สิ่งเดียวที่ทำให้ฉู่จงเทียนโมโหก็คือ พี่จ้วงไม่เพียงแต่ไม่ฟังคำพูดของเขา และยังดื้อรั้นพยายามที่จะต่อกรกับหลี่โม่ให้ได้
เมื่อพี่จ้วงเห็นว่าฉู่จงเทียนปฏิเสธอย่างเด็ดขาดก็อึ้งไปทันที หรือว่าอีกฝ่ายยอมที่จะปกป้องไอ้คนไร้ค่าคนนี้ จนถึงขั้นไม่เอาการลบล้างประวัติอันดำมืดทิ้งงั้นหรอ?
“ท่านเทียนครับ คุณคงไม่ได้จะมีปัญหากับผมเพราะไอ้คนไร้ค่าแบบนี้หรอกใช่มั้ย” พี่จ้วงอดไม่ได้ที่น้ำเสียงจะอ่อนลง รีบให้เกียรติต่อฉู่จงเทียน
“ประวัติมืดของฉันมีก็มีไป ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนายสักนิด ฉันมีวิธีจัดการเอง แต่ถ้านายจะลงมือกับคุณหลี่ ฉันไม่มีทางตกลงเด็ดขาด” ฉู่จงเทียนพูดเสียงเย็นชา
เมื่อพี่จ้วงได้ยินอย่างนั้นแล้ว สีหน้าก็มืดขรึมขึ้นมา ปฏิกิริยาแตกต่างจากเดิมไปทันที และฉีกหน้าไม่เคารพใครแล้ว “ท่านเทียน ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ไม่เกรงใจละ เรื่องนี้ ผมจะให้พี่ชายของผมมาจัดการ”
ฉู่จงเทียนแทบอยากจะลงมือ ถึงแม้ว่าเขาจะมีอำนาจมากในเมืองฮ่าน แต่ว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับในวงการนั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างมาก เขาไม่กล้าเข้าเสี่ยงอย่างง่ายดาย
และการทำแบบนี้ ก็จะยังทำให้คุณหลี่มีปัญหาหนักด้วย
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการก็พอแล้ว” หลี่โม่ยิ้มทีหนึ่ง
พี่จ้วงมีผู้อยู่เบื้องหลัง แล้วเขาจะไม่มีเบื้องหลังรึยังไงกัน?
พี่จ้วงไม่พูดอะไรมากก็โทรหาพี่ชายของตัวเอง และเริ่มร้องทุกข์ในสาย บอกว่าตัวเองลำบากอย่างมาก
หลี่โม่แอบส่งข้อความให้กับหัวหน้าจาง ส่วนอีกฝ่ายจะมาไม่มา เขาก็ไม่ได้บังคับ
เสี่ยวเฟยพี่ชายของพี่จ้วงกับกำลังคำนับเหล้าให้กับหัวหน้าจาง เมื่อเขาได้รับสายของน้องชาย ก็มองหัวหน้าจางอย่างขอโทษทีหนึ่ง
หัวหน้าจางไม่ได้ใส่ใจ ดื่มกินต่อไป เมื่อผ่านไปสักพัก ถึงได้หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเขาเห็นข้อความที่หลี่โม่ส่งมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
คุณหลี่ส่งข้อความมาให้เขา เขากลับไม่สังเกตเห็น นี่เป็นถึงเรื่องใหญ่โต ทำไมเขาถึงได้มองไม่เห็นกัน
“หัวหน้าจาง อ้อไม่สิ หัวหน้าใหญ่จางครับ คุณมีเรื่องด่วนหรอครับ?” เมื่อทุกคนเห็นหัวหน้าจางลุกขึ้นยืน พวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะกลับแล้ว จึงได้ถามออกไป
หัวหน้าจางพูดยิ้มๆ “ฉันยังมีเรื่องต้องไปจัดการ พวกนายดื่มกันไปก่อน”
ทุกคนต่างพูดพร้อมกันว่า “หัวหน้าจางครับ พวกเราไปด้วยดีกว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีในการจะได้เลื่อนขั้น พวกเราไม่อยากปล่อยไปแบบนี้ครับ”
หัวหน้าจางเองก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของคนพวกนี้ พยักหน้าพูดว่า “โอเค ไม่ต้องทำไรมาก พวกนายแค่ตามไปก็พอแล้ว”
“ออกตัว พับซ่างฉึง” หัวหน้าจางพูด “ถึงตอนนั้นพวกนายรอดูเรื่องสนุกก็พอแล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง”
ทุกคนพยักหน้า ใครๆก็คิดไม่ถึงว่า คนพวกนี้ที่เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถสั่นสะเทือนทั้งเมืองฮ่านได้ จะให้ความเคารพกับหัวหน้าจางมากขนาดนี้
ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน พวกเขาไม่มีทางมาประจบหัวหน้าจางแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้ฐานะของหัวหน้าจางไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ที่หัวหน้าจางจับลี่เสียงเฟยได้ ก็ได้เลื่อนตำแหน่ง สามารถเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเมืองฮ่าน
อย่าว่าแต่คนใหญ่คนโตพวกนั้นนอบน้อมถ่อมตนเลย ตอนนี้ยังสามารถพูดได้ว่าคนใหญ่คนโตพวกนั้นอยากจะเอื้อมหาหัวหน้าจางด้วยซ้ำ พวกเขาต่างก็อยากจะประจบหัวหน้าจาง ต่อจากนี้มีเรื่องอะไรจะได้ไปจัดการด้วยกัน
หัวหน้าจางรีบร้อนตรงไปยังพับซ่างฉึง จู่ๆเขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ พับซ่างฉึงแห่งนี้ เหมือนว่าจะเป็นน้องชายของเสี่ยวเฟยเปิด
เมื่อนึกถึงนี่ เขาก็รีบโทรหาเสี่ยวเฟย
เสี่ยวเฟยนั่งอยู่ในรถ ตอนนี้เขามาถึงพับซ่างฉึงแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าหัวหน้าจางโทรมา ก็รีบรับสาย
“หัวหน้าจางครับ มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?” เมื่อเสี่ยวเฟยกดรับสายแล้ว ก็พูดด้วยความเคารพ
“ฉันมีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งจะหานาย”
หัวหน้าจางพูดนิ่งๆประโยคหนึ่ง
“เรื่องอะไรครับ? คุณสบายใจได้ เพียงแค่คุณพูดมาคำเดียว ผมก็จะจัดการให้กับคุณครับ”
เมื่อเสี่ยวเฟยได้ยินถึงนี่แล้ว ก็รีบทำตัวอย่างดี
“ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเจอปัญหาที่ผับของน้องชายนาย นายบอกกับน้องชายนายสักหน่อย”
หัวหน้าจางพูดในสายอย่างง่ายดายประโยคหนึ่ง
“ได้ครับ ฝากไว้ที่ตัวผมเอง ใช่สิ เขาชื่ออะไรครับ?”
เสี่ยวเฟยตอบตกลงในทันที และขณะเดียวกันก็สอบถามด้วยทีหนึ่ง
“หลี่โม่”
เมื่อวางสายไป สีหน้าเสี่ยวเฟยตื่นเต้นดีใจอย่างมาก หัวหน้าจางมอบหมายภารกิจให้กับเขาเป็นครั้งแรก เขาจะต้องทำให้สำเร็จอย่างเรียบร้อย เขาจำชื่อของหลี่โม่ไว้
ว่าไปแล้วก็บังเอิญ น้องชายของเขาเองก็เกิดปัญหาที่ผับของตัวเอง แต่เขาก็ไม่ได้เชื่อมหลี่โม่กับน้องชายของตัวเองเข้าด้วยกัน
ไม่นาน เขาก็มาถึงพับซ่างฉึง เมื่อเขาเข้าไป เขาก็มองเห็นฉู่จงเทียน เขาคิ้วขมวด หรือว่าน้องชายมีปัญหากับฉู่จงเทียนงั้นหรอ?
ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้น เรื่องราวก็จัดการไม่ง่ายแล้ว ฉู่จงเทียนสามารถพูดได้ว่ามีตำแหน่งอยู่ระดับหนึ่งในเมืองฮ่าน โดยเฉพาะในวงการยุทธภพ
เสี่ยวเฟยไม่ได้เสียราศีความน่าเกรงขาม ก้าวเท้าเดินเข้าไป เขาถลึงตาใส่น้องชายทีหนึ่ง พูดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น นายมีปัญหากับท่านเทียนงั้นหรอ?”
ฉู่จงเทียนพอมีชื่อเสียงในเมืองฮ่าน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนในวงการเดียวกับฉู่จงเทียน แต่อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติกับฉู่จงเทียนบ้าง ถ้าหากว่ามีปัญหาหนัก ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก
เมื่อพี่จ้วงเห็นว่าพี่ชายเสี่ยวเฟยมาแล้ว ก็รีบวิ่งเข้าไปหา และก็เหลือบมองหลี่โม่อย่างหาเรื่องทีหนึ่ง เขาเชื่อว่าพี่ชายมาแล้ว ไม่ว่าเรื่องยากอะไรก็สามารถจัดการได้
เขาเหมือนกับว่าได้เห็นภาพที่หลี่โม่ถูกพี่ชายตัวเองตีจนแทบตาย เมื่อนึกถึงนี่แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข
“แกนิ่งค้างอะไรกัน?” เสี่ยวเฟยเห็นว่าน้องชายไม่พูดอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะตบหัวอีกฝ่าย
พี่จ้วงยิ้มแห้ง “ผมจะใจกล้ามีปัญหากับท่านเทียนได้ยังไงกันละครับ ไอ้หนุ่มนี่หาเรื่องผมต่างหาก แล้วยังตัดเส้นทางทำมาากินของผมด้วย”
เสี่ยวเฟยมองตามไปที่นิ้วของน้องชายตัวเองชี้ สายตาของเขาหยุดลงที่ตัวของหลี่โม่ เมื่อเขามองไปแล้วเห็นว่าหลี่โม่แต่งตัวเหมือนคนไม่มีเงิน บวกกับที่ว่าเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบุคคลคนนี้ในเมืองฮ่านมาก่อน
แต่เมื่อได้รับรู้ว่าน้องชายของตัวเองไม่ได้มีปัญหากับท่านเทียน เขาก็โล่งใจอย่างดีใจ ถ้าหากว่าเป็นท่านเทียน แม้ว่าจะต่อสู้กัน ก็จะเสียหายทั้งคู่ สูญเสียมากเกินไป
เขามั่นใจว่าหลี่โม่เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ก็ยิ่งไม่ได้ใส่ใจ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เรื่องราวก็จัดการได้ง่าย
ฉู่จงเทียนไม่ลืมที่จะยืนอยู่ข้างหลี่โม่ พูดว่า “พี่เสี่ยวเฟย คนนี้เป็นเพื่อนของผม เรื่องนี้ ให้มันจบแบบนี้ดีกว่า”
เขาไม่ได้หาเรื่องต่อไป เป็นการยอมให้อย่างที่สุด ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่ว่าอยากจะจบเรื่องอย่างดี อย่างนี้ก็จะลดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้
เสี่ยวเฟยชะงัก พูดว่า “ท่านเทียน ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้เกียรติคุณ แต่เขาหาเรื่องน้องชายของผม อ่างมากเขาก็แค่ลูกน้องคนหนึ่งเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องให้มีปัญหาแตกแยกกันเพื่อลูกน้องคนหนึ่งหรอกมั้งครับ”
ฉู่จงเทียนสีหน้าขรึม เขาจะฟังความหมายของอีกฝ่ายไม่ออกได้ยังไงกัน นี่มันเป็นการข่มขู่เขาชัดๆ และเขาก็ดูออกว่าอีกฝ่ายจะเข้ายุ่งกับเรื่องนี้แน่นอน