สูตรโกงฉบับเด็กเรียน – บทที่ 355 เราทำแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 355 เราทำแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ

เมื่อโมนิกามาเข้าร่วมสถาบันวิจัย ทุกอย่างก็เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น ทว่าในช่วงนี้กลับมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น

ทุกครั้งที่ไป๋เยี่ยไปที่สถาบันเขาจะพบกับใบปลิวจำนวนมาก!

ไป๋เยี่ยก้าวลงจากรถและเดินเท้าไปเรื่อยๆ พร้อมกับได้รับใบปลิวต่างๆ มาเต็มไม้เต็มมือ

ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นใบปลิวของสถาบันสอนพิเศษ แถมยังเป็นสถาบันสอนภาษาต่างประเทศและล่ามพาร์ทไทม์ทั้งนั้น

โรงเรียนกวดวิชาผุดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ด ไหนจะบรรดาล่ามพาร์ทไทม์อีก นั่นทำให้ไป๋เยี่ยอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้เทรนด์การเรียนภาษาต่างประเทศกำลังมาแรงหรือไม่

ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังเดินอยู่ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดีครับ คุณต้องการล่ามไหมครับ”

ไป๋เยี่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย “ล่ามเหรอครับ ไม่เป็นไรครับ เราก็อยู่ที่ปักกิ่งนี่ทำไมต้องใช้ล่ามล่ะ”

ชายคนนั้นเลิกคิ้วแล้วเริ่มอธิบาย “คุณคงกำลังไปที่สถาบันวิจัยกระดูกใช่ไหมครับ คุณนี่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้สถาบันวิจัยกระดุกเป็นถึงองค์กรระดับนานาชาติเชียวนะ ที่นั่นไม่ได้มีแค่คนจีนนะครับ หมอหลายคนที่นั่นก็เป็นคนจากอังกฤษ อเมริกา เยอรมันและประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นตอนนี้ใครๆ ก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทั้งนั้นแหละครับ”

ไป๋เยี่ยฟังแล้วก็แทบอยากจะเอามือก่ายหน้าผาก เขาไม่มีปัญหาเรื่องภาษา แต่คนไข้ในอนาคตนี่สิ!

เมื่อลองนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ไป๋เยี่ยก็พลันคิดได้ว่าประเด็นนี้ยังจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขต่อไป

ชายคนนั้นเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของไป๋เยี่ยก็กล่าวต่อ “แต่ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราเป็นหน่วยงานในประเทศ บอสของเราก็เป็นคนจีน ส่วนคนต่างชาติพวกนั้นน่ะ ตอนนี้พวกเขาก็พยายามเรียนภาษาจีนกันแล้วครับ!”

ไป๋เยี่ยถึงกับอึ้ง “นี่มันอะไรกันครับเนี่ย”

ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ พลางชี้ไปยังป้ายโฆษณารอบๆ “คุณเห็นไหม ตอนนี้รอบๆ สถาบันวิจัยกระดูกมีโรงเรียนกวดวิชารายล้อมอยู่ตั้งหลายเจ้า เป็นโรงเรียนสอนภาษาทั้งหมดเลย”

“ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศในสถาบันก็กำลังเรียนภาษาจีนอยู่ครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานทุกคนจะพูดภาษาจีนสำเนียงปักกิ่งได้แน่ๆ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้นเลยครับ”

ชายคนนั้นยังคงพูดต่อ “แต่ก่อนหน้านั้นจะไปหาหมอก็ต้องมีล่ามไปด้วยนะครับ ไม่งั้นคงไม่สะดวกสักเท่าไหร่ คิดว่าไงบ้าง น้องชายต้องการสักคนไหม”

ไป๋เยี่ยรีบส่ายหัว “ขอบคุณนะครับพี่ชาย แต่ผมกำลังตามหาคนคนหนึ่งอยู่ ไม่ได้จะไปหาหมอครับ แล้วคนที่ผมมองหาก็เป็นคนจีนด้วย”

หลังจากแยกกันแล้ว ไป๋เยี่ยก็ยังคงนึกถึงคำพูดของชายคนนั้น รอยยิ้มจางลงเล็กน้อย ถ้าวันหนึ่งคนทั้งโลกหันมาพูดภาษาจีนกันก็คงเป็นเรื่องที่ดี แต่…หนทางยังอีกยาวไกลและโอกาสเป็นไปได้ก็น้อยมากด้วย

แต่ว่า…

ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นไปไม่ได้นี่นา!

สมมติว่าวันหนึ่ง คลังวิชาของทุกแขนงวิชาในโลกเป็นภาษาจีน ประเทศจีนกลายเป็นแนวหน้าในทุกสาขาอาชีพ ทั้งแนวทางปฏิบัติ ธีสิส หนังสือคู่มือและสิ่งของต่างๆ เป็นภาษาจีนหมดเลยล่ะ

ถ้าคุณไม่เรียนภาษาจีนก็ไม่มีทางเลือกหรอกนะ!

แต่ถึงกระนั้นไป๋เยี่ยก็รู้สึกมีความสุขที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญกำลังตั้งใจเรียนภาษาจีน

ตอนนี้โรงพยาบาลในเครือสถาบันวิจัยได้รับการจัดระเบียบอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว โดยจะมีหอผู้ป่วยสูงสิบชั้น เตียงแอทมิดหกร้อยหลัง ศัลยแพทย์ด้านกระดูกและข้อหนึ่งร้อยคน พยาบาลประจำการสี่ร้อยคนและห้องผ่าตัดสิบสองห้องซึ่งสามารถดำเนินงานต่างๆ ได้ตลอดเวลา

เมื่อไป๋เยี่ยมาหาโมนิกา เขาก็เล่าประเด็นที่เพิ่งคิดได้ให้เธอฟัง โมนิกายิ้มรับ “อืม ปัญหาเรื่องภาษาไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ตอนนี้โรงพยาบาลของเราเรียบร้อยดีแล้ว พร้อมเปิดทำการได้เลย แต่ยังไงตอนนี้เราก็มีเตียงแอดมิทแค่หกร้อยหลัง ฉันเลยคิดว่าพวกเราควรจะเจาะจงกลุ่มผู้ป่วยด้วย ไม่ใช่รับผู้ป่วยทุกเคสมาโดยไม่จำกัดจำนวน”

“ยังไงสถาบันวิจัยของเราก็ไม่ใช่โรงพยาบาลชุมชนที่จะรักษาได้ตั้งแต่โรคเล็กๆ ไปจนถึงโรคร้ายแรง คำแนะนำของฉันคือเราต้องกำหนดเป้าหมายและใช้วิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด”

“แบรนด์ดิ้งคือสิ่งแรกที่เราต้องทำ! เราต้องทำป้ายโปรโมตให้โดดเด่น พวกเรารักษาโรคที่คนอื่นบนโลกรักษาไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว…”

โมนิกาอธิบายมาเยอะมาก ด้วยความที่เธอเป็นถึงผู้จัดการมืออาชีพ การบริหารโรงพยาบาลย่อมเหมือนกับการแบรนด์ดิ้งกิจการต่างๆ

เราต้องมีกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากระยะเวลาที่มีจำกัด ทำให้จัดหาเตียงแอดมิทได้เพียงหกร้อยหลังเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ต้องมีวิธีจัดการกับทุกเตียงด้วย

ดังนั้น โมนิกาจึงต้องการสื่อว่าให้ใช้เตียงในโรงพยาบาลเป็นสถานที่สาธิต ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ามาจะต้องมีคุณค่าสูงพอต่อการวิจัย

โรงพยาบาลแต่ละแห่งจะมีนักวิจัยสองคนที่รับผิดชอบในการวิเคราะห์เคสผู้ป่วย

อีกทั้งโมนิกาเองยังรู้สึกสนุกกับขั้นตอนนี้มาก เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเธอเหมาะกับที่นี่เหลือเกิน

เพราะว่าผู้จัดการธุรกิจทั่วไปมักจะไม่มีประสบการณ์ด้านการวิจัยแบบเธอ พวกเขาย่อมไม่เข้าใจงานวิจัย และในทางเดียวกัน พวกนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่เข้าใจเรื่องการจัดการ

แต่โมนิกานำศาสตร์ทั้งสองแขนงมาผสานกันได้

แถมยังนำมาเสริมกันได้ดีมากอีกด้วย!

หลังจากพูดคุยกับโมนิกาอยู่นาน ไป๋เยี่ยก็ถึงจำจุดประสงค์ของวันนี้ได้

“คุณโมนิกา ว่าแต่อันดับของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเป็นยังไงบ้างเหรอครับ” ไป๋เยี่ยถาม

โมนิกาได้ฟังก็นิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้ม “มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในเครือที่รัฐบาลแคลิฟอร์เนียก่อตั้งขึ้นน่ะค่ะ”

ไป๋เยี่ยยิ้มแห้ง แบบนี้นี่เอง!

โมนิกาอธิบายต่อ “เครือมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเป็นเครือมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก เป็นที่รู้จักในฐานะมหาวิทยาลัยรัฐที่ดีที่สุดในโลกและยังเป็นต้นแบบของการศึกษาระดับอุดมศึกษาภาคปฏิบัติอีกด้วย! เรามีวิทยาเขตทั้งหมดสิบที่ แต่ละที่ก็มีอันดับไม่เท่ากัน คุณหมายถึงวิทยาเขตไหนล่ะ”

ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง ถ้าอย่างนั้นวิทยาเขตที่เขาจะสังกัดก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน!

ไป๋เยี่ยจึงเอ่ยขึ้น “ครั้งก่อนผมไปที่วิทยาเขตลอสแอนเจลิส”

โมนิกาพยักหน้า “คุณน่าจะหมายถึงมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขตลอสแอนเจลิสสินะ ที่นั่นมีอันดับสูงมากเลยนะ เป็นอันดับที่ยี่สิบสามของโลกในปี 2015 อันดับสิบของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดยยูเอสนิวส์[1]ในปี 2017 และเป็นอันดับที่สิบเอ็ดในการจัดอันดับวิชาการโดยเออาร์ดับเบิลยูยู[2]ในปี 2018 ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีมาก วิทยาลัยแพทย์ของที่นี่ก็ไม่เลวเลย เป็นสาขาเด่นๆ เลยแหละ”

แววตาของไป๋เยี่ยเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน!

“อืม…แล้วอันดับของชิงหวากับเป่ยต้าล่ะ”

โมนิกาผงะไปครู่หนึ่ง “ขอโทษที ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่คุณลองค้นหามันได้จากในอินเทอร์เน็ตนะ”

ไป๋เยี่ยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อน เขาจึงรีบไปสืบค้นข้อมูลจากทางออนไลน์ ‘เออาร์ดับเบิลยูยู‘ เป็นโผจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ครอบคลุมและมีมานานที่สุดในโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การวัดศักยภาพด้านการวิจัยของมหาวิทยาลัย โดยได้รับคำชมจากนานาชาติในแง่ของวิธีการจัดอันดับและข้อมูลที่มีเสถียรภาพและโปร่งใส จึงนับเป็นโผจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก

ไป๋เยี่ยอ่านแล้วก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง…

เพราะว่าชื่อมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขตลอสแอนเจลิสอยู่ที่หน้าแรกและเป็นอันดับที่สิบสอง!

อันดับที่หนึ่งคือมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อันดับที่สองคือมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อันดับที่สามคือมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์และสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์หรือเอ็มไอที…

อันดับที่ห้าคือมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขตเบิร์กลีย์!

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

ไป๋เยี่ยเองก็ประหลาดเช่นกัน หลังจากที่เลื่อนดูอยู่นาน ในที่สุดไป๋เยี่ยก็เห็นชื่อมหาวิทยาลัยปักกิ่งอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบเจ็ด

ไป๋เยี่ยเห็นแล้วก็รู้สึกสุขใจขึ้นมาแวบหนึ่ง ถ้าเขาได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย การได้รับเลือกให้เป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ในโครงการนักวิชาการฉางเจียงก็คงเป็นเรื่องง่าย

แต่ว่า…

อย่างไรที่นี่ก็เป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่สิบสองของโลก นี่ไม่ถือว่ามันเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศหรอกเหรอ

ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็แอบดีใจ!

ทว่า…เขารู้สึกยินดีได้สักพักก็กลับมาขรึมอีกแล้ว!

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของจีนอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบเจ็ดของโลก นั่น…ทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกไม่ยินดีและอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย

เฮ้อ…นี่สินะความแตกต่าง

แต่ถึงกระนั้นนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นภายในเวลาวันหรือสองวัน แต่มันเป็นความพยายามที่ถูกสั่งสมมาจากผู้คนนับหลายรุ่น ไป๋เยี่ยเองก็จะไม่ย่อท้อ เมื่อเวลาผ่านไป ประเทศจีนจะต้องมีสถาบันที่ได้เชิดหน้าชูตาในเวทีระดับโลกอย่างแน่นอน

เมื่อไป๋เยี่ยกลับมาถึงบ้าน เขาก็ดูเวลาและพบว่าตอนนี้ที่ลอสแอนเจลิสเป็นเวลาแปดโมงเช้า

ไป๋เยี่ยจึงต่อสายหาร็อคกี้ทันที

“ฮัลโหลคุณไป๋เยี่ย ในที่สุดคุณก็โทรมา คุณคิดเรื่องนั้นไปถึงไหนบ้างแล้วล่ะ” ร็อคกี้ถามด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ

ตอนนี้ร็อคกี้เพิ่งจะลงเวรและกำลังศึกษาวิดีโอการผ่าตัดช่วยชีวิตครูซของไป๋เยี่ยอยู่

การศึกษาวิดีโอของไป๋เยี่ยกลายเป็นสิ่งแรกที่ทั้งแผนกต้องทำทุกเช้า ทุกคนต่างมาร่วมกันถกเถียงและพูดคุยกัน

ยิ่งเป็นเช่นนี้ไปนานเท่าใด ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าไป๋เยี่ยนั้นเก่งมากเท่านั้น

ร็อคกี้เองก็หวังว่าไป๋เยี่ยจะตอบรับคำเชิญของเขาและมาสร้างความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลลอสแอนเจลิสและสถาบันวิจัยกระดูก

และได้เข้ามาเป็นอาจารย์รับเชิญที่วิทยาลัยแพทย์แคลิฟอร์เนียวิทยาเขตลอสแอนเจลิสอีกด้วย

ร็อคกี้เป็นหัวหน้าแผนกกระดูกและข้อของโรงพยาบาลลอสแอนเจลิสและเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยแพทย์ ข้อเสนอที่เขายื่นให้ไป๋เยี่ยไม่ใช่ความคิดชั่ววูบ แต่เป็นการตัดสินใจหลังจากที่ได้พิจารณาประวัติของไป๋เยี่ยอย่างรอบคอบแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเรื่องวุฒิการศึกษาของไป๋เยี่ยแล้ว เขายังมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการเป็นอาจารย์ด้วย ซึ่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียก็เป็นสถาบันที่ให้ความสำคัญกับผลงานมาก

เมื่อร็อคกี้ส่งข้อมูลของไป๋เยี่ยให้ผู้อำนวยการ อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญอ่าน ทุกคนก็ต่างมีมติเอกฉันท์!

การได้คนเก่งมีความสามารถเข้ามาเป็นอาจารย์นับเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องที่ดีต่อการพัฒนาวิทยาลัยแพทย์!

ไป๋เยี่ยยิ้ม “ครับ ผมคิดมาดีแล้ว ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้กับผมนะครับ แต่ว่า…คุณร็อคกี้ ถึงผมจะได้เป็นอาจารย์ แต่ผมก็คงไปบรรยายที่นั่นนานไม่ได้นะครับ…”

ร็อคกี้ยิ้มรับ “ผมก็เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยแพทย์เหมือนกัน แต่ผมต้องไปเข้าคลาสด้วยไหมล่ะ แน่นอนว่าไม่ เพราะว่าโรงพยาบาลของเราเป็นโรงพยาบาลในเครือของวิทยาลัยแพทย์ ทุกๆ ปีจะมีนักศึกษาบางคนมาฝึกงานและเรียนที่นี่ คุณจะทำแบบนั้นก็ได้นะ ขอแค่เรารักษาความร่วมมือระหว่างกันได้ก็พอแล้ว!”

ไป๋เยี่ยได้ฟังดังนั้นก็คิด เราทำแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ

[1] ยูเอสนิวส์ (U.S. News หรือ U.S. News & World Report) คือ นิตยสารรายสัปดาห์ที่มีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในหลายสาขาวิชา

[2] เออาร์ดับเบิลยูยู (ARWU; Academic Ranking of World Universities หรือ Shanghai Ranking) เป็นการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยทั่วโลก

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

Status: Ongoing
สูตรโกงฉบับเด็กเรียน แฟนตาซีระบบเรื่องใหม่จากผู้เขียนเดียวกับ “เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ”ถูกหลอกดูดเงินจนหมดบัญชี สิ่งที่ได้มากลับเป็นระบบเด็กเรียน?! เป็นเด็กเรียนน่ะไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก แต่เกรงว่าเด็กเรียนผู้นี้จะต้องใช้สูตรโกงเสียแล้ว![สวัสดี คุณไป๋เยี่ยที่เคารพ สมาชิก QQ เดือนนี้ของท่านกำลังจะหมดอายุโปรดต่ออายุสมาชิกทันทีเพื่อคงเลเวลสมาชิกของท่านไว้]ไป๋เยี่ย แค่อยากจะต่ออายุสมาชิก QQ เท่านั้นแต่เขากลับถูกตัดเงิน! ตัดเงิน!! ตัดเงิน!!!จนยอดเงินในบัญชีธนาคารเหลืออยู่เพียง 0.01 หยวน?!นี่หรือว่า…เขาจะเจอมิจฉาชีพหลอกดูดเงินเข้าแล้ว?!!แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีหน้าต่างประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้า[ติ๊ง! ต่ออายุสมาชิกสำเร็จ เลเวลสมาชิกปัจจุบัน: 1][ติ๊ง! ยินดีด้วย ท่านได้เปิดใช้แผนสมาชิกตลอดชีพแล้ว โปรดรับสิทธิประโยชน์สมาชิกของท่าน]และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำภารกิจเด็กเรียนเพื่อพิชิตการเป็นสุดยอดแพทย์แผนจีนผันตัวกลายเป็นเด็กเรียนเบอร์ต้นๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ฟันฝ่าอุปสรรคทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จและขวนขวายหาวิชาความรู้ด้วยตนเองท้ายที่สุดแล้วเขาจะเอาตัวรอดได้ด้วยตนเองหรือจะต้องใช้ ‘สูตรโกง’ กันนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท