บทที่ 344 สำเร็จแล้ว
การถ่ายทอดสดคึกคักมาก มันถูกแชร์แล้วแชร์เล่าอย่างรวดเร็ว!
โชคดีที่มาร์เวลเป็นค่ายกระเป๋าหนัก จึงมีเซิร์ฟเวอร์ไว้รองรับมากพอ ไม่เช่นนั้นก็คงจะรองรับผู้ชมไว้ไม่ได้
แต่ถึงกระนั้น เซิร์ฟเวอร์ก็เริ่มตอบสนองช้าลง มีหลายคนที่เข้าสู่ระบบไม่ได้
โชคดีที่คนส่วนใหญ่เปิดมันด้วยความอยากรู้ในตอนแรก พอได้ดูแล้วก็ปิดมันลงทันที
ท้ายที่สุดแล้ว คงไม่มีใครอยากเสียเวลามานั่งดูวิดีโอการผ่าตัดแสนน่าเบื่อแบบนี้หรอก!
ทั้งน่าเบื่อ เลือดสาดและน่าขยะแขยง…
ทว่าที่โรงพยาบาลกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ทันทีที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่สู่ประเทศจีน มันก็กลายเป็นโอกาสในการเรียนรู้ที่หายากยิ่งนัก
ไม่นานนัก โรงพยาบาลใหญ่ๆ ในประเทศ โดยเฉพาะสถาบันการแพทย์ในเมืองปักกิ่งก็เริ่มรับชมวิดีโอนี้
ณ ห้องผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยยูเนียน เกาเย่ว์หยางกำลังเรียกเลขาของเขามาพบ “เสี่ยวเหอ ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยเรื่องหนึ่ง อย่าลืมเตือนผมทุกวันล่ะ!”
เลขานุการของนักวิชาการ เป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ เป็นงานที่เงินเดือนดีมากและไม่เหนื่อยเลยสักนิด
เลขาของเขาเดินเข้ามาทันที “มีอะไรเหรอครับผอ.”
เกาเย่ว์หยางดึงเขาเข้ามาใกล้และกระซิบเบาๆ “ก็…อย่าลืมเตือนผมเรื่องที่จะจ้างไป๋เยี่ยมาเป็นอาจารย์ทุกวัน! เตือนวันละครั้ง!”
เลขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มและพยักหน้าลง “รับทราบครับ”
เกาเย่ว์หยางพึมพำเสียงต่ำ “เฮ้อ ลืมอีกแล้ว ต่อไปเจอกันคงต้องคุยเรื่องนี้กันแล้วมั้ง”
ตอนนี้เกาเย่ว์หยางยิ่งมองไป๋เยี่ยเป็นคนสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กคนนี้เปรียบดั่งของขวัญจากพระเจ้า ถ้าเขาไม่รักษาไว้ก็คงต้องเสียดายไปตลอดชีวิต!
เกาเย่ว์หยางเหลือบมองคำบรรยายใต้วิดีโอพลันหลุดหัวเราะออกมา!
เจ้าเด็กนี่เป็นอัจฉริยะจริงๆ ถึงกับมีโฆษณาเป็นของตัวเอง ดูเหมือนเขาจะมั่นใจมากเลยนะเนี่ย
ถ้าทำได้ดีเหมือนในคำบรรยายก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าทำได้ไม่ดีตามนั้นล่ะก็…มันก็คือการทำลายชื่อเสียงตัวเองอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ
โมนิกานั่งมองหน้าจอใหญ่อยู่นอกรถกู้ภัย แต่เธอกลับไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเลย
เธอหันกลับไปมองรอบๆ แล้วชวนผู้เชี่ยวชาญมานั่งกับเธอก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา “เป็นยังไงบ้างคะ”
ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเป็นศัลยแพทย์กระดูกและข้อจากสหรัฐอเมริกา ตอนนี้เขากำลังลุ่มหลงไปกับทักษะการผ่าตัดอันยอดเยี่ยมของไป๋เยี่ย!
“สุดยอด! ทักษะของคุณไป๋เยี่ยนี่น่าทึ่งจริงๆ!”
โมนิกาได้ยินดังนั้นก็พลอยรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย สิ่งที่เรียกว่าความหวังเริ่มก่อตัวขึ้นในดวงใจของเธอ
“ถ้าอย่างนั้น…เขาจะช่วยพี่ชายฉันได้ไหม”
ชายคนนั้นพยักหน้า
“ผมเชื่อว่าคุณไป๋เยี่ยทำได้ เขาเก่งจริงๆ! เขาเหนือกว่าพวกเราไปอีกขั้นแล้ว ผมอยากเรียนรู้จากคุณไป๋เยี่ยมากเลย!”
“โอ้! คำบรรยายข้างล่างบอกว่าคุณไป๋เยี่ยมีสถาบันวิจัยกระดูกของตัวเองด้วย ผมว่าผมรู้แล้วว่าต่อไปควรจะไปอยู่ที่ไหนดี!”
ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะพูดเสียงดัง ทว่าคำพูดของเขากลับโดนใจทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ทำให้พวกเขาบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา!
พวกเขาต่างอยากไปที่สถาบันวิจัยกระดูกของไป๋เยี่ยเพื่อไปดูสถานที่และต้องการจะปรับปรุงทักษะทางการแพทย์ของตนเอง!!
จู่ๆ ชายคนนั้นก็หันไปกระซิบกับโมนิกา “คุณโมนิกา ผมมีอะไรจะเสนอ ถ้าคุณไป๋เยี่ยรักษาคุณครูซจนหายดีได้ ผมแนะนำให้คุณไปพักฟื้นที่สถาบันวิจัยของเขา ผมคิดว่าผู้ชายคนนี้วิเศษจริงๆ!”
โมนิกาพยักหน้าอย่างเฉยเมย เธอเองก็หวังว่าไป๋เยี่ยจะช่วยได้จริงๆ…
มอริสขมวดคิ้วแน่น เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก ย่อมเป็นคนที่เข้าใจการผ่าตัดของไป๋เยี่ยมากที่สุด แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง ภายในใจของเขาจึงอัดแน่นไปด้วยอารมณ์มากมายเกินกว่าจะจินตนาการได้
โกรธ!
อิจฉา!
ไม่เชื่อมั่น!
ไม่ยอม!
เขามีสิทธิ์อะไร
จนปัญญาแล้วนะ!
คำคุณศัพท์นับไม่ถ้วนแล่นเข้ามาในหัวของมอริส เขาคิดว่าเขาไม่อาจควบคุมความคิดของตนเองได้อีกต่อไปแล้ว จิตใจของเขาว้าวุ้นเสียจนอยากจะหาที่พักพิง ทว่าเขามีแต่จะรู้สึกแย่ลงเท่านั้น
‘อคติคือสิ่งที่ทำให้คนเราเสียสติได้!’
คำกล่าวนี้ไม่ผิดเลย
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป บรรยากาศภายในรถกู้ภัยเริ่มทำให้ทุกคนเหงื่อตก
เพราะว่าภายในรถนั้นมีพื้นที่จำกัด ไม่มีพยาบาลคอยส่งอุปกรณ์ให้ จึงต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง!
อันที่จริงการผ่าตัดครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามขั้นตอนหลักๆ!
แต่ทุกขั้นตอนจะขาดไป๋เยี่ยไปไม่ได้ เขาต้องจัดการรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนด้วยตนเอง
เพราะเขาต้องการความสำเร็จ!
คนอื่นอาจจะทำได้ แต่เขาเชื่อว่าถ้าเป็นตัวเขาต้องทำได้อย่างแน่นอน
ทอม ครูซกลายเป็นด่านทดสอบแรกของสถาบันวิจัยกระดูกที่จะปรากฏตัวต่อหน้าโลกอันกว้างใหญ่นี้
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่ไป๋เยี่ยจะทำการตรวจสอบ เขาก็ปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่ไม่ได้พูดออกไปเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าคนอื่นๆ จะเป็นฝ่ายปริปากก่อน ทำให้ไป๋เยี่ยได้รับโอกาสนั้น
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็อดหลุดขำไม่ได้
อันที่จริงการกู้ภัยก็คือการแข่งขันระหว่างความเป็นและความตาย
ทุกคนต่างไม่กล้าเสียสมาธิ ผ่อนคลายไม่ลง มีแต่จะต้องทุ่มสุดตัวเท่านั้น!
การผ่าตัดเริ่มเวลาแปดโมงเช้า และตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว!
ผลการรักษาจะออกมาแล้ว!
หากสำเร็จ ครูซก็จะรอดชีวิต แต่ถึงกระนั้นกลับไม่มีใครรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด กลับกัน พวกเขาดูจะนิ่งเงียบไปเสียมากกว่า
ก่อนที่จะรักษาผู้ป่วยสำเร็จ จะไม่มีการพูดถึงเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จหรือล้มเหลวทั้งนั้น
ถึงแม้ว่าคุณจะทำการรักษาไปแล้วเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามันยังไม่เสร็จสิ้นก็จะถือว่าล้มเหลว!
ความล้มเหลวย่อมหมายถึงความตาย
ขั้นตอนสุดท้ายคือการต่อกระดูกซี่โครง รักษาอวัยวะต่างๆ ให้คงสภาพเดิมและปรับสภาพภายในร่างกายให้เหมาะสมกับการฟื้นตัว เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล
ทว่านั่นเป็นเรื่องในอนาคต!
อย่างน้อยตอนนี้ผู้บาดเจ็บก็พ้นขีดอันตรายแล้ว ชีวิตของเขาจะไม่ต้องเสี่ยงตายอีกต่อไปแล้ว
ติ๊กต๊อก…ติ๊กต๊อก…
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
ดวงตามากมายกำลังจ้องมองไปที่ไป๋เยี่ย มือเหล่านั้นเขากำหมัดแน่น ราวกับว่ากำลังดูภาพยนตร์ระทึกชื่อดัง
แท้จริงแล้วไม่มีอะไรน่าหลงใหลไปกว่าการต่อช่วงชิงระหว่างความเป็นและความตาย
ถึงแม้ว่าในวิดีโอจะไม่มีเสียง แต่นี่คือการต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตาย การต่อสู้แห่งโชคชะตา
บางทีชีวิตและความตายอาจขึ้นอยู่กับความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว
ทุกคนต่างเพ่งสมาธิ
ติ๊กต๊อก…ติ๊กต๊อก!
เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสิบโมง ไป๋เยี่ยก็ตัดไหมผ่าตัดเส้นสุดท้ายแล้วเดินออกมาจากรถกู้ภัยทันที!
ตอนนี้ทุกคนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ!
สำเร็จแล้วเหรอ
สำเร็จแล้ว!