บทที่ 911 สหาย ข้าให้มาเพื่อตายโดยแท้!
“เขาถูกทะเลโลหิตกลืนกินไปแล้ว มิหนำซ้ำพวกเรายังออกมาไกลถึงเพียงนี้ นี่ไม่อาจทำให้เจ้าวางใจได้อีกหรือ?”
ปราณศพมู่ชิงไร้วาจาจะเอ่ย “ความกล้าของเจ้ามีน้อยนิดเพียงใดกัน!”
นี่คือปราณศพของร่างศพฉินอี้จริงหรือไม่?
มันอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ฉินอี้นั้นทรงพลังน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่เหตุใดปราณศพจึงมีความกล้าหาญน้อยกว่ามดเสียด้วยซ้ำ!
หรือว่าต้องเห็นหลี่จิ่วเต้าตายด้วยตาตัวเองก่อนจึงจะวางใจได้?
“เจ้าไม่รู้อันใด…”
ปราณศพฉินอี้ยิ้มอย่างทุกข์ตรม “ก่อนหน้านี้ข้าใช้วิชาลับ แยกร่างออกมานับร้อยล้าน จากนั้นก็หลบหนีไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ซ้ำกัน ทว่าเพียงพริบตาเดียว เขากลับสามารถรวมร่างแยกทั้งร้อยล้านของข้ากลับไปได้!”
“ไม่ต้องกังวล เจ้าอ่อนแอเกินไป มีเพียงแค่ปราณศพเท่านั้น”
ปราณศพมู่ชิงเอ่ย “เพียงแค่ปราณศพ ความแข็งแกร่งของเจ้าย่อมมีจำกัด เจ้าอย่าได้คิดมาก ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น”
สามารถบังคับให้ร่างแยกทั้งร้อยล้านที่กระจัดกระจายไปตามสถานที่ต่าง ๆ กลับมารวมกันได้ นับว่ามีฝีมือไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
แต่ดังที่มันกล่าวเอาไว้ว่าปราณศพอ่อนแอเกินไป พลังวิชาลับที่สำแดงออกมาย่อมถูกจำกัด แม้จะแยกร่างนับล้านก็ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ ในเมื่อมีร่องรอยหลงเหลือ หากต้องการจะติดตามมันเองก็สามารถทำได้เช่นดียวกัน
“อาจเป็นเช่นนั้น…”
ปราณศพฉินอี้ถอนหายใจ
เป็นความจริงที่ว่าเมื่อมันไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างศพ ความแข็งแกร่งก็นับได้ว่าไม่เพียงพอ ส่วนร่างศพของมู่ชิงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ อีกทั้งยังผ่านการเปลี่ยนแปลงและยกระดับ ย่อมแตกต่างจากมันอย่างแน่นอน
สิ่งที่มันพบเจออาจไม่เกิดขึ้นกับร่างศพมู่ชิง
“เจ้าผ่านการเปลี่ยนแปลงและยกระดับ สามารถปลุกความทรงจำใดออกมาได้หรือไม่? รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉินอี้และมู่ชิงมากน้อยเพียงใด?”
มันถามร่างศพมู่ชิง
มันไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างศพ ทว่าก็ปลุกความทรงจำบางอย่างขึ้นมาได้ ส่วนร่างของมู่ชิงได้รับการเปลี่ยนแปลงและยกระดับ ความทรงจำที่ตื่นขึ้นจะต้องมากกว่ามันแน่นอน
“ความจริง…”
ร่างศพมู่ชิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม “ข้ารู้ความจริงบางอย่าง ทว่าการจะบอกเจ้าในตอนนี้หาใช่เรื่องดีแต่อย่างใด สภาพของเจ้ายามนี้เลวร้ายเกินไป หากเจ้ารู้เรื่องนี้เข้าเกรงว่าจะต้องตื่นตะหนกเป็นแน่”
เขากล่าวต่อ “เหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าก็เกี่ยวข้องกับความจริงเหล่านั้น อีกทั้งยังไม่ใช่แค่ฉินอี้กับมู่ชิงเท่านั้นที่เกิดเรื่องขึ้น แต่ยังมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้ติดตามอีกหลายคน หลังจากนี้ข้ายังต้องตามหาร่างศพของผู้ติดตามเหล่านั้น แล้วร่วมมือกันเพื่อสืบสาวความจริงขั้นสุดท้าย!”
“อันใด! ยังมีเรื่องเกิดกับผู้ติดตามอีกหลายคนหรือ?!”
ปราณศพฉินอี้ตกตะลึง
เกิดอันใดขึ้นกันแน่? เหตุใดถึงเกิดเรื่องขึ้นกับผู้ติดตามมากมายเพียงนี้!
เดิมทีมันคิดว่าที่ฉินอี้เกิดเรื่องขึ้นนั้นเป็นกรณีพิเศษ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ไม่ใช่กรณีพิเศษแต่อย่างใด!
“เข้าใจแล้ว!”
มันไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดอีก
สิ่งที่ร่างศพของมู่ชิงบอกเล่าทำให้มันอดหวาดกลัวไม่ได้ หากมันรู้ความจริงมากกว่านี้ เกรงว่ามันอาจทนรับไม่ไหว
“ไปเถิด”
ร่างศพมู่ชิงกล่าว “ข้าพบร่างศพตี๋เทาแล้ว ตอนนี้มันเองก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงร่างและยกระดับแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปพบดู ให้มันช่วยเจ้าฟื้นฟูและเลื่อนระดับ”
“ตกลง!”
ปราณศพตอบ ก่อนจะเตรียมตัวจากไปพร้อมร่างศพมู่ชิง
อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเอง ร่างของหลี่จิ่วเต้าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ!
เขามองไปที่ร่างศพมู่ชิงและปราณศพฉินอี้ แม้บนใบหน้าจะมีรอยยิ้มอบอุ่น ทว่าในสายตาของร่างศพมู่ชิงและปราณศพฉินอี้แล้ว ช่างดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!
เสียงตู้มดังขึ้น ร่างศพมู่ชิงลงมือทันที ดวงตาสองข้างมีวงล้อสีเลือดเจิดจ้า ตรงเข้าใส่หลี่จิ่วเต้าด้วยต้องการสังหาร!
วงล้อสีเลือดเบ่งบานขยายออก เทียบกับดวงตะวันแล้วยังนับว่าใหญ่โต เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์อันน่าหวาดกลัวแล่นผ่าน หมุนตัวอย่างรวดเร็วสามารถสังหารทุกสิ่งที่ผ่าน
ขณะเดียวกันร่างศพมู่ชิงก็ติดต่อไปยังร่างศพตี๋เทา ร้องขอความช่วยเหลือ
หลี่จิ่วเต้าจมลงไปในทะเลโลหิต แต่กลับไร้ความเสียหายใด ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ธรรมดาเลยสักนิด ไม่อาจประมาทหรือดูแคลนได้เลย!
วงล้อเลือดพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด เร็วเสียจนทำให้คนไม่อาจตอบสนองได้ กระทั่งยอดฝีมือสูงสุดของหลังฉากอย่างพวกประมุขแห่งสรวงสวรรค์ยังถูกสังหารได้ภายในพริบตา
ทว่าหลี่จิ่วเต้าเพียงคิด วงล้อสีเลือดทั้งสองวงก็เปลี่ยนเป็นเชื่องช้าอย่างถึงที่สุดภายในพริบตา กระทั่งหอยทากคลานยังเร็วเสียกว่า เขาโบกมืออีกหนึ่งครั้ง วงล้อเลือดทั้งสองก็ลดขนาดเล็กลงจนเขาสามารถคว้าเอาไว้ในมือได้
จากนั้นชายหนุ่มกำมืออย่างแผ่วเบา แล้วแบมือขึ้นอีกครั้ง วงล้อเลือดทั้งสองกลายเป็นฝุ่นผงไหลลงไปจากมือเขา
“กฎแห่งความเร็ว?!”
รูม่านตาของศพมู่ชิงหดลงอย่างรวดเร็ว คิดว่าหลี่จิ่วเต้าอาจเชี่ยวเชี่ยวชาญในด้านกฎแห่งความเร็วระดับลึกซึ้งจนน่าสะพรึงกลัว สามารถควบคุมความเร็วของทุกสรรพสิ่งได้
มันส่งเสียงกู่ร้อง ไม่มีทางยอมประนีประนอมแต่อย่างใด สำแดงมหาวิชาออกมา
ตู้ม!
ในจักรวาลหมื่นดาราเกิดระเบิดครั้งใหญ่ต่อเนื่องขึ้น อสนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วนถาโถมลงมา อสนีบาตแต่ละเส้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ยังไม่ทันจะฟาดลงมา ดวงดาวนับไม่ถ้วนก็ถูกทำลายกลายเป็นละอองดาว
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือเหล่าอสนีบาตที่โจมตีลงมา รวมกันแปลงเป็นร่างอสูรร้ายที่น่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ ออกมา กู่ร้องแล้วพุ่งตรงเข้าใส่!
ปราณศพฉินอี้มองแล้วตะลึงค้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอสนีบาตสามารถกลายร่างเป็นอสูรร้ายเข้าต่อสู้ได้เช่นนี้ ช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
มันสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างแปลงจากอสนีบาตน่าหวาดกลัวถึงเพียงใด เกรงว่าหากเปลี่ยนเป็นมัน กระทั่งหนึ่งร่างอสูรอสนีบาตก็ยังไม่อาจต้านทานได้!
‘เกรงว่านี่จะเป็นวิชาที่มู่ชิงเชี่ยวชาญ!’
มันเอ่ยในใจด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
วิชาที่สำแดงออกมาทรงพลังน่าหวาดกลัวเกินไป มันคิดว่าจะต้องเป็นวิชาที่มู่ชิงฝึกฝนอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่าความทรงจำของร่างศพมู่ชิงตื่นขึ้นมาไม่น้อย
หลี่จิ่วเต้าเคลื่อนไหว ท่วงท่าสง่างามอย่างถึงที่สุด เขาพุ่งเข้าไปต่อกรกับร่างแปลงอสนีบาตเหล่านั้น ทุกหมัดและเท้าเปี่ยมด้วยพลังอันไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ร่างแปลงอสนีบาตเหล่านั้นระเบิดออกร่างแล้วร่างเล่า
เขาเพลิดเพลินดื่มด่ำไปกันการต่อสู้แบบนี้ ความจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอันใด ในโลกใบนี้เขาสามารถทำลายร่างแปลงอสนีบาตเหล่านั้นได้ด้วยเพียงแค่การคิด!
ตาของร่างศพมู่ชิงเบิกกว้าง บัดซบ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ไร้เทียมทานจริง ๆ นี่เป็นวิชาที่มู่ชิงฝึกฝน ไม่รู้ว่าพิเศษเหนือชั้นอย่างถึงที่สุดเพียงใด ผลกลับทำสิ่งใดเขาไม่ได้สักนิด
“พอแล้ว! จบเรื่องราวทั้งหมดเสีย!”
ร่างศพมู่ชิงยิ้มเย็น ยกมือขึ้นเรียกเจดีย์เก้าชั้นขนาดเล็กออกมา นี่นับได้ว่าเป็นไพ่ตาย มันต้องการจัดการหลี่จิ่วเต้าอย่างรวดเร็ว
เจดีย์เก้าชั้นมีขนาดไม่ใหญ่ ความเก่าแก่ผ่านกาลอย่างยาวนาน ภายในลมหายใจ บนตัวของมันได้รับความเสียหาย แต่ความเสียหายนั้นก็นับว่าไม่ได้มากมาย
“ฆ่า!”
เขาผลักเจดีย์เก้าชั้นออกไป เจดีย์เก้าชั้นขยายใหญ่ขึ้นภายในพริบตา ใหญ่โตเสียยิ่งกว่าดวงดาว เปี่ยมด้วยกฎเกณฑ์พิเศษไหลพล่าน เพียงแค่มองก็ทำให้คนหวาดกลัวได้ถึงที่สุด
นี่ไม่ใช่เจดีย์ธรรมดาทั่วไป แต่เป็นสมบัติที่มู่ชิงถือครองเอาไว้ อยู่บนร่างของมันมาโดยตลอด
ปราณศพฉินอี้เห็นแล้วริษยาเป็นอย่างยิ่ง มันมองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นศาสตราวิเศษของมู่ชิง ร่างศพของมู่ชิงเมื่อเทียบกับมันแล้วถือว่าดีกว่ามาก บนร่างยังมีศาสตราวิเศษหลงเหลือเอาไว้ ส่วนมันกลับไม่มีสิ่งใดเลย หลังจากเกิดจิตสำนึกขึ้นมาแล้ว นับได้ว่าทั้งยากจนและไร้ค่า
เจดีย์เก้าชั้นเปล่งแสงเจิดจ้า ประตูชั้นล่างสุดถูกเปิดออก แสงหลากสีพุ่งออกมาจากด้านในทำลายสิ้นทุกสรรพสิ่ง กระทั่งสายธารปริภูมิเวลายังแหลกลาญ!
“ไม่…ไม่ใช่ปัญหาใหญ่! ไม่เป็นอันใด!”
ห่างออกไปไกลลิบ ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลารำพึงกับตนเอง
สายธารปริภูมิเวลาพังทลายลง เขายังคงบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวร่างศพมู่ชิงอย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ อย่างแน่นอน หากเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ปริภูมิเวลาย่อมไม่ปล่อยไปโดยง่าย จะต้องไล่ล่าอย่างถึงที่สุดแน่นอน
สมาชิกผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาเต็มไปด้วยเหงื่อไหลรินทั่วร่าง ประโยคที่ว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่เป็นอันใด นับเป็นเพียงแค่คำโกหกอย่างเห็นได้ชัด
หลี่จิ่วเต้าประสานสองนิ้วกวัดแกว่งออกไปด้านหน้า ทันใดนั้นแสงกระบี่อันน่าตื่นตะลึงก็พลันปรากฏ บดขยี้แสงหลากสีทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา!
ร่างศพมู่ชิงกัดฟันจนฟันแทบหัก
มันคำรามออกมาเสียงต่ำ จากนั้นก็เปิดประตูเจดีย์ที่เหลืออีกแปดบานออกมา ไม่เชื่อว่าทำเช่นนี้แล้วจะยังไม่สามารถสังหารหลี่จิ่วเต้าได้
ประตูทั้งแปดถูกเปิดออก พลังอันน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจเทียบระเบิดออกมาจากภายใน ทั้งจักรวาลหมื่นดาราสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฉากที่เห็นชวนผวาตะลึงพรึงเพริดสุดขีด
หลี่จิ่วเต้าพุ่งโจมตีไปด้านหน้าด้วยท่วงท่าสง่างาม พลังไร้ที่เปรียบระเบิดออกมา บดขยี้พลังทั้งหมดทิ้ง!
ทั้งยังมีพลังเหลือมากพอจะโจมตีไปยังเจดีย์เก้าชั้นอีกด้วย
พริบตานั้นเองเจดีย์เก้าชั้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ปรากฏรอยแตกขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนอึดใจต่อมาจะพังทลายลง ไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้โดยสิ้นเชิง
“เป็นไปได้อย่างไร?!”
ร่างศพมู่ชิงตกตะลึงอย่างมากจนแทบล้มลงบนพื้น หลี่จิ่วเต้าผู้นี้คือใครกัน? น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
หรือว่าจะเป็นไปตามที่ปราณศพฉินอี้กล่าวเอาไว้จริง หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เทียบเคียงได้กับฉินอี้และมู่ชิง?!
ก่อนนี้มันรู้สึกว่าคำพูดนั้นน่าขันเกินไป ปราณศพฉินอี้ยู่ในช่วงอ่อนแอ และหลี่จิ่วเต้าเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งอันใดปานนั้น
ทว่าผลที่ออกมากลับกลายเป็นว่าเขาคือตัวตลกผู้หนึ่ง ประเมินหลี่จิ่วเต้าต่ำเกินไป
“สหาย ข้ามาแล้ว!”
ตอนนั้นเองความว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว หลุมดำอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้น จากนั้นร่างที่เต็มไปด้วยลมหายใจแห่งความตายไร้ซึ่งชีวิตก็โผล่ออกมา
ร่างศพตี๋เทามาแล้ว!
“ศัตรูคือเขาหรือ? ดูแล้วไม่เห็นเป็นอันใด”
มันมองไปทางหลี่จิ่วเต้าแล้วเอ่ยออกมาอย่างสบาย ๆ
เจดีย์เก้าชั้นถูกทำลายสิ้นจนราวกับไม่เคยปรากฏออกมาก่อน มันมาช้าไปจึงไม่ทันได้เห็นฉากที่เกิดขึ้น
มันเองก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงร่างกายและยกระดับ พลังล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีร่างศพมู่ชิงอยู่ที่นี่ด้วย มันจึงไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่าง
ทว่ามันก็ไม่ได้ประมาท เรียกทวนสีชาดออกมาชี้ตรงไปทางหลี่จิ่วเต้า
มันคิดว่าหากร่วมมือกับร่างศพมู่ชิง การสังหารหลี่จิ่วเต้าไม่น่าใช่ปัญหาแต่อย่างใด ทว่าก็ไม่ได้นำเหตุนี้มาดูแคลนอีกฝ่าย
อย่างไรเสียหากหลี่จิ่วเต้าไม่แข็งแกร่งจริง ร่างศพมู่ชิงคงไม่ต้องเรียกมันให้มาช่วย
อีกด้านหนึ่ง ปราณศพฉินอี้อดอิจฉาไม่ได้เมื่อเห็นทวนในมือร่างศพตี๋เทา
ทวนนี้มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเป็นสมบัติ อีกทั้งยังต้องเป็นของตี๋เทา ร่างศพมู่ชิงมีเจดีย์เก้าชั้น ร่างศพตี๋เทามีทวน ทว่ามันไม่มีสิ่งใดเลย เช่นนี้จะไม่ให้อิจฉาได้อย่างไร
“สหาย เจดีย์ของเจ้าเล่า รีบนำออกมาสังหารศัตรูพร้อมกับข้าเถิด!”
ร่างศพตี๋เทาเอ่ยกับร่างศพมู่ชิง
“สหาย…เจดีย์ไม่มีแล้ว ข้าไม่มีเวลาแจ้งบอกให้เจ้าอย่าได้มา”
ร่างศพมู่ชิงกล่าวขึ้นมาอย่างอับจนหนทาง
“เหตุใดจึงบอกข้าว่าอย่ามาเล่า?”
ร่างศพตี๋เทาถามด้วยความสับสน
“เพราะเจ้ามาก็ตายอย่างไรเล่า!”
เจดีย์เก้าชั้นถูกหลี่จิ่วเต้าทำลายลงอย่างง่ายดาย แน่นอนว่าร่างศพตี๋เทาที่มาพร้อมทวนย่อมไม่อาจทำสิ่งใดได้เช่นกัน!
ร่างศพมู่ชิงรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากรู้เร็วกว่านี้มันคงไม่ติดต่อให้ร่างศพตี๋เทามา
ตอนนี้กระทั่งร่างศพตี๋เทาก็ยังไม่อาจรอดพ้น…