บทที่ 943 ม้าพวกนี้มีปัญหา
บทที่ 943 ม้าพวกนี้มีปัญหา
ฉีซืออี้นั่งยอง ๆ ลงไป แล้วจับปูขึ้นมาตัวหนึ่ง
“อ๊ะ…” นางพลันเจ็บแปลบขึ้นมา
“เป็นอะไรไปหรือ?”
มู่ซืออวี่และซูจือหลิ่วได้ยินเสียงจึงหันไปมอง
สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ตอบ “คุณหนูฉีถูกปูหนีบแล้วเจ้าค่ะ”
“เลือดออกหรือไม่?” ซูจือหลิ่วเอ่ยถาม “รีบเชิญท่านหมอมาเร็ว”
ฉีซืออี้เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
ฉู่หนิงจูใช้ผ้าเช็ดหน้าพันนิ้วที่มีเลือดไหลของนางพลางกล่าวว่า “ซุ่มซ่ามเสียจริง เหตุใดไม่ระวังเพียงนี้?”
ฉีซืออี้กำลังเสียใจจึงถือโอกาสนี้ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
นางตกหลุมรักลู่ฉาวอวี่ตั้งแต่แรกพบ บัดนี้นางรู้แล้วว่าเขามีแม่นางที่พึงใจ เรื่องนี้ทำให้จิตใจว้าวุ่น แน่นอนว่าย่อมไม่ทันได้ระวัง
“ประเดี๋ยวท่านหมอก็จะมาแล้ว ให้ท่านหมอใส่ยาทำแผลให้นางเสียหน่อยเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเจ้านำปูเหล่านี้ไปที่ครัว บอกให้พวกเขาปรุงอาหารส่งมา”
ฉีซืออี้บาดเจ็บ มู่ซืออวี่และซูจือหลิ่วจึงหมดความสนใจที่จะจับปูต่อ
มู่ซืออวี่เดินกลับมา ขณะเดินผ่านสนามม้าก็พบกับสิงเจียซือ
สิงเจียซือพูดจาฉะฉานมีหลักการ สหายที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มแล้วพูดอะไรบางอย่าง ดูเหมือนพวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานทีเดียว
“เจียซือ” มู่ซืออวี่เดินเข้าไป
“พระชายา” สิงเจียซือเห็นมู่ซืออวี่ก็ค้อมคำนับในทันที จากนั้นจึงเอ่ยแนะนำสหายที่อยู่ข้าง ๆ
เมื่อสหายเหล่านั้นได้ยินว่าเป็นพระชายาลู่ แต่ละคนล้วนตื่นเต้นดีใจ
“พระชายาลู่ ข้ารู้จักท่าน ท่านเก่งกาจยิ่งนัก”
ฟังจากสำเนียงแล้ว คนเหล่านี้คงเป็นคนต่างแดน
มู่ซืออวี่ได้ยินเรื่องของสิงเจียซือมาบ้างจึงไม่ประหลาดใจที่มีคนต่างแดนหลายคนอยู่ข้างกายนาง นางพูดคุยกับพวกเขาอย่างเป็นมิตรสองสามคำ ก่อนจะไปจัดการงานของตนเองต่อไป
“รายการอาหารของพวกท่านควรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยกับพ่อครัวในครัว “เท่าที่ข้ารู้ มีเรือนพักผ่อนบนภูเขาเช่นเดียวกับเราผุดขึ้นมาไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะที่นี่ของเราใหญ่ที่สุด ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและทิวทัศน์งดงามที่สุด เกรงว่ากิจการจะไม่ได้ดีเพียงนี้ ตอนนี้ไม่มีผู้ใดเอาชนะเราได้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีในสักวัน อาหารของพวกท่านยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง ย่อมทำให้ขาดความรู้สึกแปลกใหม่ไป”
“พระชายา เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไร…”
“นับตั้งแต่อาหารแปดสกุลไปจนถึงของหวาน ล้วนต้องเปลี่ยน ระยะนี้ข้าว่าง ช่วยออกความคิดให้พวกท่านได้ เอาอย่างนี้ อาหารที่ผู้ใดรังสรรค์ขึ้นมาได้รับเลือกจากข้า ข้าจะเลื่อนตำแหน่งให้เป็นพ่อครัวใหญ่”
ในครัวมีคนงานมากกว่าห้าสิบคน ในนั้นมีคนทำของว่างสิบห้าคน อีกสี่สิบคนรับผิดชอบอาหารแปดสกุล ในบรรดาสี่สิบคนนี้ มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่เป็นพ่อครัวใหญ่ คนที่เหลือหากไม่เป็นพ่อครัวก็เป็นผู้ช่วย
“หลังจากได้ยินคำพูดของมู่ซืออวี่ เหล่าพ่อครัวต่างกระเหี้ยนกระหือรือที่จะลงมือทำ สำหรับพวกเขาแล้วนี่คือโอกาสแสดงความสามารถ จำต้องรู้ว่าหลายปีมานี้มู่ซืออวี่ค่อย ๆ พาตัวเองออกจากการควบคุมกิจการ คราวนี้ที่เข้ามาเรือนพักผ่อนบนภูเขาก็เพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น หากพลาดโอกาสนี้ไป เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ว่าผู้ใดจะสามารถเลื่อนขั้นจากเถ้าแก่ด้วยอาหารเพียงจานเดียวเสียหน่อย”
ในครัวยุ่งเป็นอย่างยิ่ง มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน ตอนที่นางกลับมาจากครัวก็เป็นเวลาดึกแล้ว นางจึงให้บ่าวรับใช้นำปูของโปรดของซูจือหลิ่วมา จัดงานเลี้ยงปูสังสรรค์กับซูจือหลิ่วก่อนไปพักผ่อน
เช้าตรู่วันถัดมา มู่ซืออวี่ที่แต่งกายเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่หน้ากระจก นางเห็นสาวใช้เดินนำผู้ดูแลสนามม้าเข้ามา
“เช้าเพียงนี้ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“แม่นางสิงไปที่สนามม้าแต่เช้าตรู่ ยืนกรานจะตรวจดูอุจจาระม้าให้ได้ขอรับ ข้าน้อยไม่อาจทัดทานจึงปล่อยให้นางดู นางพูดว่า…”
“นางพูดอะไร?”
“นางบอกว่าม้าของเราป่วยต้องได้รับการรักษา ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายขอรับ” คนงานในสนามม้ากล่าว “ข้าน้อยเป็นกังวลจึงให้คนงานที่รับผิดชอบดูแลม้าไปตรวจดู ม้าเหล่านั้นกินได้ตามปกติ สภาพอารมณ์ก็ไม่เลว ไม่เหมือนป่วยเลยขอรับ”
“หมอสัตว์เล่า?”
“หมอสัตว์ก็ไม่พบปัญหาขอรับ”
“เจ้าลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าแม่นางสิงผู้นั้นทำอะไร”
“เมื่อวานนี้แม่นางสิงไปยังสนามแข่งม้า เล่นเสร็จสักพักก็มองดวงตาม้า แล้วป้อนน้ำให้ม้า จากนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไร พอรุ่งสางวันนี้นางกลับมาอีกครั้ง มาตรวจดูอุจจาระม้า แล้วจึงบอกว่าม้าป่วย หากเราไม่รักษาพวกมัน และปล่อยให้แขกไปขี่ม้าจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขอรับ”
“แม่นางสิงยังอยู่ที่สนามม้าหรือไม่?”
“ขอรับ”
“ได้ ข้าจะไปที่นั่นประเดี๋ยวนี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าขอให้นางรอข้าอยู่ที่นั่นสักประเดี๋ยว”
“ขอรับ”
สิงเจียซือลูบม้าเบา ๆ กำฟางที่อยู่บนพื้นขึ้นมาให้มันกิน
เมื่อมู่ซืออวี่ไปถึง นี่คือภาพที่นางเห็น
“แม่นางสิง”
“พระชายา” สิงเจียค้อมคำนับ แล้วแสดงความคิดเห็นของนางอย่างตรงไปตรงมา “ข้ารู้ว่าม้าเหล่านี้ดูเหมือนจะอารมณ์ปกติดี ทั้งยังกินได้ ดูไม่เหมือนว่ากำลังป่วย แต่เชื่อข้าเถิด ตาของม้าตรงนั้นแดงอยู่เล็กน้อย อีกทั้งในอุจจาระของมันก็มีพยาธิ นั่นหมายความว่ามันป่วยอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุของโรค คงมาจากการกินของที่ไม่สะอาดทำให้ม้าเกิดอาการเช่นนี้”
“ข้าเชื่อเจ้า แม่นางสิง”
“พระชายาไม่ตรวจดูหรือเจ้าคะ?” สิงเจียซือกำลังเตรียมคำพูดยืดยาวเพื่อโน้มน้าวใจมู่ซืออวี่
“ข้าได้ยินจากลูกน้องว่าเจ้าสังเกตม้าเหล่านี้มาตั้งแต่เมื่อวาน เช้านี้จึงตรงมาที่นี่เพื่อยืนยันการคาดเดาของตนเองตั้งแต่รุ่งสาง จึงมั่นใจแล้วถึงแปดส่วน เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้ามา เจ้ากำลังตรวจดูตาของม้าเหล่านี้ ยังมีที่เจ้าอธิบายอาการของม้า ข้าดูตาม้าแล้ว เป็นจริงดังที่เจ้ากล่าว นอกจากนี้ เจ้าเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ มากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งยังไปชนเผ่าที่นับว่าอาศัยอยู่บนหลังม้า ดังนั้นความเข้าใจของเจ้าที่มีต่อม้าย่อมลึกซึ้งกว่าผู้อื่น”
“ขอบคุณพระชายาที่เชื่อใจเจ้าค่ะ”
“แม่นางสิงหาสาเหตุได้ เช่นนั้นจะช่วยข้าแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่? เพื่อเป็นการตอบแทน คนที่เจ้าพามาภายหน้าล้วนเป็นแขกคนสำคัญของเรา จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุดจากเรา”
“พระชายาไว้วางใจเจียซือได้เลยเจ้าค่ะ เจียซือยินดีที่จะจัดการเรื่องนี้ลุล่วงให้จงได้เจ้าค่ะ” สิงเจียซือกล่าว
“ได้ เช่นนั้นก็รบกวนแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ คงต้องขอตัวก่อน”
หลังจากมู่ซืออวี่ออกจากสนามม้าแล้ว นางก็กำชับกับผู้ดูแลและให้ความร่วมมือกับสิงเจียซืออย่างเต็มที่ หากอีกฝ่ายต้องการสิ่งใดก็จัดหาให้นาง
“พระชายา ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เราเพิ่งขายม้าชุดหนึ่งให้กับแม่ทัพฉีขอรับ”
“แม่ทัพฉี? แม่ทัพฉีคนใด?”
“เป็นแม่ทัพฉีเซียวขอรับ”
“ตอนนี้มีแม่ทัพฉีสองคนแล้ว ต่อไปก็ให้เรียกเขาว่าใต้เท้าฉีเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ขายม้าไปกี่มากน้อย?”
“ยี่สิบตัวขอรับ”
“เอาละ ข้าทราบแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเจ้าดูแลฮูหยินรองให้ดี ข้าต้องออกไปข้างนอกสักเที่ยว”
ณ กรมกลาโหม ฉีเซียววาดวงกลมลงบนบันทึก แล้วโยนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ใต้เท้า นี่คือ…”
“ที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ เจ้าไปตรวจสอบโดยด่วน”