บทที่ 345 คำสรรเสริญยินดี
วินาทีที่ไป๋เยี่ยวางกรรไกรลงหลังจากเย็บแผล ทำเอาบรรดาผู้เชี่ยวชาญอดโล่งใจไม่ได้!
สำเร็จแล้ว ในที่สุดก็สำเร็จสักที!
หรืออาจจะพูดได้ว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะสำเร็จ!
เมื่อพ้นขีดอันตรายแล้ว กระดูกบริเวณหน้าอกที่หักทั้งหมดจะถูกนำออกไป แล้วจะมีการสร้างกระดูกขึ้นใหม่ ที่เหลือก็แค่รอการฟื้นตัวอย่างช้าๆ
นิคสันมองไป๋เยี่ยด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหันไปทางโมลโด “คุณไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ”
โมลโดกล่าวอย่างใจเย็น “พอคุณเห็นมันมาเยอะแล้วก็จะชินชาไปเอง นี่ไม่ใช่เคสร้ายแรงที่สุดที่อาจารย์เคยรักษามา ผมคาดเดาบทสรุปไว้แล้ว”
โมลโดพูดและเดินออกไปข้างนอกทันที ทิ้งให้นิคสันยืนงงเป็นไก่ตาแตก
เมื่อไป๋เยี่ยออกมา แสงอาทิตย์อันอบอุ่นก็สาดส่องมายังเขา ตรงหน้าเป็นท้องฟ้าสีครามสดใสชวนให้สบายตา
แต่ถึงกระนั้นแสงแดดก็ทำให้ไป๋เยี่ยระคายตาเล็กน้อย เขากะพริบตาปริบๆ แล้วจึงนั่งลงบนพื้น
การยืนทั้งวันช่างเหนื่อยจริงๆ
โมนิการีบปรี่เข้ามาถามไป๋เยี่ย “เป็นยังไงบ้างคะหมอไป๋ พี่ชายของฉันเป็นยังไงบ้าง”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “การผ่าตัดประสบความสำเร็จดีครับ พี่ชายของคุณปลอดภัยดี แค่ต้องการพักฟื้นและดูแลต่อไปเท่านั้นครับ”
โมนิกาได้ฟังดังนั้นก็พึมพำกับตนเองครู่หนึ่ง!
ช่วยได้แล้ว!
ช่วยได้แล้ว!
หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาของเธอ เธอวิ่งเข้าไปกอดไป๋เยี่ยและเริ่มร้องไห้ออกมา
ไป๋เยี่ยชายตามองโมนิกาซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ก่อนจะลูบหลังปลอบใจเธอ
ตอนนี้ผู้คนที่อยู่ในห้องพักแพทย์ก็พากันวิ่งออกมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดี!
สำเร็จแล้ว!
หลังจากที่ทำงานหนักมากว่าครึ่งวัน ในที่สุดก็ช่วยครูซไว้ได้แล้ว!
ขณะเดียวกันบรรดาผู้คนที่ดูถ่ายทอดสดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือก็พากันชะงักไปครู่หนึ่ง ทำไมพวกเขาถึงออกไปกันหมด
ล้มเหลวเหรอ
แต่แล้วกล้องก็แพลนกลับไปยังด้านนอกรถกู้ภัย มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังส่งเสียงเชียร์และตะโกนโหวกเหวกอยู่!
การผ่าตัดสำเร็จแล้ว!
การผ่าตัดสำเร็จแล้ว!
คนที่เข้ามารับชมและแฟนคลับของครูซต่างก็พากันรู้สึกตื้นตันใจ
คนที่ช่วยชีวิตครูซคือชาวตะวันออกนามว่าไป๋เยี่ย!
ในชั่วพริบตาเดียว ทุกคนก็จดจำว่าไป๋เยี่ยจากประเทศจีนคือคนช่วยชีวิตที่แท้จริง
เขาคือคนที่ดึงครูซขึ้นมาจากความตาย
แฟนๆ มารวมตัวกันส่งเสียงเชียร์จากข้างนอก พวกเขาโอบกอดซึ่งกันและกันก่อนจะพร้อมใจเดินมากล่าวชื่นชมในความพยายามของทีมแพทย์!
ส่วนทีมงานมาร์เวลก็โทรหาประธานค่ายและแจ้งข่าวการผ่าตัดสำเร็จ เมื่อ ‘วินน์’ ทราบข่าวก็รีบขับรถมายังที่เกิดเหตุทันที
เพราะถ้าเขาจัดการเรื่องของครูซได้ไม่ดีล่ะก็ ค่ายมาร์เวลจะต้องถูกโจมตีอย่างรุนแรงแน่นอน
ไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียดาราชื่อดังเท่านั้น แต่ยังเป็นการสูญเสียชื่อเสียงของค่ายอีกด้วย
เพราะฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่าไป๋เยี่ยคือคนที่ช่วยมาร์เวลไว้
ตอนนี้ที่จีนก็กำลังเฉลิมฉลองเช่นกัน
ตัดภาพมาที่โรงพยาบาลยูเนียน เกาเย่ว์หยางถึงกับตะโกนเสียงดังลั่น!
บุคลากรทั้งยูเนียนต่างโห่ร้องยินดีกัน
ภาพดังกล่วเกิดขึ้นพร้อมๆ กันในหลายแห่ง ที่โรงพยาบาลผู่เจ๋อ หลิวป๋อหลี่เองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ‘ฮีโร่ในคราบเด็กหนุ่ม’
ตอนนี้ทั้งแผนกศัลยกรรมกระดูกต่างกำลังโห่ร้องยินดี หลีเจี้ยนเหว่ยหันไปพูดกับทุกคนด้วยเสียงอันดังลั่น “คืนนี้คนที่ไม่มีเวรทั้งหมดมารวมตัวกันหน่อย! ผมจะเลี้ยงเอง”
หลิวเสี่ยวกังขานรับ “จัดไป!”
คงไม่ต้องบอกว่านี่จะเป็นค่ำคืนแห่งการไม่หลับไม่นอนอีกคืนหนึ่ง
ตัดภาพมายังอีกด้านหนึ่งของซีกโลก ที่ฮอลลีวูดอันห่างไกล ชายนามว่าไป๋เยี่ยคือคนที่ช่วยชีวิตซุปเปอร์ฮีโร่ของหลายๆ คนไว้
เขาพิชิตทุกคนด้วยความแข็งแกร่งของเขา!
ความแข็งแกร่งของเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของจีน
ทุกคนพากันส่งเสียงเชียร์และสรรเสริญกันใหญ่
มีเพียงคนเดียวที่ออกจากฮอลลีวูดไปอย่างเงียบๆ มอริสเดินทางออกจากที่นี่ไปตั้งแต่ก่อนที่ไป๋เยี่ยจะผ่าตัดเสร็จ
เขารู้ดีว่าขืนอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว การผ่าตัดนั้นประสบความสำเร็จเกินกว่าที่เขาได้จินตนาการไว้
อยู่ไปก็มีแต่จะรู้สึกขายหน้า
เมื่อนึกถึงใบหน้าของไป๋เยี่ย เขาก็พลันรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา!
มอริสกำลังนั่งรถมุ่งหน้าไปที่สนามบิน ตอนนี้ไป๋เยี่ยคงจะกำลังตามหาเรา เตรียมที่จะเยาะเย้ยเต็มที่สินะ
หึ!
เขาคงจะไม่คิดว่าเราออกมาจากที่นั่นแล้ว อยากเหยียบกันซึ่งๆ หน้าเหรอ ไม่มีทางหรอก!
ทว่ามอริสกลับไม่รู้ว่าไป๋เยี่ยลืมเขาไปโดยสิ้นเชิง
สำหรับไป๋เยี่ยแล้ว มอริสไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแต่อย่างใด
ช่างน่าขันจริงๆ!
วันนี้ทุกคนก็ได้จดจำชายหนุ่มนามว่าไป๋เยี่ยผู้มาจากตะวันออกพร้อมพลังวิเศษในการศัลยกรรมกระดูก
เขาคือคนที่ช่วยครูซให้พ้นจากอันตราย
ก่อนที่ครูซจะเกิดอุบัติเหตุ ชื่อของไป๋เยี่ยก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย โดยเฉพาะในบทสัมภาษณ์ของนิตยสารไทม์แมกกาซีน ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รู้ว่ามีบุคคลนี้อยู่ในแวดวงการแพทย์จริงๆ
การถ่ายทอดสดวินาทีช่วยชีวิตครูซถูกถ่ายทอดไปให้ทั่วโลกได้ชม สื่อต่างๆ ทั่วโลกได้เห็นว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญจากรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาต่างประเมินอาการของครูซว่ามีโอกาสรอดเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์
แน่นอนว่าตอนนี้ครูซยังไม่หายดี และก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะพ้นขีดอันตรายจริงๆ หรือไม่
บางทีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกคำถามก็จะได้รับการตอบกลับและอธิบายเมื่อครูซฟื้นขึ้นมา
แต่ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าใครก็ขัดขวางการสรรเสริญไป๋เยี่ยไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิตยสารไทม์แมกกาซีน บริททานีย์มองคาโปด้วยสายตาที่แฝงแววตื้นตันใจ “คาโปคุณคือยอดขุมทรัพย์ของไทม์แมกกาซีนจริงๆ อุบัติเหตุของครูซทำให้บทสัมภาษณ์ของไป๋เยี่ยได้รับความนิยมเหนือจินตนาการจริงๆ”
คาโปเห็นท่าทีของบริททานีย์ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดีจริงๆ
จะว่ายังไงดีล่ะ
จะบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นกับข่าว หรือจะบอกว่าได้เจอกับอัจฉริยะด้วยตาตนเองดีล่ะ
คาโปแทบจะหลุดหัวเราะออกมา
นี่แหละนะชีวิต
คอลัมน์ที่สำคัญที่สุดของไทม์แมกกาซีนไม่ใช่บทสัมภาษณ์พิเศษหรือข่าวล่าสุด แต่เป็นคอลัมน์แรก‘สารจากผู้อ่าน’
นี่คือตัวเอกของไทม์แมกกาซีน
โดยปกติแล้ว ทุกครั้งที่จะมีการตีพิมพ์ฉบับใหม่ ทางสำนักนิตยสารก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรวบรวมข้อมูลของวารสารฉบับล่าสุด จากนั้นจึงคัดกรองข้อความเหล่านั้นและนำมาตีพิมพ์ลงในรูปเล่ม
กระบวนการนี้แม้จะยุ่งยากแต่ก็มีประสิทธิภาพมาก อย่างน้อยๆ ก็ทำให้นิตยสารไทม์แมกกาซีนได้พัฒนาตนเองอย่างราบรื่นจนกลายมาเป็นนิตยสารรายใหญ่ที่สุดซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเที่ยง เจ้าหน้าที่ก็ได้รับอีเมล์กว่าสามหมื่นฉบับจนทำให้ต้องกลับไปค้นหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับไป๋เยี่ย
ผู้อ่านเองก็หวังว่าจะอ่านบทสัมภาษณ์ของไป๋เยี่ย และแม้กระทั่งอยากไปที่สถาบันวิจัยกระดูกของเขาด้วยซ้ำ
ดังนั้นบริททานีย์จึงขอให้คาโปคอยติดตามไป๋เยี่ยและจัดทำรายงานที่จะตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับถัดไป