หลี่โม่ตกใจมาก และยิ่งอยู่ยิ่งแปลกใจกับสัตว์ประหลาดขนมากขึ้น ไอ้จางเต๋ออู่นี่ ไปเอาสัตว์ปีศาจพวกนี้มาจากไหนกัน
สัตว์ประหลาดขนตัวนั้นคำรามไม่หยุด ทุกครั้งล้วนใช้กำลังทั้งหมด กำลังในการทำลายล้างสูงมาก
เมื่อหลี่โม่รับรู้ว่าสัตว์ประหลาดขนมีแค่ตัวนี้ตัวเดียว เขาถึงได้สบายใจขึ้นมาหน่อย ถ้าหากว่ามีสัตว์ประหลาดขนแบบนี้อยู่ในทุกห้อง นั่นก็คงจะปวดหัวมาก
เพื่อที่จะได้ออกจากที่นี่เร็วหน่อย เขาจึงทำได้เพียงรีบสู้รีบจบ เขาเตะเข้าที่ตัวของสัตว์ประหลาดขนตัวนั้น สัตว์ประหลาดขนตัวนั้นก็เจ็บจนกระเด็นออกไป ท่าทางน่าอนาถอย่างมาก
สัตว์ประหลาดขนตัวนั้นส่งเสียงครวญคราง จนสุดท้ายก็ไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้น
พ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงตกใจกับพลังประหลาดของหลี่โม่ ในใจพวกเขามีคำถามมากมายอยากจะถาม แต่ว่าตรงหน้านั้นรีบร้อนเกินไป หลี่โม่พาตัวทั้งสองคนวิ่งหนี
เมื่อสายตรวจพวกนั้นเห็นหลี่โม่ สีหน้าก็ตกใจในทันใด ในมือต่างก็หยิบเอาอาวุธของตัวเองออกมา หลี่โม่หันหน้าไปพูดว่า “พวกคุณตามผมไว้ อย่าออกห่างละ”
พ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงนึกถึงพลังที่หลี่โม่แสดงให้เห็นเมื่อกี้แล้ว พวกเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายสามารถพาพวกเขาหนีไปได้ บวกกับที่อีกฝ่ายพูดถึงชื่อของลูกสาวพวกเขา มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นเพื่อนของลูกสาวพวกเขา
หลังจากที่หลี่โม่ตีคนพวกนั้นสลบอย่างง่ายดายแล้ว ถึงได้พาพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงขึ้นรถ ทันใดนั้น เขาเห็นทะเบียนรถหนึ่งที่พิเศษ
หลี่โม่จับตัวคนคนหนึ่งมาถามว่า “รถคันนี้เป็นของใคร?”
“ของจางเต๋ออู่ครับ” คนคนนั้นรีบตอบกลับ
เมื่อหลี่โม่ได้รู้แล้ว มุมปากก็ยกยิ้ม เขาวิ่งไปเอาระเบิดติดตั้งรถวางไว้ด้านใน การเริ่มการทำงานมีสองวิธี หนึ่งคือกดปุ่มกด อีกอย่างหนึ่งคือการสตาร์ตรถ แล้วระเบิดก็จะระเบิดขึ้น
แน่นอนว่าเขาเลือกอย่างหลัง เริ่มทำงานทันที ไม่แน่ปลาอาจจะไม่ติดกับ เหยื่อก็ถูกกินไปก่อนแล้ว
เมื่อหลี่โม่ทำทุกอย่างพวกนี้เสร็จแล้ว ถึงได้ให้พ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงขึ้นรถ พ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ ในใจก็รู้สึกหวาดกลัว พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังฝันไป ก่อนหน้านั้นพวกเขายังได้รับการทรมานอย่างไม่ใช่คน แต่ตอนนี้กลับหนีออกมาจากนรกได้แล้ว
“นายเป็นเพื่อนของลูกสาวฉันงั้นหรอ?” พ่อของเฉินเสี่ยวถงพูดอย่างสงสัย เขากลัวมากว่าจะตกเข้าไปอยู่ในมือของคนร้ายอีก ดังนั้นจึงต้องถามให้ชัดเจน
“ผมเป็นเพื่อนของลูกสาวคุณ คุณสบายใจได้ ผมไม่มีทางทำร้ายพวกคุณแน่นอนครับ” ประโยคเดียวของหลี่โม่ ทำเอาพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงสบายใจในทันที
เขาพาพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงตรงกลับบ้าน เฉินเสี่ยวถงกำลังนั่งดูทีวีบนโซฟา ในใจเอาแต่ไม่มีความสุขอยู่ตลอด
หลี่โม่พาพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงเดินเข้าในบ้าน เฉินเสี่ยวถงมองไปยังหน้าประตู เมื่อเธอเห็นคนสองคนที่คุ้นเคยที่อยู่ด้านหลังหลี่โม่ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาในทันที เธอรีบเข้าไปกอดพ่อแม่ของตน
พ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงเมื่อเห็นว่าลูกสาวของตัวเองไม่เป็นอะไร ก็ร้องไห้ดีใจ ทั้งสามคนกอดกันอยู่นานไม่ยอมปล่อย พูดตามจริง เมื่อหลี่โม่เห็นอย่างนี้แล้วก็มีความตื้นตันใจเล็กน้อย
เมื่อกู้หยุนหลันเห็นภาพนี้ ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่คิดเลยว่านายจะทำสำเร็จเร็วขนาดนี้ ก็ว่าทำไมถึงได้กลับดึก”
หลี่โม่พูดนิ่งๆว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเป็นใครกัน”
กู้หยุนหลันกลอกตา อย่างมากเธอก็แค่พูดชมหลี่โม่ประโยคเดียว แต่อีกฝ่ายกลับลอยไปแล้ว เธอกลอกตาใส่อีกฝ่าย และก็ไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับอีกฝ่าย
เฉินเสี่ยวถงเช็ดน้ำตา มองหลี่โม่อย่างตื้นตัน ในใจมีคำพูดขอบคุณมากมาย แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง ยังไงซะ ความรู้สึกของเธอตอนนี้ดีใจอย่างมาก
“พี่หลี่โม่ ต่อไปถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย ฉันจะช่วยนายทุกอย่างเลย” เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างจริงจัง
ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คนอื่นคงจะรีบตอบตกลง แต่หลี่โม่กลับทำตัวไม่ถูก กู้หยุนหลันยังมองอยู่ข้างๆอยู่เลย ถ้าหากว่าเขาตอบตกลง ก็จะเป็นการทำให้กู้หยุนหลันหึงหวงนะสิ
“พูดมากขนาดนี้ทำไมกัน มองโลกในแง่ดีหน่อย” หลี่โม่พูดปลอบใจทีหนึ่ง
เฉินเสี่ยวถงถามสารทุกข์สุกดิบกับพ่อแม่สักพัก จากนั้นก็พูดว่า “พ่อแม่คะ พวกคุณพักที่นี่สักช่วงก่อนเถอะ”
“คงจะไม่ค่อยดีมั้ง” เมื่อพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงได้ฟังอย่างนั้นแล้ว ก็โบกมืออย่างเกรงใจ หลี่โม่สามารถช่วยพวกเขาออกมาได้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณมากแล้ว ตอนนี้ยังจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านอีกฝ่ายอีกช่วงหนึ่ง พวกเขาเกรงใจมากจริงๆ
“คุณลุงคุณป้าครับ พวกคุณอย่าเกรงใจเลย ถือว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเถอะครับ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม
“หลี่โม่ ใครให้ความกล้ากับนายพูดแบบนี้ออกมา นายเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้งั้นหรอ?” ในตอนนี้เอง หวังฟางเดินออกมา น้ำเสียงประชดประชันอย่างมาก
เธออนุญาตให้เฉินเสี่ยวถงเข้ามาอยู่ก็ดีมากแล้ว ตอนนี้ยังโผล่มาอีกสองคน สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมาก เธอคิดว่าพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงมาเพื่อเอาเปรียบ เธอไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาพักที่บ้านของตัวเองไปทั่ว
“แม่คะ แม่พูดอะไรเนี่ย เฉินเสี่ยวถงเป็นเพื่อนของหนู แล้วตอนนี้พ่อแม่ของเพื่อนหนูก็เป็นแบบนี้ หนูจะนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไงกัน” กู้หยุนหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าหวังฟางเย็นชาเกินไปแล้ว
เธอไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะเฉียบขาดขนาดนี้ เมื่อเธอเห็นว่าพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงตกอับขนาดนี้ ก็รู้สึกใจอ่อน ตัดสินใจจะรั้งพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงไว้
ทันใดนั้นหวังฟางก็เริ่มนอนลงกับพื้นแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาโวยวายว่า “หยุนหลัน แกยังมีแม่คนนี้อยู่มั้ย แกจะฟังฉัน หรือว่าฟังไอ้ขยะนั่น”
“แม่คะ ไม่ว่ายังไง คฤหาสน์นี้ก็เป็นของหลี่โม่” กู้หยุนหลันเองก็จัดการกับแม่ตัวเองไม่ไหว
หวังฟางรีบหาเรื่องหลี่โม่ว่า “หลี่โม่ ถ้าหากว่านายให้พวกเขาเข้ามาอยู่ ฉันก็จะพาลูกสาวของฉันไปจากที่นี่”
หลี่โม่คิ้วขมวด เขาไม่ชอบถูกคนอื่นข่มขู่
“หึ วันนี้ถ้าไม่ใช่พวกมันสองคนออกไป ก็ฉันออกไป” หวังฟางพูด
หลี่โม่ไม่ได้ขัดขวาง แต่กลับเดินไปหาพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงและพูดว่า “คุณลุงคุณป้าครับ ช่วงนี้พวกคุณพักที่นี่ไปก่อนเถอะครับ”
เดิมทีพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงก็เกรงใจอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นว่าเรื่องราวกลายเป็นแบบนี้เพราะตัวเอง ก็ยิ่งรู้สึกละอายมาก
เฉินเสี่ยวถงและกู้หยุนหลันต่างก็แนะนำ พ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงถึงได้อยู่ต่อ
เมื่อหวังฟางเห็นว่าหลี่โม่และกู้หยุนหลันต่างก็ไม่ห้ามเธอ เธอก็รู้สึกไม่พอใจ เมื่อวิธีนี้ที่ใช้เมื่อไหร่ก็ชนะนั้นใช้ไม่ได้แล้ว เธอก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ตามใจพวกนาย ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
เธอไม่ยอมไปจากที่นี่หรอก ถ้าหากว่าเธอไปแล้ว ก็ขาดทุนแย่สิ คนที่ต้องไปควรจะเป็นคนนอกสองคนนั้นถึงจะถูก
หลี่โม่ไปจัดการห้องพักให้เฉินเสี่ยวถงคู่แม่ลูก กู้หยุนหลันเองก็ดูออกว่าคุณแม่นั้นโมโหจริงๆ จึงพูดว่า “แม่ค่ะ แม่ฟังหนูพูด ถ้าหากว่าพวกเขาออกไป ก็จะมีอันตราย”
“อันตรายอะไรกัน”
เดิมทีกู้หยุนหลันอยากจะบอกที่มาที่ไปออกมาให้ฟัง แต่กลัวว่าถ้าพูดออกมาแล้วอีกฝ่ายไม่เชื่อ บวกกับ เธอเองก็รู้ว่าตัวตนของหลี่โม่ห้ามเปิดเผยออกมาง่ายๆ จึงทำได้เพียงแค่เงียบ