ้นมาจากความพยายามของทุกคน พอกลับมาที่ประเทศจีนผมเลยก่อตั้งสถาบันวิจัยกระดูกและข้อขึ้นและเริ่มพัฒนามันมาอย่างต่อเนื่อง พอเรียบเรียงแนวคิดเสร็จแล้วก็เลยจัดการประชุมเรื่องการศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉินขึ้น”

คาโปพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า “คุณพอใจกับผลของการประชุมไหมครับ ได้ข่าวว่าคุณจัดการประชุมชนกันกับคุณมอริสไม่ใช่เหรอครับ”

ไป๋เยี่ยชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าใครคือมอริส…

ไป๋เยี่ยยิ้มแหย “ขอโทษนะครับ แต่คุณมอริสคือ…”

คาโปเองก็ผงะไปเช่นกัน เขาไม่ได้คาดหวังคำตอบนั้นเลยสักนิด เขาจึงต้องอธิบาย “การลาออกของคุณโมลโดทำให้ทีมวิจัยสาขากระดูกและข้อของมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กขาดผู้นำทีมไปครับ คุณโจนส์จึงเชิญคุณมอริส ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อจากประเทศอังกฤษมา แล้วเขาก็จัดการประชุมวันเดียวกันกับคุณน่ะครับ”

ไป๋เยี่ยได้แต่ยิ้มก่อนจะตระหนักได้ “มิน่าล่ะ ทำไมวันนั้นโมลโดถึงไม่เชิญผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ มาเยอะ ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง”

คาโปเป็นคนหัวไวมาก ทันทีที่ได้ยินดังนั้นเขาก็รีบชิงถามขึ้น “หรือว่า…ศาสตราจารย์โมลโดจะอยู่กับคุณ”

ทันทีที่คาโปพูดจบ ชายร่างสูงผิวขาวก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นไป๋เยี่ยเขาก็เอ่ยขึ้นทั้งรอยยิ้ม “อาจารย์ หนังสือเสร็จแล้วนะ ลองอ่านดูไหม”

อัศวินดำโค่นอำนาจ(黑骑)

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

Status: Ongoing
สูตรโกงฉบับเด็กเรียน แฟนตาซีระบบเรื่องใหม่จากผู้เขียนเดียวกับ “เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ”ถูกหลอกดูดเงินจนหมดบัญชี สิ่งที่ได้มากลับเป็นระบบเด็กเรียน?! เป็นเด็กเรียนน่ะไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่เกรงว่าเด็กเรียนผู้นี้จะต้องใช้สูตรโกงเสียแล้ว![สวัสดี คุณไป๋เยี่ยที่เคารพ สมาชิก QQ เดือนนี้ของท่านกำลังจะหมดอายุโปรดต่ออายุสมาชิกทันทีเพื่อคงเลเวลสมาชิกของท่านไว้]ไป๋เยี่ย แค่อยากจะต่ออายุสมาชิก QQ เท่านั้นแต่เขากลับถูกตัดเงิน! ตัดเงิน!! ตัดเงิน!!!จนยอดเงินในบัญชีธนาคารเหลืออยู่เพียง 0.01 หยวน?!นี่หรือว่า…เขาจะเจอมิจฉาชีพหลอกดูดเงินเข้าแล้ว?!!แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีหน้าต่างประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้า[ติ๊ง! ต่ออายุสมาชิกสำเร็จ เลเวลสมาชิกปัจจุบัน: 1][ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านได้เปิดใช้แผนสมาชิกตลอดชีพแล้ว โปรดรับสิทธิประโยชน์สมาชิกของท่าน]และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำภารกิจเด็กเรียนเพื่อพิชิตการเป็นสุดยอดแพทย์แผนจีนผันตัวกลายเป็นเด็กเรียนเบอร์ต้นๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ฟันฝ่าอุปสรรคทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จและขวนขวายหาวิชาความรู้ด้วยตนเองท้ายที่สุดแล้วเขาจะเอาตัวรอดได้ด้วยตนเองหรือจะต้องใช้ ‘สูตรโกง’ กันนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท