“ไปได้แล้ว” หลี่โม่โบกมือเฉยๆ สำหรับเขาแล้ว เขาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับอีกฝ่ายมากนัก ในเมื่อเรื่องราวจัดการเสร็จแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกดดันอีกฝ่ายอีก
เมื่อชายหนุ่มพวกนั้นได้ยินอย่างนี้แล้ว ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา พวกเขาตบหน้าอกอย่างดีใจ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามีชีวตอยู่รอดนั้นดีมากๆ
ต่อหน้าพวกเขาแสดงออกว่าขอบคุณหลี่โม่ที่ไม่ฆ่ากัน แต่ความเป็นจริงแล้ว ในใจเกลียดหลี่โม่อย่างมาก เดิมทีถ้าพวกเขาเอาเงินมาได้ ก็จะได้ส่วนแบ่งจากในนั้นไม่น้อย
แต่ว่าหลี่โม่มาขัดขวางแบบนี้แล้ว พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ได้เงินมาสักบาท แล้วยังต้องเสียเงินของตัวเองเพิ่มเข้าไปอีก
จาเจียเล่อพูดอย่างตกใจว่า “พี่หลี่ นายจะเก่งเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ให้พวกคนอัตราดอกเบี้ยสูงได้เงินไป แล้วยังให้พวกเขาขาดทุนมาอีก”
เขายิ่งอยู่ยิ่งนับถือหลี่โม่มากขึ้น วิธีของอีกฝ่ายนั้นเก่งมากจริงๆ
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็ตะลึงกับการกระทำของหลี่โม่ ไอ้คนนี้ไม่ทำตามปกติเลยสักนิดเดียว
“คุณผู้ชายท่านนี้ครับ ผมขอเตือนคุณอย่างหวังดีสักคำ คุณจะซวยแล้ว คุณรู้มั้ยว่าคนพวกนั้นคือใคร?” เวลานี้ บุคคลที่ใส่แว่นลวดทองพูดออกมาอย่างอดไม่ได้
หลี่โม่ยิ้มและถามว่า “ผมไม่รู้ รบกวนคุณบอกกับผมสักหน่อยสิครับ”
ชายหนุ่มที่ใส่แว่นลวดทองหมดคำพูดอย่างมาก นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังนิ่งสงบขนาดนี้ เดิมทีเขานั้นไม่อยากจะพูดออกมา เพราะยังไงซะเรื่องนี้ก็เป็นความลับอย่างมาก ถ้าหากว่าพูดออกมา เขาเองก็อาจจะมีปัญหาด้วย
แต่ว่าเขาก็ทนเห็นภาพสองคนนี้ตายไปไม่ได้ เขาถึงได้พูดออกมาว่าเบื้องหลังของคนที่มาทวงหนี้เมื่อกี้นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
ที่จริงแล้วหลี่โม่เองก็รู้ว่าจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับตัว แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรให้เสียใจ
ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง ก็ทนเห็นเพื่อนของตัวเองถูกตัดมือข้างหนึ่งไม่ได้
หลังจากที่ได้ยินชายหนุ่มใส่แว่นลวดทองบอกเบื้องหลังของบริษัททวงหนี้แล้ว จาเจียเล่ออดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึกๆทีหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าที่มาของบริษัททวงหนี้นั้นจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เป็นคนที่หากินทั้งด้านมืดและบริสุทธิ์จริงๆ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และในวงการยังรู้จักกับฉู่จงเทียนด้วย
หลี่โม่แปลกใจเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีสีหน้าอะไรมาก เขาเองก็รู้จักกับฉู่จงเทียน สามารถพูดได้ว่าสนิทอย่างมากเลยด้วย
ส่วนคนแผนกสำคัญ เขาเองก็รู้จัก เพียงแค่หัวหน้าเจียงคนเดียว ก็มากพอแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าตำแหน่งของหัวหน้าจางในเมืองฮ่านนั้นไม่ธรรมดา
จาเจียเล่อเหลือบมองหลี่โม่อย่างกังวล พูดว่า “พี่ชาย ทีนี้ลำบากแล้ว พวกเขาจะต้องแก้แค้นแน่นอน ไม่แน่อาจจะยังมาหาถึงที่อีกก็ได้”
“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่” หลี่โม่พูดนิ่งๆ
เรื่องพวกนี้ เขาไม่เคยกลัวจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาก็เคยผ่านมาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล็กน้อยตรงหน้านี้หรอก
ถ้าหากว่าจาเจียเล่อรู้ว่าหลี่โม่มองเรื่องที่เขาคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย คาดว่าเขาคงจะต้องตะลึงแน่นอน
“พอละ พวกนายก็ถือซะว่าฉันไม่เคยพูดมาก่อน อย่าพูดนะว่าฉันเป็นคนบอกพวกนาย” เดิมทีชายหนุ่มใส่แว่นยังอยากจะคุยต่อ แต่เขากลัวว่าตัวเองจะใกล้ชิดกับสองคนนี้มากเกินไป กลัวว่าจะถูกหาเรื่อง จึงได้รีบร้อนที่จะตัดสัมพันธ์
ความกล้าของอีกฝ่าย ทำให้หลี่โม่ชื่นชมมาก อีกฝ่ายเสี่ยงความอันตรายแบบนี้เพื่อบอกเรื่องที่สำคัญขนาดนี้กับเขา แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องเสียหายฟรีๆแบบนี้
“นี่คือหนึ่งหมื่น ฉันรู้ว่านายไม่ขาดแคลนเงิน ถือซะว่าเป็นน้ำใจของฉันละกัน” หลี่โม่พูด
ชายหนุ่มแว่นลวดทองชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็โบกมือด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ช่างมันเถอะ เงินพวกนี้พวกนายรีบเอาไปเพลิดเพลินให้สนุกดีกว่า เหลือชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่วันแล้ว”
ผู้คนในเหตุการณ์ต่างก็ส่งสายตาสงสารมาให้กับหลี่โม่และจาเจียเล่อ แต่ก็ไม่มีใครก็พูดแทรก ต่างก็เลือกที่จะเงียบและทำเป็นมองไม่เห็น
“พี่หลี่ พวกเราไปที่ไหน?” จาเจียเล่อรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เวลาเดินยังเอาแต่ตัวสั่น สิ่งเดียวที่เขาปล่อยวางไม่ลงก็คือคุณแม่
ถ้าหากว่าเขาเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ใครจะมาดูแลคุณแม่ ดังนั้นสิ่งที่เขากังวลอยู่ตลอดก็คือเรื่องนี้
หลี่โม่เองก็ดูออกถึงความหวาดกลัวในใจของจาเจียเล่อ จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังจะไปไหนได้อีก ไปเที่ยวสักพักกันเถอะ”
“พี่ชาย นายคงไม่ได้จะไปเที่ยวเล่นสักพักจริงๆหรอกนะ?” จาเจียเล่อถึงกับงุนงง นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะเล่นสนุกในความลำบากแบบนี้อีก เขาอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้กับจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของหลี่โม่
หลังจากที่เขาเห็นรอยยิ้มที่มั่นใจในตัวเองแล้ว สนใจอะไรไม่ได้มากแล้ว ยังไงซะเขาก็ไม่ขาดทุน อย่างมากก็ถือซะว่ามีความสุขสักวันแล้วกัน
“พี่ชาย ฉันไปเที่ยวกับนายหนึ่งวัน” จาเจียเล่อท่าทางเหมือนจะเข้าสู่สนามสงคราม และพูดอย่างเด็ดขาดออกมา
หลี่โม่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ไม่รู้จะทำยังไงกับอีกฝ่ายแล้ว
หลี่โม่เลือกบาร์แห่งหนึ่ง มาเพื่อผ่อนคลายเป็นหลัก
จาเจียเล่อมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก มีความระมัดระวังอยู่เล็กน้อย
พวกชายหนุ่มที่ทวงหนี้ล้มเหลวมาที่ห้องในบาร์ที่ลูกพี่ใหญ่อยู่ แล้วรีบบอกเรื่องนี้ให้กับพี่จ้วงลูกพี่ใหญ่ทราบ
พี่จ้วงได้ยินว่าลูกน้องของตัวเองไม่เพียงแต่ทวงหนี้ไม่สำเร็จ แล้วยังเสียเงินไปมากขนาดนั้น สีหน้าของเขาก็ขรึมขึ้นมาในทันที และด่าว่า “ไอ้พวกขยะ อับอายขายหน้าฉันจริงๆ ขยะอย่างพวกแกมีประโยชน์อะไรกันแน่?”
พวกชายหนุ่มที่ทวงหนี้ล้มเหลวต่างก็ก้มหน้าลง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะอับอายขายหน้าอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงกำลังของหลี่โม่แล้ว พวกเขาทวงหนี้ล้มเหลวก็เป็นเรื่องปกติ
“ลูกพี่ครับ นี่ไม่เกี่ยวกับผมนะ แต่ว่าไอ้นั่นมันเก่งมากจริงๆ” ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่น และเริ่มปัดความรับผิดชอบของตัวเอง
พี่จ้วงพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ไม่ต้องอธิบาย ทุกคนเลือกเอ็นนิ้วที่จะตัดมาแล้วกัน”
เมื่อชายหนุ่มพวกนั้นได้ยินอย่างนี้แล้วก็เหงื่อแตกออกมากันทันที พวกเขารีบอ้อนวอนขอร้องกันไม่หยุด
ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ออกมาจากห้องน้ำรีบวิ่งเข้ามา พูดว่า “ไอ้สองคนนั้นที่เอาเงินพวกเราไปอยู่ที่บาร์แห่งนี้”
“อะไรนะ” ชายหนุ่มพวกนั้นต่างก็ตกตะลึง ใจกล้ามากเกินไปแล้ว หาเรื่องพวกเขา แล้วยังกล้ามาเที่ยวเล่นที่ของพวกเขา?
ชายหนุ่มที่อยู่อันดับแรกคนหนึ่งคิดวิธีขึ้นได้ แล้วก็พูดยุยงกับพี่จ้วงว่า “ไอ้สองคนนั้นทำมากเกินไปแล้ว ไม่วางลูกพี่ใหญ่ไว้ในสายตาเลยสักนิด นี่มันขี้รดบนหัวพี่อย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ”
พี่จ้วงได้ยินอย่างนั้นแล้ว สีหน้าก็เขียวขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มอันดับแรกถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป จึงรีบหุบปาก
“เดี๋ยวค่อยมาจัดการพวกแก” พี่จ้วงเองก็โมโหแล้ว จึงยังไม่ได้ลงโทษลูกน้องของตัวเอง แล้วดีดนิ้วทีหนึ่งและพูดว่า “พวกแก ไปจับไอ้หนุ่มนั่นเข้ามาให้ฉัน”
“ครับ” เมื่อชายหนุ่มชุดสูทด้านนอกได้ยินคำสั่งแล้ว ก็รีบตอบกลับ แล้วก้รีบไปทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
ชายหนุ่มพวกนั้นแอบดีใจ อย่างน้อยตัวเองก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ พวกเขาต่างก็เกลียดหลี่โม่มาก ถ้าหากว่าหลี่โม่ถูกจับเข้ามา พวกเขาจะต้องจัดการกับหลี่โม่ดีๆสักหน่อยแน่นอน