บทที่ 335 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
คาโปนั่งอยู่ในห้องผู้อำนวยการกองบรรณาธิการ เข้ามองดูบริททานีย์ที่มีสีหน้าเบิกบานใจพลันรู้สึกทำตัวไม่ถูก!
“คาโป! คุณคือยอดอัจฉริยะ คุณคือยอดขุมทรัพย์แห่งยุคจริงๆ!”
บริททานีย์มีอายุเกินห้าสิบปีแล้ว ทว่าในฐานะผู้อำนวยการกองบรรณาธิการของนิตยสารไทม์แมกกาซีน เธอจึงยังคงอยู่ในแนวหน้าเสมอ เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีรายได้สูงสุดในสหรัฐอเมริกา ค่าตัวของเธอสูงเทียบเท่ากับราคาบ้านในนครนิวยอร์ก หรือแม้กระทั่งนาฬิกาแบรนด์ปาเต็ก
“เรื่องการแพทย์ฉุกเฉินของไป๋เยี่ยทำให้พวกเราได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นข้อมูลที่ไม่เลวเลย รักษาความนิยมนี้ไว้ คุณต้องคอยติดต่อกับไป๋เยี่ยเรื่อยๆ นะ”
หลังจากที่คาโปออกจากห้องแล้ว เขาก็ใช้มือถูใบหูของตนเอง เส้นเสียงของบริททานีย์นั้นตึงพอๆ กับฟิลเลอร์บนหน้าของเธอไม่มีผิด
ตัดภาพมาที่ห้องผู้อำนวยการของไฮเซนเบิร์ก โจนส์กำลังหงุดหงิดได้ที่
เขามองดูบรรดาคำร้องเรียน การรายงานและข้อเสนอแนะที่กองอยู่ตรงหน้า พลันรู้สึกอยากจะจุดไฟผาพวกมันเต็มทน!
แต่เขาไม่กล้าเผามัน เพราะเจ้าของซองจดหมายเหล่านี้ไม่ใช่คนทั่วไป แม้แต่ ‘เซอร์คาร์’ ยังเขียนจดหมายมาหาเขาเลย
คนสกุลเซอร์คาร์เป็นนักลงทุนที่มหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์ก ทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ ในมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับหนึ่งอย่างที่นี่ด้วย
ถึงแม้ว่าตอนนี้ไฮเซนเบิร์กจะได้รับการสนับสนุนด้านการเงินอย่างเต็มที่จากรัฐบาลแล้ว ทว่าทุนการศึกษาจำนวนมากก็มาจากนายทุนกลุ่มนี้
เพราะฉะนั้นโจนส์จะละเลยไม่ได้!
โจนส์ถอนหายใจ เขารู้สึกว่าตนกำลังขัดแย้งกับไป๋เยี่ย เพราะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับชื่อนี้ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกสบายใจสักเท่าไหร่
อย่างแรกคือการลาออกของโมลโดและอาคามอส ตามด้วยบุคลากรคนสำคัญทั้งหลาย ประการแรก โมลโดและอาคามอสลาออก การจะหาคนเก่งๆ มาแทนที่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ตอนแรกมอริสเรียกเสียงฮือฮาได้ด้วยแนวคิดการบูรณาการการแพทย์ตะวันตกเข้ากับตะวันออก แต่เขาไม่คิดเลยว่าไป๋เยี่ยจะมาด้วยหัวข้อการศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉิน
งานประชุมของเรามันยั่วยุคุณมากเลยสินะ
โจนส์คิดได้ดังนั้นก็ตั้งใจจะบินไปที่จีนเพื่อท้าประลองกับไป๋เยี่ย
ทว่าตอนนี้เขาต้องมีคำอธิบายให้เบื้องบนเสียก่อน
แต่เขาจะอธิบายอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อเขานั้นไม่รู้เรื่องศัลยกรรมกระดูกเลยสักนิด จะอธิบายได้อย่างไร
คิดได้ดังนั้น โจนส์ก็ต่อสายหามอริสให้มาที่ห้องทำงานของเขาทันที
ไม่นานนัก มอริสก็ผลักประตูเข้ามา เขาไม่ได้ว่างแต่อย่างใด ช่วงสองวันที่ผ่านมานี้มีสายโทรศัพท์และข้อความรบกวนจำนวนมาก ทำให้เขาเองก็ไม่สบายใจเท่าไหร่
มอริสเข้ามานั่งด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ไม่พูดไม่จา
ผ่านไปสักพักหนึ่ง…
โจนส์เอ่ยถามขึ้น “คุณจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงครับ”
มอริสถอนหายใจ เรื่องนี้ต้องถูกจัดการ แต่จะต้องพิจารณาหาวิธีจัดการที่เหมาะสม
น้ำเสียงของโจนส์แฝงความใจเย็น “จัดงานแถลงข่าวแล้วขอโทษสาธารณชนเถอะครับ มันผ่านไปแล้ว ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
ทันทีที่มอริสได้ยินโจนส์บอกให้เขาออกมาขอโทษ ก็พลันคิดว่าทำไมเขาจะต้องยอมรับ เขาทำอะไรผิด
ตั้งแต่เริ่ม เขาทำอะไรไม่ถูกตรงไหนเหรอ
เขาก็แค่เผยแพร่ความสำเร็จของตนเองนี่ ผิดด้วยหรือ
ใครห้ามสรรเสริญตนเองล่ะ
คงบอกได้แค่ว่าการประชุมของไป๋เยี่ยนั้นแค่ ‘บังเอิญ‘ ผลักให้เขาเป็นฝ่ายผิดเท่านั้น เรื่องนี้จะตำหนิเขาได้อย่างไรกัน
มอริสเอ่ยด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “คุณโจนส์ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การขอโทษนะครับ ผมทำอะไรผิดตรงไหน ทำไมผมถึงต้องขอโทษ แล้วไอ้สิ่งที่เรียกว่าศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉินน่ะมันเป็นองค์ความรู้ที่สมบูรณ์แบบแล้วหรือไง มันก็เป็นแค่แนวคิดเท่านั้น ผมไม่เชื่อหรอกว่าเด็กอายุแค่ยี่สิบกว่าปีอย่างไป๋เยี่ยจะศึกษามันได้ถี่ถ้วน”
“การแพทย์น่ะ ต้องมีความรัดกุม ผลลัพธ์ที่ได้ต้องมาจากการทดลองและการเปรียบเทียบนับครั้งไม่ถ้วน เราเปลี่ยนแนวคิดของเราเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำได้หรอกนะครับ”
“ผมไม่เชื่อว่าคนอายุแค่ยี่สิบจะรอบรู้เรื่องศัลยกรรมกระดูกขนาดนั้น ไร้สาระสิ้นดี สื่อพวกนั้นไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด! พวกเขาก็แค่ตามกระแสเท่านั้นแหละ!”
มอริสพูดไปเช่นนั้นโดยไม่ได้สนใจว่าโจนส์จะคิดอย่างไร เขาได้แต่ถกแขนเสื้อขึ้นและเดิรจากไปในทันที
ทว่า…
ค่ำวันนั้น โจนส์ได้โพสต์อัปเดตลงบนเฟซบุ๊ก
[ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองสมบูรณ์แบบ ก็เหมือนกับวิทยาศาสตร์ที่มีช่องโหว่ซ่อนอยู่เสมอ สำหรับการประชุมเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ผมอยากจะบอกทุกท่านว่าผมไม่ผิด และไม่มีเหตุจะต้องขอโทษ เพราะในการประชุมวันนั้น เราเพียงแค่สรุปสิ่งที่เราได้ทำมา ไม่ได้บอกว่าจะรักษาได้ทุกโรค]
[ยิ่งไปกว่านั้น การศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉินก็เป็นเพียงแนวคิดที่ยังไม่สมบูรณ์ พวกเราพยายามศึกษามันมาโดยตลอด แต่พูดตามตรง ผมไม่คิดว่าเด็กหนุ่มอายุแค่ยี่สิบกว่าปีจะศึกษามันจนบรรลุและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในแนวคิดที่ยังไม่สมบูรณ์แบบได้ ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเลย]
เมื่อโจนส์โพสต์ข้อความนี้ออกไป มันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนทันที
คราวนี้มีบุคลากรทางการแพทย์หลายคนที่ยืนหยัดกล่าวแทนมอริส เพราะพวกเขามองว่ามันยากที่จะเชื่อว่าไป๋เยี่ยพัฒนาแนวคิดการศัลยกรรมกระดูกฉุกเฉินได้ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังเป็นคนที่ได้ไปเข้าร่วมการประชุมที่เยอรมนีด้วย
แม้แต่ในหมู่พวกเขาเอง ก็ยังมีหลายคนที่คิดว่าไป๋เยี่ยเป็นเพียงพวกช่างพูดและมีลูกเล่นเยอะ ทั้งที่จริงๆ เขาควรจะเป็นคนที่ถูกแบนด้วยซ้ำ
ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวายชั่วขณะหนึ่ง
เรื่องราวไม่มีทิศทางที่แน่ชัด
ใครคือคนถูก
และใครคือคนผิด
หรือบางทีอาจจะไม่มีใครถูกและผิด!
ทุกคนก็แค่มีมุมมองที่แตกต่างกัน
ขณะนี้แรงกดดันในไฮเซนเบิร์กก็เริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
ทว่าตอนนี้ กลับมีข่าวที่เบี่ยงเบนความสนใจของสื่อมวลชนทั้งหมดอย่างกะทันหัน!
เกิดอุบัติเหตุรถชนกันที่สตูดิโอฮอลลีวูดในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่าสี่สิบราย ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ‘ทอม ครูซ’ ซุปเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติรวมอยู่ด้วย ถูกไฟสตูดิโอกระแทกเข้าที่หน้าอก ทำให้กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ ปัจจุบันเขาได้รับความช่วยเหลือแล้ว
ในจำนวนผู้บาดเจ็บกว่าสามสิบราย มีเคสกระดูกหักขั้นรุนแรงหลายสิบราย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบอาการของผู้ป่วยแน่ชัด แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าควบคุมที่เกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
เพราะว่าภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำในตอนนี้คือภาคที่สามของภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่เรื่อง ‘อเวนเจอร์ส’ ของมาร์เวล ซึ่งเพิ่งจะวางแผนออกฉายไปและเป็นที่สนใจของคนจำหมู่มาก เพราะกล่าวได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือการรวมตัวของซุปเปอร์สตาร์ทั้งหลาย และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับหลายๆ คน ซึ่งครั้งนี้ทอม ครูซก็ได้เข้ามาร่วมแสดงด้วย เรียกได้ว่านี่เป็นมาสเตอร์พีซสุดยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุในการถ่ายทำภาพยนตร์จะไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนน้อยเลย ระหว่างการถ่ายทำ มักจะมีอุบัติเหตุตั้งแต่เล็กจนใหญ่เกิดขึ้น
ทว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุใหญ่จึงได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
สื่อทั้งหมดต่างหันมาติดตามเรื่องนี้ในทันที
หลังจากเกิดอุบัติเหตุ โรงพยาบาลในพื้นที่ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากศูนย์กู้ภัยไปทันที ทว่าอาการของผู้บาดเจ็บสาหัสจนเคลื่อนย้ายไม่ได้ จึงต้องดำเนินการผ่าตัดในที่เกิดเหตุ
โรงพยาบาลในพื้นที่ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากแผนกฉุกเฉิน แผนกกระดูกและข้อ แผนกศัลยกรรม แผนกศัลยกรรมหัวใจและแผนกอื่นๆ ไปยังสถานที่ถ่ายทำเพื่อทำการกู้ภัย
ทันใดนั้นสื่อทั้งหมดก็พุ่งเป้าไปที่การกู้ภัยในฮอลลีวูด
