บทที่ 359 นี่มันเรื่องอะไรกัน
โดยทั่วไปแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลและสถาบัน ตลอดจนหน่วยงานคัดเลือกต่างๆ ต่างก็มีมาตรฐานในการคัดเลือกผู้บุคลากร รวมถึงการเผยแพร่นโยบายรับสมัครบุคลากรใหม่ไปทั่วพื้นที่
ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องการบุคลากรที่มาจากมหาวิทยาลัยสองร้อยอันดับแรกของโลก เพราะฉะนั้นเมื่อเกาเย่ว์หยางได้รับสายจากไป๋เยี่ย เขาก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้คงจะไร้เดียงสาเกินไป ถึงคิดว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยไหนที่ต่างประเทศที่ไหนก็มีชื่อเสียงทั้งนั้น
เกาเย่ว์หยางข่มความอดทนแล้วอธิบาย “เสี่ยวเยี่ย ถ้าอยากเป็นอาจารย์ในโครงการฉางเจียงจริงๆ ผมก็ช่วยคุณได้นะ แต่รัฐเป็นคนกำหนดนโยบายไว้ ไม่ใช่ว่าอะไรก็เป็นสิทธิพิเศษไปได้หมดนะ”
“มหาวิทยาลัยชั้นนำที่ต่างประเทศไม่ได้ธรรมดานะ พวกนั้นน่ะหัวสูงจะตาย เขาไม่สนใจผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากประเทศเราหรอก…”
ไป๋เยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความอึดอัด “ขอบคุณนะครับอาจารย์เกา แต่…ผมเพิ่งได้รับจดหมายเชิญจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งน่ะครับ”
เกาเย่ว์หยางถึงกับตะลึง “ที่ไหน”
ไป๋เยี่ยตอบ “วิทยาลัยแพทย์แคลิฟอร์เนียครับ”
เมื่อเกาเย่ว์หยางได้ยินว่าเป็นมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เขาก็เบิกตากว้าง หัวสมองก็พลันขาวโพลนไปด้วย
นี่คือเครือมหาวิทยาลัยที่มีอิทธิพลและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการ รัฐจึงมักจะส่งพวกเขาไปเรียนรู้รูปแบบการบริหารจัดการของสถาบันอื่นๆ ซึ่งปกติแล้ว พวกเขาจะต้องเรียนรู้จากต้นแบบที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
ดังนั้น เมื่อเกาเย่ว์หยางได้ยินชื่อมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เขาจึงโพล่งขึ้นมาทันที “มาที่นี่เดี๋ยวนี้! ผมกำลัง…”
หลังจากวางสาย เกาเย่ว์หยางก็มองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ พลางแหงนหน้าขึ้นมองตะวันลับขอบฟ้า…เขามองดูแสงที่ค่อยๆ มืดลง ความโศกเศร้าก็เข้ากัดกินหัวใจของเขา เขารู้สึกว่าตัวเองแก่ลงเรื่อยๆ จริงๆ…
จู่ๆ เขาก็นึกถึงวันวานที่เคยวิ่งเล่นใต้แสงอาทิตย์…นั่นคือ…ความเยาว์วัยที่กำลังจะจากไป…
หลังจากที่ไป๋เยี่ยกลับมาถึง เขาก็นั่งแท็กซี่ไปที่หน้าสำนักงานวิทยาลัยแพทย์ยูเนียน เมื่อเข้าไปด้านในก็เห็นว่าเกาเย่ว์หยางกำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่ ไป๋เยี่ยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “อาจารย์เกา…ออกกำลังกายอยู่เหรอครับ”
“ผมเพิ่งอ่านบทความจากในเน็ตมา การแหงนหน้าเป็นมุมสี่สิบห้าองศาช่วยปรับกระดูกสันหลังส่วนคอได้ เป็นการป้องกันโรคกระดูกคอเสื่อม สมกับที่อาจารย์เกาเป็นหมอกระดูกจริงๆ ครับ! วิชากระดูกและข้อคงจะผสานเข้าไปในจิตวิญญาณของอาจารย์แล้ว สุดยอดมากจริงๆ ครับ”
เกาเย่ว์หยางตะลึงกับสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูด เจ้าเด็กนี่! เขาปั้นหน้าดุ “ยังไม่มานั่งอีก!”
ไป๋เยี่ยได้แต่ยิ้มแหยและรีบตรงไปนั่งตรงข้ามเกาเย่ว์หยางทันที “อาจารย์เกามีอะไรเหรอครับ”
เกาเย่ว์หยางเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ขอดูจดหมายเชิญจากที่นั่นหน่อย”
ไป๋เยี่ยตอบรับ “ได้ครับ!”
ไป๋เยี่ยหยิบจดหมายเชิญและหลักฐานแสดงความร่วมมือออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้อีกฝ่าย
เกาเย่ว์หยางหยิบมันขึ้นมา เขาอ่านจดหมายเชิญอย่างใจจดใจจ่อ อายุแค่นี้ ความสามารถแค่นั้นจะไปเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยแพทย์แคลิฟอร์เนียได้ไง เป็นไปไม่ได้หรอกน่า แต่ว่า…ไป๋เยี่ยเพิ่งจะอายุเท่านี้ ถ้ามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียถูกใจเขาล่ะก็…
จริงๆ เลย จู่ๆ เขาก็เข้าใจไป๋เยี่ยแล้ว
เขาเป็นศาสตราจารย์บรรยายพิเศษได้จริงๆ
แต่ว่า!
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญคือต้องรั้งไป๋เยี่ยไว้ที่วิทยาลัยแพทย์ยูเนียนหรือมหาวิทยาลัยชิงหวาก่อน ทำให้เหล่าหลิวต้องรู้สึกเสียดาย
เกาเย่ว์หยางคิดแล้วก็รู้สึกมีความสุข
เขาเริ่มค่อยๆ พูดจาตะล่อมไป๋เยี่ย
เกาเย่ว์หยางใช้ประสบการณ์การเป็นผู้อำนวยการมานับหลายสิบปีในการโน้มน้าวไป๋เยี่ย โดยยกมาตั้งแต่เรื่องศีลธรรมอันดีงามของชาวจีน ไปจนถึงการพัฒนาวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีมานับพันปีและไปจนถึงอนาคตของการแพทย์ในประเทศจีน
ทั้งยังบอกไป๋เยี่ยว่าเขาเป็นคนที่มีแรงจูงใจคอยขับเคลื่อน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เกาเย่ว์หยางก็ถอนหายใจออกมาพลางมองไป๋เยี่ยด้วยสี่หน้าจริงจัง “เสี่ยวเยี่ย! ยูเนียน ชิงหวา วงการแพทย์แผนจีนและคนทั้งโลกต้องการคุณนะ! เอายังไง จะเป็นไหม อาจารย์ที่ยูเนียนเนี่ย”
ไป๋เยี่ยจึงพยักหน้าอย่างดีใจ “เป็นครับ!”
เกาเย่ว์หยางมองไปเยี่ยด้วยสาตาว่านอนสอนง่ายก่อนจะพยักหน้าลง
จากนั้น เขาก็หยิบใบแสดงหลักฐานความร่วมมือของไป๋เยี่ยขึ้นมาอ่านและก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าวิทยาลัยแพทย์แคลิฟอร์เนียวิทยาเขตลอสแอนเจลิสได้สร้างความร่วมมือกับสถาบันวิจัยกระดูกของไป๋เยี่ย…
ความร่วมมือนี้ทำให้เกาเย่ว์หยางถึงกับอึ้ง!
หลักฐานความร่วมมือ!
ร่วมมือกันแบบวิน-วิน?
ทำไมเราถึงไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยนะ
ถึงแม้ว่าสถาบันของไป๋เยี่ยจะเพิ่งก่อตั้งขึ้นแต่ก็ไม่มีข้อกังขาเรื่องอนาคต ก็ลองดูบุคลากรตอนนี้สิ
ผู้นำคือไป๋เยี่ย เขาคือคนกำหนดอนาคตและเส้นทางของสถาบัน
ไหนจะมีโมลโด ศัลยแพทย์กระดูกและข้อระดับโลกอีก พูดตามตรง เกาเย่ว์หยางคิดว่าตนเองนั้นสู้โมลโดไม่ได้เลย ทว่าอีกฝ่ายกลับเรียกไป๋เยี่ยว่าอาจารย์ ความหมายที่แฝงอยู่ย่อมชัดเจนดี
ว่ากันว่าไป๋เยี่ยเพิ่งจะดึงคนจากสหรัฐอเมริกามาเข้าร่วมด้วย และเพิ่งจะเปิดรับสมัครบุคลากรไป นั่นทำให้เกาเย่ว์หยางอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้
มีหรือที่คนอื่นจะไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปด้วย
เพราะฉะนั้น อนาคตของสถาบันนี้ก็ชัดเจนด้วยตัวเองแล้ว!
มีแต่แสงสว่าง
เกาเย่ว์หยางจึงบังเกิดความคิดขึ้น เขาเอ่ยถาม “เสี่ยวเยี่ย คุณคิดยังไงกับยูเนียน”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ดีสิครับ!”
เกาเย่ว์หยางพยักหน้า “ดีมาก เป็นเด็กดีและเป็นลูกศิษย์ดีเด่นจริงๆ แต่ว่าตอนนี้โรงพยาบาลยูเนียนของเราดูจะเล็กเกินไปแล้ว มีพื้นที่ให้นักศึกษาเรียนรู้และฝึกฝนอย่างจำกัด ต่อไปเสี่ยวเยี่ยต้องมาเป็นอาจารย์ที่ยูเนียนแล้ว คุณพอจะมีอะไรมาแสดงไหม”
ไป๋เยี่ยชะงักไปก่อนจะพยักหน้าอย่างงุนงง
เกาเย่ว์หยางพูดต่อ “อีกอย่าง เสี่ยวเยี่ย คุณเองก็เพิ่งจะสร้างโรงพยาบาลขึ้น เราสร้างความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลยูเนียนและสถาบันของคุณได้แน่นอน พวกเราจะทำงานวิจัยและพัฒนาไปด้วยกัน ที่แคลิฟอร์เนียมันไกลเกินไป แหล่งน้ำอยู่ไกลจะไปดับกระหายได้ยังไง แต่ที่ยูเนียนทำได้นะ ในฐานะที่ที่นี่เป็นโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ ผมคิดว่ายูเนียนจะช่วยพัฒนาสถาบันของคุณได้นะ”
“อีกอย่าง การบ่มเพาะบุคลากรนั้นเป็นกระบวนการระยะยาว มีนักศึกษาเก่งๆ จากยูเนียนหลายคนที่สามารถเข้าไปทำงานกับคุณหลังเรียนจบได้ นี่ไม่ใช่เรื่องแย่เลยว่าไหม”
ไป๋เยี่ยหยักหน้า หลังจากที่เขาได้ไปเปิดโลกที่ต่างประเทศและพดูดคุยกับโมนิกาในช่วงที่ผ่านมา เขาก็ได้รู้ว่าการจะพัฒนาได้นั้นจะต้องมีพันธมิตรที่เหมาะสม และเป้าหมายคือการร่วมมือกันแบบวิน-วิน
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็พยักหน้า “อาจารย์เกาสุดยอดจริงๆ ครับ!”