ฉู่จงเทียนและพี่จ้วงรวมทั้งเสี่ยวเฟยต่างก็กำลังมั่นใจว่าหัวหน้าจางจะเข้าข้างตัวเอง หากหัวหน้าจางเข้าข้างฝั่งไหน ตาชั่งแห่งชัยชนะก็จะเอียงไปทางฝั่งนั้น
พวกเขาต่างก็วางสายตาไปที่ตัวหัวหน้าจาง พวกเขาต่างก็รอคอยมากว่าหัวหน้าจางจะเลือกข้างไหนยังไง
บรรยากาศกลายเป็นเงียบงันในทันที ทุกคนต่างก็กลั้นลมหายใจไว้ เรื่องนี้มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินไปแล้วมั้ง นี่มันเป็นการเผชิญหน้าของระดับเทพแล้ว
พวกผู้มีอำนาจที่อยู่ด้านหลังหัวหน้าจางเมื่อเห็นภาพนี้แล้ว ต่างก็อึ้งกันไป เมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวเฟย ต่างก็มั่นใจว่าหัวหน้าจางจะต้องเข้าข้างฝ่ายเสี่ยวเฟยแน่นอน
คนข้างกายของหัวหน้าจางพูดเสียงเบาว่า “หัวหน้าครับ เสี่ยวเฟยเป็นคนของเรา ฉู่จงเทียนเองก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองฮ่าน แม้ว่าเขาจะกลับตัวกลับใจแล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทำเรื่องเดิมซ้ำอีกก็ได้ครับ”
หัวหน้าจางคิ้วขมวด ฉู่จงเทียนเป็นยังไงเขาไม่สนใจ แต่ฉู่จงเทียนเป็นเพื่อนของหลี่โม่ เขาจึงไม่มีทางหาปัญหาใส่ฉู่จงเทียน
เขาหันหน้าไปมองหลี่โม่ เมื่อเขาเห็นว่าหลี่โม่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา เขาก็พอรู้อะไรบ้างแล้ว
หัวหน้าจางจึงได้หันสายตามองไปยังเสี่ยวเฟย พูดเสียงเย็นชาว่า “เรื่องที่ฉันให้นายจัดการเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“ยังจัดการไม่เสร็จครับ งั้นผมจัดการให้คุณเดี๋ยวนี้เลยครับ”
เสี่ยวเฟยคิดว่าหัวหน้าจางให้ความสำคัญกับภารกิจนั้นมาก เขาถึงได้วางเรื่องนี้ไว้ก่อน
หัวหน้าจางพยักหน้า เหมือนกับว่ากำลังมองคนโง่
เสี่ยวเฟยหันหน้าไปมองน้องชายตัวเอง พูดว่า “โอกาสมาแล้ว นายเป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้ นายหาคนที่ชื่อหลี่โม่ห์ต่อย เขาถูกคนหาเรื่อง ถ้าหากว่านายจัดการปัญหาของหลี่โม่นั่นแล้ว มีเรื่องดีให้นายไม่น้อยแน่นอน”
“หา?”
เมื่อพี่จ้วงได้ยินอย่างนั้นแล้ว เขามองพี่ชายอย่างสงสัย ขณะเดียวกันก็เหลือบไปมองหลี่โม่ พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจว่า “พี่ชาย เหมือนว่าเขาจะเป็นหลี่โม่”
เสี่ยวเฟยรู้สึกตื่นเต้น เมื่อเขามองตามที่น้องชายตัวเองชี้ไปหาหลี่โม่แล้ว เขาก็ถึงกับอึ้งไป นี่มันอะไรกัน? หรือว่าเพื่อนของหัวหน้าจางก็คือเขาคนนี้?
เขาเริ่มสงสัยงุนงงไปหมด คนธรรมดาคนนี้เป็นเทพมาจากไหนกันแน่ ไม่เพียงแต่ฉู่จงเทียนที่ให้ความเกรงใจ แม้แต่หัวหน้าจางยังออกตัวมาเอง
เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง รู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดมหันต์ขึ้น
ทีนี้ได้ตายแน่ คนที่หัวหน้าจางให้เขามาช่วยเหลือ กลับเป็นคนที่น้องชายของเขาให้เขามาจัดการ เขางุนงงไปหมดแล้ว เรื่องนี้ซับซ้อนไปมา สรุปสุดท้ายก็ทำเอาเขามีปัญหา
พี่จ้วงหลอกตัวเองว่า “พี่ชาย น่าจะไม่ใช่เขา ไม่แน่อาจจะชื่อซ้ำก็ได้”
เมื่อเสี่ยวเฟยได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ทำได้เพียงแค่คาดเดาอย่างนี้ ถ้าหากว่าคนตรงหน้าเป็นเพื่อนที่หัวหน้าจางพูดถึง งั้นผลลัพธ์ก็ไม่อยากจะคิดเลย ไม่แน่ตำแหน่งของเขาเองก็รักษาไว้ได้ยาก
“หัวหน้าครับ ตอนนี้ผมยังหาไม่เจอครับ” เสี่ยวเฟยทำได้เพียงยื้อหัวหน้าจางไว้ ขณะเดียวกันก็พูดกับหัวหน้าจางว่า “หัวหน้าครับ ผมเจอปัญหาเข้า ฉู่จงเทียนกับคนคนนี้ร่วมมือกันรังแกผมและน้องชาย แล้วยังเกือบจะเกิดการฆ่ากันขึ้นด้วยครับ”
เขาเป็นลูกน้องของหัวหน้าจาง อีกฝ่ายที่มีฐานะเป็นหัวหน้า น่าจะต้องเข้าข้างเขา แล้วเขายังเคยได้ยินมาว่าหัวหน้าจางเกลียดเรื่องแบบนี้ที่สุด น่าจะมีปัญหากับฉู่จงเทียนอยู่ไม่น้อยเลย
“แล้วยังไง?” หัวหน้างจางพูดอย่างไม่แยแส
เสี่ยวเฟยชะงักไปเล็กน้อย ยังไม่ทันรอเขาพูดต่อไป ต่อมาหัวหน้าจางก็เข้าไปจับมือกับหลี่โม่อย่างกระตือรือร้นและพูดว่า “คุณหลี่ครับ ให้คุณรอนานเลย ผมไม่ได้มาสายหรอกใช่มั้ยครับ”
ภาพนี้ทำเอาทุกคนต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะเสี่ยวเฟยและพี่จ้วงนั้นมีสีหน้าที่อลังการ คางของพวกเขาแทบจะตกใจจนตกลงกับพื้นแล้ว
นี่มันไม่ค่อยเหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการไว้สักเท่าไหร่ สามารถทำให้หัวหน้าจางเข้าไปจับมือทักทายด้วยตัวเอง มีเพียงไม่กี่คนในเมืองฮ่านเท่านั้น หลี่โม่นับเป็นตัวอะไรกัน? ถึงได้สามารถทำให้หัวหน้าจางต้อนรับอย่างกระตือรือร้นได้
เสี่ยวเฟยรู้สึกเหมือนกับว่าถูกฟ้าผ่าใส่ตัว ยืนอยู่กับที่นิ่งๆ ไม่ได้สติอยู่นาน
หนังตาของพี่จ้วงเอาแต่กระตุกไม่หยุด รู้สึกว่าลางสังหรณ์ยิ่งอยู่ยิ่งไม่ดี เหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเข้าหาเขา
“ไม่สายอยู่แล้ว นายสามารถมาได้ก็ดีที่สุดแล้ว ดูสภาพนายแบบนี้คือ ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว?” หลี่โม่เองก็ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำต่อไป แล้วยิ้มอ่อนๆ
ก่อนหน้านี้ที่เขาเจอกับหัวหน้าจาง เสื้อทำงานขออีกฝ่ายที่ใส่ไว้ไม่ได้ดูมีราศีขนาดนี้ แล้วเขาก็ยังส่องดูเพื่อนพ้องด้านหลังของหัวหน้าจาง มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นสูงไม่น้อยเลย
“ฮ่าๆ นี่ก็เพราะคุณหลี่ทั้งนั้นเลยครับ” หัวหน้าจางหัวเราะ และก็พูดคุยเฮฮากับหลี่โม่ ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็อึ้งไปหมด จากการกระทำนี้แล้ว ก็สามารถดูออกได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นไม่ธรรมดา
พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่าหัวหน้าจางและหลี่โม่กำลังคุยอะไรกัน พวกเขาต่างก็ไม่กล้ารบกวน จึงไม่ได้ส่งเสียงดัง
เสี่ยวเฟยและพี่จ้วงตื่นเต้นจนใจเต้นแรงไม่หยุด รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองจะได้จบเห่แน่ๆ ทีนี้เล่นใหญ่ไปแล้ว ถ้าหากพวกเขารู้ว่าหลี่โม่และหัวหน้าจางมีความสัมพันธ์กันดีขนาดนี้ ตีพวกเขาให้ตายพวกเขาก็ไม่กล้าไม่เคารพหลี่โม่
เสี่ยวเฟยทำเป็นลองถามว่า “หัวหน้าจางครับ พวกคุณรู้จักกัน?”
หัวหน้าจางพูดนิ่งๆว่า “เขาเป็นเพื่อนของฉัน แม้แต่ฉันยังต้องให้ความเคารพกับเขา”
สีหน้าของเสี่ยวเฟยเปลี่ยนไป มุมปากเริ่มกระตุกขึ้นมา แม้แต่หัวหน้าจางยังต้องให้ความเคารพกับเขา นี่มันจะใหญ่โตไปแล้ว เขามั่นใจว่าเบื้องหลังของหลี่โม่จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เสี่ยวเฟยสมองหมุน ถ้าหากว่าใช้โอกาสนี้พูดขอโทษยังทัน เขาถึงได้เก็บท่าทางอวดเก่งของตัวเองกลับไป แล้วยิ้มแย้มใส่หลี่โม่ “คุณหลี่ครับ คุณดูสิ เพราะไม่รู้จักหน้ากันเลยเกิดปัญหาขึ้น คนพวกเดียวกันแต่ดันไม่รู้จักกันเอง ถ้าหากว่าคุณพูดเร็วหน่อยว่าคุณเป็นเพื่อนของหัวหน้าจาง ให้ความกล้ากับผมมากแค่ไหนก็ไม่กล้าทำแบบนี้กับคุณหรอกครับ”
หลี่โม่ถามกลับ “แม้ฉันจะพูดออกมา แล้วนายจะเชื่องั้นหรอ?”
ทีนี้สีหน้าของเสี่ยวเฟยอึดอัดขึ้นมาในทันที ถ้าหากว่าอีกฝ่ายพูดออกมาแต่แรก เขาคงไม่เชื่อแน่นอน เขาพยายามยิ้มออกมา อยากจะเอาใจหลี่โม่ “คุณหลี่ครับ ผมผิดเอง มีตาหามีแววไม่ ผู้สูงส่งมีจิตเมตตา อย่าได้ใส่ใจเลยนะครับ”
หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อย “ฉันรับไม่ไหวหรอก นายเป็นถึงหัวหน้าเล็ก สามารถใส่กุญแจมือคนอื่นไปทั่ว”
หัวหน้าจางมองไปยังสองมือที่ถูกใส่กุญแจมือไว้ของหลี่โม่ สีหน้าของเขามืดขรึมในทันที เหมือนกับว่าจะกินเสี่ยวเฟยเข้าไปซะอย่างนั้น
เมื่อเสี่ยวเฟยรู้สึกถึงสายตาที่จะฆ่ากันหัวหน้าจางแล้ว ตัวก็สั่นขึ้นมาทันที จึงรีบล้วงเอากุญแจเป็นพวงๆในกระเป๋ากางเกงออกมาอย่างร้อนรน หาอยู่นานกว่าจะหากุญแจที่ปลดล็อกกุญแจมือของหลี่โม่เจอ
เมื่อหลี่โม่ถูกปลดล็อกกุญแจมือแล้ว ก็ถามกับหัวหน้าจางว่า “ฉันไม่ได้ทำผิด คนของนายก็ใส่กุญแจมือใส่ฉันมั่วๆ แม้ว่าจะต้องการใส่กุญแจมือคนอื่น ก็ต้องมีเหตุผลสิ”
“ผมผิดเองที่ดูแลไม่เคร่งครัดพอครับ”
หัวหน้าจางเช็ดเหงื่อออก เขารู้ว่าคุณหลี่โมโหแล้ว เขาโทษตัวเองไม่หยุด ขณะเดียวกันก็ต่อว่าเสี่ยวเฟยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสี่ยวเฟย ใครเป็นคนให้อำนาจกับนายกัน?”