สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 950 ข้อพิพาทในงานเลี้ยง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 950 ข้อพิพาทในงานเลี้ยง

บทที่ 950 ข้อพิพาทในงานเลี้ยง

หรงซื่อ ภรรยาของเจียงหว่านเฉินอาการไม่สู้ดีนัก การพานางไปรักษาในทันทีคือเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้

ฉู่หนิงจูจัดเตรียมให้บ่าวรับใช้อุ้มหรงซื่อหรือฮูหยินเจียงไปยังห้องรับรองแขก จากนั้นจึงขอให้หมอหลวงผู้ชำนาญด้านโรคสตรีไปที่นั่น เมื่อครู่นี้ฉุกละหุกจนเกินไปจึงเชิญหมอประจำจวนมา บัดนี้เมื่อหมอประจำจวนคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ คนเจ็บแล้ว พวกเขาจึงไปเชิญหมอหลวงมา

ถึงแม้ว่าจะมีเพียงความหวังริบหรี่ ทว่าทั้งสกุลเจียงและสกุลโม่ต่างก็หวังว่าจะรักษาเด็กในท้องไว้ได้

หลังจากที่ฉู่หนิงจูจากไปแล้ว เรื่องทะเลาะเบาะแว้งเมื่อครู่นี้ก็ถูกนำขึ้นมาพูดคุยกันในที่เกิดเหตุ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ฮูหยินโม่และฮูหยินเจียงเดิมทีเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”

“นั่นไม่ควรมีความสัมพันธ์ดีต่อกันหรือ?”

“เป็นเพราะความสัมพันธ์ไม่ดีอย่างไรเล่า พบกันทีไรเป็นต้องทะเลาะกันอยู่ร่ำไป ครานี้นึกไม่ถึงว่าจะกระทบต่อเด็กในท้องฮูหยินเจียงด้วย”

ฮูหยินเจียงและฮูหยินโม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ลูกในท้องจึงพลอยถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉู่หนิงจูทำได้เพียงให้บ่าวรับใช้ของนางรายงานเรื่องนี้ต่อฉีเจิน ฉีเจินจึงรีบรุดมาพร้อมกับเจียงหว่านเฉินและโม่ชิงเหยียน

“เกิดอะไรขึ้น?” โม่ชิงเหยียนหันไปมองอวิ๋นซื่อซึ่งเป็นภรรยา

อวิ๋นซื่อกล่าวทั้งน้ำตา “ข้าไม่ได้แตะต้องนางจริง ๆ นางยืนไม่มั่นคงเอง”

โม่ชิงเหยียนขมวดคิ้ว

เจียงหว่านเฉินเอ่ยถามท่านหมอ “เด็กเป็นอย่างไรบ้าง?”

หมอหลวงกล่าว “เด็กรักษาไว้ไม่ได้แล้ว”

“ฮูหยินเล่า?”

“ข้าน้อยต้องการทำความสะอาดทารกที่เหลืออยู่ในท้องของฮูหยิน เช่นนี้อีกหนึ่งปีครึ่งก็จะฟื้นตัวขอรับ”

“รบกวนท่านหมอหลวงแล้ว”

ทุกคนออกมาจากห้อง

โม่ชิงเหยียนเอ่ย “ใต้เท้าเจียง เรื่องฮูหยินของท่าน ข้าขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ข้าจะตรวจสอบให้ชัดเจน ถึงตอนนั้นจะมอบคำอธิบายให้”

เจียงหว่านเฉินเอ่ยเรียบ ๆ “ข้าจะรอคำอธิบายจากท่าน”

คนอื่น ๆ ล้วนไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดอีก

ฉีเจินเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “ทุกท่านสงบใจเถิด ข้าเชื่อว่าฮูหยินโม่ไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ นอกจากนั้น เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว กังวลไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเราไปดื่มสุราสักสองสามจอก ดับความโกรธในใจเถิด”

“ไม่ต้องแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่ดูแลฮูหยิน” เจียงหว่านเฉินเอ่ย “หลังจากฮูหยินของข้าฟื้นขึ้นมา นางจะต้องทนรับความจริงครั้งนี้ไม่ไหวอย่างแน่นอน หากข้าอยู่กับนาง นางอาจรู้สึกดีขึ้น”

“เช่นนั้นพวกเราก็…” ฉีเจินมองคนอื่น ๆ

โม่ชิงเหยียนเอ่ย “ข้ากับฮูหยินจะรออยู่ด้านนอก รอฮูหยินเจียงฟื้นขึ้นมา ข้าและฮูหยินจะกล่าวขอโทษนางด้วยตนเอง”

ฮูหยินผู้เฒ่าหลายคนล้วนอารมณ์ไม่ดี ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงและฮูหยินผู้เฒ่าโม่ซึ่งเดิมทีความสัมพันธ์ไม่เลว ครานี้กลับบาดหมางกัน มีสีหน้าเยือกเย็นตลอดเวลา

บรรยากาศทั่วทั้งห้องอึมครึมเป็นอย่างยิ่ง

ฉีเจินขอให้ฉู่หนิงจูพาฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองคนกลับไปทานอาหาร ส่วนเขาจากไปพร้อมกับแขกบุรุษอีกสองสามคน

แน่นอนว่าหมอหลวงต้องรั้งอยู่ที่นี่เพื่อดูแลฮูหยินเจียง

ข้างนอกห้อง โม่ชิงเหยียนพาฮูหยินโม่ไปยังมุมหนึ่ง

“เจ้าเล่าเรื่องเมื่อครู่นี้ให้ข้าฟังเถอะ อย่าได้ปิดบังสิ่งใด”

“ข้ากับญาติผู้พี่ทะเลาะเบาะแว้งกันตลอด ท่านก็รู้ ปกติแค่เพียงทะเลาะกันไม่กี่คำ วันนี้เราก็ทะเลาะกันเพียงไม่กี่คำเช่นเคย ส่วนเรื่องที่ทะเลาะกันนั้น ไม่ต้องกล่าวถึง…”

“กล่าวมา”

“เอ่อ…”

“พูด”

“มีฮูหยินผู้หนึ่งเอ่ยถึงคุณหนูใหญ่ลู่ บอกว่าคุณหนูใหญ่ลู่ใกล้จะกลับมาอาณาจักรฮุ่ยแล้ว ญาติผู้พี่ของข้ากล่าวว่า… คุณหนูใหญ่ลู่กลับมาแล้ว ในใจท่าน…”

โม่ชิงเหยียน “…”

เขานึกไม่ถึงว่าจะเกี่ยวข้องกับตน

“เจ้าตอบว่าอย่างไร?”

“ข้าตอบกลับไปว่า… เจ้าก็อย่าได้ชะล่าใจเร็วเกินไปนัก ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าใต้เท้าเจียงตอนนั้นก็ไปสู่ขอทาบทามกับสกุลลู่หากแต่ถูกปฏิเสธ…”

“เจ้า…”

สตรีโง่งมสองคนนี้!

เหตุใดตอนนั้นเขาจึงเชื่อฟังการจัดแจงของครอบครัว แต่งกับสตรีที่โง่เขลาเพียงนี้กันนะ?

ยังมีเจียงหว่านเฉิน…

พวกเขาช่างมีหัวอกเดียวกันจริง ๆ

“เจ้าอยู่ที่นี่ อย่าได้ไปที่ใด” โม่ชิงเหยียนหมุนกายเดินกลับเข้าไปในห้อง

เขาพูดคุยกับเจียงหว่านเฉินอยู่ข้างในสองสามคำ ส่วนพูดคุยสิ่งใดนั้น อวิ๋นซื่อไม่กล้าแอบฟัง

ไม่นานนักโม่ชิงเหยียนก็ออกมา

“พวกเราไปเถอะ!” โม่ชิงเหยียนเอ่ยเรียบ ๆ

“ท่านไม่ได้บอกว่าต้องรอให้นางฟื้นหรือ?” อวิ๋นซื่อเอ่ยถาม

“ไม่จำเป็นต้องรอแล้ว” โม่ชิงเหยียนเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดฝีเท้าแล้วหันมามองนางด้วยสายตาเย็นชา “ภายหน้าอย่าได้โง่เชลาเช่นนี้อีก สถานะของคุณหนูใหญ่ลู่เป็นอย่างไร เจ้าคงกระจ่างแจ้งแก่ใจ หากเรื่องเหลวไหลเหล่านั้นเล่าลือออกไป ไม่ใช่เพียงอาณาจักรเฟิ่งหลินเท่านั้นที่จะไม่เอาพวกเจ้าไว้ สกุลลู่ก็จะจัดการพวกเจ้าเช่นกัน ข้าขอเจ้าเพียงอย่างเดียว นั่นคืออย่าได้สร้างปัญหาให้ข้า”

“ข้ารู้ความผิดแล้ว ตอนนั้นข้าเพียงโมโหจึงเอ่ยคำพูดโง่งมเหล่านั้นออกไป กล่าวออกไปแล้วข้าจึงได้นึกเสียใจในภายหลัง”

“บางครั้งเจ้าอาจไม่มีแม้แต่โอกาสได้เสียใจด้วยซ้ำ”

“ท่านพี่ ท่านอย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ”

“ไม่ว่าอย่างไร เรื่องฮูหยินเจียงสูญเสียลูกในท้องของนางก็เกี่ยวข้องกับเจ้า ต่อไปนางจะต้องเกลียดชังเจ้าอย่างแน่นอน ภายหน้าเจ้าควรอยู่ห่าง ๆ อย่าได้ปล่อยให้นางจับจุดอ่อนเจ้าได้จะดีที่สุด”

“ได้”

“นอกจากนี้ ข้าขอเตือนเจ้า เรื่องเก่า ๆ เหล่านั้นอย่าได้เอ่ยถึงอีก อายุเจ้าก็ไม่ใช่แม่นางน้อยแล้ว ควรรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดสำคัญสิ่งใดไม่สำคัญ”

“ข้าขอโทษ”

เมื่อหรงซื่อฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ตรงท้องนั้นปวดมากที่สุด

“ท้องข้า… ลูก… ลูกของข้าเล่า?”

เจียงหว่านเฉินยืนอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อได้ยินเสียงจากทางด้านหลังจึงหมุนตัวกลับไปมอง

“ลูกไม่อยู่แล้ว”

“ไม่อยู่แล้วหรือ?” หรงซื่อพลันตื่นตระหนก นางลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “โอ๊ย… เจ็บ…”

“หมอหลวงเพิ่งทำความสะอาดทารกในร่างกายเจ้าไป เจ้านอนลงจะดีกว่า อย่าได้ขยับเขยื้อน” เจียงหว่านเฉินเอ่ยด้วยท่าทีสงบ

“ลูกของข้า… เป็นอวิ๋นซื่อ! นี่เป็นความผิดนาง ลูกของเราไม่อยู่แล้ว เหตุใดท่านถึงได้เย็นชาเพียงนี้?” ดวงตาหรงซื่อแดงก่ำ นางเอ่ยขึ้นมาด้วยความโกรธ

“เหตุใดลูกจึงไม่อยู่แล้ว ต้องให้ข้าช่วยเตือนเจ้าหรือไม่?” เจียงหว่านเฉินจ้องนางนิ่ง ๆ

“ท่าน… ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

“หมายความว่า…” เจียงหว่านเฉินจ้องนาง “หมอหลวงบอกว่าเดิมทีทารกในครรภ์ของเจ้าก็ไม่แข็งแรง มีสัญญาณบ่งบอกถึงการตกเลือดเมื่อไม่กี่วันก่อน หากเจ้าดูแลทารกในครรภ์ให้ดี ย่อมสามารถรักษาเอาไว้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าสุขภาพร่างกายอ่อนแอสร้างปัญหา บัดนี้ทารกจากไปแล้ว ฮูหยินอวิ๋นมีความผิด แต่ความผิดของเจ้ากลับใหญ่หลวงยิ่งกว่า”

“ไม่ หมอหลวงพูดจาเหลวไหล ก่อนหน้านี้ลูกของข้ายังอยู่ดี เป็นอวิ๋นซื่อที่ทำร้ายข้า…”

“ฮูหยิน อย่าได้ท้าทายความอดทนของข้า” เจียงหว่านเฉินเอ่ย “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ จะส่งคนมารับเจ้ากลับไปภายหลัง”

“ท่านพี่… ท่านอย่าไป…” หรงซื่อเห็นว่าเจียงหว่านเฉินโกรธจึงคิดจะรั้งเขาไว้ ทว่าเจียงหว่านเฉินไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ

เจียงหว่านเฉินเดินออกมาจากห้องแล้วถอนหายใจเบา ๆ

ความจริงหมอหลวงไม่ได้เอ่ยเรื่องเหล่านั้นแม้แต่น้อย คำพูดเมื่อครู่นี้จึงทำให้นางตกใจ เหตุที่เขากล่าวเช่นนั้นเป็นเพราะจำได้ว่าไม่กี่วันมานี้สีหน้านางไม่สู้ดีนัก สาวใช้ที่คอยปรนนิบัตินางบอกว่านางมักจะปวดท้องอยู่บ่อย ๆ เจียงหว่านเฉินจึงคาดเดาว่าเด็กในท้องของนางแสดงสัญญาณของการตกเลือด ครานี้เป็นโชคร้ายของฮูหยินอวิ๋น ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

สามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน หากโม่ชิงเหยียนไม่บอกเขาว่าสาเหตุที่พวกนางทะเลาะกันคือลู่จื่ออวิ๋น เจียงหว่านเฉินคงจะยืนหยัดเพื่อนาง อย่างไรก็ตาม หรงซื่อไม่ควรรื้อฟื้นเรื่องของลู่จื่ออวิ๋นขึ้นมาอีก ไม่ควรเลยจริง ๆ

ลู่จื่ออวิ๋นล้วนเป็นอดีตสำหรับเขาและโม่ชิงเหยียน เพียงแต่นางเป็นคนพิเศษที่ไม่ควรไปแตะต้อง สตรีขี้หึงสองคนรื้อฟื้นเรื่องของนางมาเอ่ย นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ

หลายปีมานี้ เขาก็ดี โม่ชิงเหยียนก็ดี ไม่เคยรับอนุเข้ามาและทุ่มเทให้กับเรื่องในราชสำนักเพียงอย่างเดียว เป็นพวกเขาที่ยึดติดกับเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนแต่งงานไม่ยอมปล่อยวาง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท