บทที่ 961 ปฏิเสธดอกท้อ
บทที่ 961 ปฏิเสธดอกท้อ
“ใต้เท้าลู่” หยางเซียงจวินหยุดฝีเท้าตรงหน้าลู่ฉาวอวี่ “ไม่รู้ว่าท่านชอบของว่างอะไร ข้าจะได้ให้พ่อครัวเตรียมให้”
“ข้าไม่ชอบของหวาน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “ไม่รบกวนคุณหนูหยางแล้ว”
“เช่นนั้นใต้เท้าชอบ…”
“หากคุณหนูหยางไม่มีเรื่องแล้ว…” ลู่ฉาวอวี่คิดจะไล่คน
หยางเซียงจวินหยิบพัดออกมาจากแขนเสื้อ ประคองส่งให้ลู่ฉาวอวี่ “ก่อนหน้านี้ไม่นานข้าเห็นพัดเล่มนี้ คิดว่าใต้หล้ามีเพียงใต้เท้าลู่ที่คู่ควรกับมันจึงอยากมอบมันให้ใต้เท้า”
“ไร้ผลงานไม่รับของตอบแทน คุณหนูหยางเก็บกลับไปเถอะ!” ลู่ฉาวอวี่ไม่ยอมรับของมา
“ใต้เท้า…” หยางเซียงจวินเห็นว่าลู่ฉาวอวี่กำลังจะผละไปจึงไปยืนขวางหน้า “ใต้เท้าจะต้องให้ข้ากล่าวชัดเจนเพียงนั้นหรือ? ข้าชื่นชมใต้เท้า ยินดีแต่งให้ใต้เท้า ไม่ว่าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุก็ย่อมได้”
หลังจากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกไปแล้ว แววตาของลู่ฉาวอวี่พลันฉายแววประหลาดใจ
สถานะของหยางเซียงจวินไม่ธรรมดา ถึงแม้สกุลลู่จะอยู่ในจุดสูงสุด ทว่าก็ไม่มีเหตุผลให้แต่งท่านหญิงผู้หนึ่งเป็นอนุ นางกดตนเองลงต่ำเช่นนี้ ลดศักดิ์ศรีของสตรีนางหนึ่งลง ราวกับกำลังบีบบังคับเขา
“คุณหนูหยางโปรดระวังวาจา ชื่อเสียงของสตรีล้ำค่า จะต้องระมัดระวังคำพูด” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ข้าน้อยไม่มีความตั้งใจจะแต่งงาน ทำได้เพียงปฏิเสธความหวังดีของท่านแล้ว คุณหนูหยางจะต้องหาคนรักที่ดีกว่านี้ได้อย่างแน่นอน”
“ใต้เท้าลู่เชื่อคำพูดของตนหรือ? มองดูทั่วทั้งเมืองหลวงนี้สิ นอกจากใต้เท้าลู่แล้ว มีผู้ใดดีกว่าท่านอีก?” หยางเซียงจวินมองเขาอย่างไม่ยอมแพ้ “ข้า หยางเซียงจวินต้องการแต่งงานกับบุรุษที่ดีที่สุด”
“คุณหนูหยางมีความคิดเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดี ข้าหวังว่าท่านจะได้พบบุรุษที่ดีที่สุดโดยเร็วที่สุด” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “สำหรับข้าน้อย ไม่อาจเรียกได้ว่าดีที่สุด ดังนั้นคนผู้นั้นย่อมไม่ใช่ข้า”
หยางเซียงจวินเป็นบุตรสาวสกุลขุนนางที่ถูกประคบประหงมมาอย่างดี ถูกตามใจมาโดยตลอด หลายปีที่ผ่านมาไม่มีของที่นางต้องการแล้วไม่ได้ เมื่อมาพบกับลู่ฉาวอวี่ ด้วยอำนาจของสกุลลู่แล้ว นางจึงไม่กล้าบีบคั้นเขามากเกินไป ต้องการให้เขาประทับใจต่อนางจากใจจริง อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ไว้หน้านางเช่นนี้ ปฏิเสธความรู้สึกของนางครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องนี้ทำให้สีหน้าของหยางเซียงจวินไม่น่าดูชมขึ้นทุกที
ลู่ฉาวอวี่หมุนตัวจะจากไป
หยางเซียงจวินร้องอุทานขึ้นมาและล้มลงไปทางลู่ฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่เองก็ได้ยินเสียงจึงหมุนตัวกลับมา พลันเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง เมื่อเห็นว่าหยางเซียงจวินใกล้จะล้มลงแทบเท้าตน มือคู่หนึ่งก็โผล่ออกมาจากด้านหลังและช่วยประคองนางเอาไว้
“เซียงจวินระวัง!” สิงเจียซือมีสีหน้าเป็นกังวล “บนพื้นมีตะปู หากท่านล้มลงไปเช่นนี้ ใบหน้าของท่าน…”
หยางเซียงจวินโมโหในคราแรก ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของสิงเจียซือ นางก็ก้มลงมองและตกใจจนเหงื่อกาฬไหลออกมา
มีตะปูอยู่ตรงนั้นจริง ๆ หากนางล้มลงไปเช่นนี้ แม้จะไม่เสียโฉมก็คงไม่พ้นต้องได้รับบาดเจ็บ
“ขอบคุณ”
สิงเจียซือเอ่ย “ไม่ต้องเกรงใจ”
เมื่อหยางเซียงจวินมองหาลู่ฉาวอวี่อีกครั้ง กลับพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว
นางขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจรีบร้อนได้ หากลู่ฉาวอวี่ ‘ยอมจำนน’ ง่ายดายเพียงนั้น หลายปีมานี้เขาคงไม่ครองตัวเป็นโสด
ลู่ฉาวอวี่กลับไปยังห้องโดยสาร
ฟ่านซู่เดินเข้ามาทัก “เป็นอย่างไร?”
“อะไรเป็นอย่างไร?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “เจ้าโกหกข้าว่ามีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นที่ชานเมือง จะพาข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีนี้ คดีอยู่ที่ใดเล่า?”
ฟ่านซู่ร้อนตัวขึ้นมา “นี่ไม่ใช่… หญิงงามยากต้านทานหรือ!”
“หญิงงามยากต้านทาน จึงนัดหมายสตรีให้ข้าหรือ?” ลู่ฉาวอวี่มองฟ่านซูนิ่ง ๆ “ซื่อจื่ออี้อ๋อง ปกติข้าใจดีต่อเจ้ามากเกินไป จึงคิดว่าข้าคุยด้วยง่ายใช่หรือไม่?”
“ไม่ ไม่แม้แต่น้อย” ฟ่านซู่ร้อนรนกล่าว “พระชายาก็กังวลเรื่องการแต่งงานของท่านเช่นกัน ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อแบ่งเบาความกังวลของพระชายา”
“ภายหน้าอย่าได้ยุ่งอีก คุณหนูร่ำรวยผู้นี้ไม่ใช่แบบที่ข้าชอบ”
“เช่นนั้นท่านชอบแบบไหนเล่า?” ฟ่านซู่นึกสงสัยใคร่รู้
“ผู้ที่กล้าสืบคดีกับข้า”
ฟ่านซู่กล่าว “…รสนิยมนี้ของท่าน… หนักหนาไปเล็กน้อย ข้าคิดว่านอกจากลูกสาวคนขายเนื้อแล้ว เกรงว่าคงมีสตรีเพียงไม่กี่คนในใต้หล้าที่กล้าหาญเช่นนั้น”
หยางเซียงจวินกลับมาแล้ว เมื่อเห็นสีหน้านางไม่สู้ดีนัก คุณหนูผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายก็แสดงความเป็นห่วง สีหน้านางดูไม่แยแสต่อสิ่งใด เพียงแต่ยามที่เห็นลู่ฉาวอวี่กลับดูเศร้าเล็กน้อย
ฉีเว่ยฟางเข้าไปใกล้ ๆ ฉีซืออี้ “เห็นหรือไม่? หยางเซียงจวินไม่แม้แต่ได้รับสีหน้าดี ๆ จากนายน้อยลู่ ท่านแน่ใจหรือว่าจะทำได้?”
“เมืองหลวงแห่งนี้มีคุณหนูผู้สูงศักดิ์มากมายที่จับจ้องใต้เท้าลู่ กระทั่งถึงบัดนี้กลับไม่มีผู้ใดสำเร็จผล นั่นไม่ใช่เพราะพวกนางไม่มีความกล้า หากแต่ยังเป็นเพราะวิธีการนั้นไม่ถูก” ฉีซืออี้กล่าว
“ชายแดนมีบุรุษหน้าตาหล่อเหลามากมายเพียงนั้น ท่านกลับไม่ชอบแม้แต่คนเดียว นึกไม่ถึงว่าจะชมชอบคนประเภทนี้ ท่านชอบอะไรในตัวเขากัน? หน้าตาหล่อเหลา? พื้นเพสกุลลู่หรือ?”
คุณชายหัวเดินเข้ามา เอ่ยกับสิงเจียซือ “เมื่อครู่นี้ล่วงเกินแล้ว ต้องขออภัยแม่นางทั้งสองด้วย”
ก่อนที่สิงเจียซือจะเปิดปาก สิงเจียเวยก็อดใจไม่ไหวเอ่ยขึ้น “คุณชายหัวกล่าวเกินไปแล้ว เดิมทีก็เป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ไม่มีผู้ใดเห็นเป็นจริงจัง”
คุณชายหัวหันไปมองสิงเจียซือแล้วเอ่ยว่า “ข้าว่าคุณหนูห้านึกจริงจัง จึงไม่ยินดียอมรับคำขออภัยของข้า”
“หากคุณชายหัวกล่าวขออภัยจากใจจริงก็ไม่ควรมีท่าทีเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกว่าคุณชายหัวคิดว่าหยอกลูกแมวลูกสุนัขเล่นเสียมากกว่า แม้ว่าสกุลสิงจะไม่ได้มั่งคั่งเหมือนเมื่อก่อน ทว่าก็ยังพอน่านับถืออยู่บ้าง ถ้าหากคุณชายหัวไม่ได้จริงใจ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งผิวเผินเหล่านี้ ขอเพียงทุกคนไม่ข้องเกี่ยวกัน นั่นก็สงบสุขแล้ว” สิงเจียซือเอ่ยเรียบ ๆ
“คุณหนูห้าช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก น่าสนใจทีเดียว น่าสนใจยิ่งกว่าสตรีหลาย ๆ คนในเมืองหลวงแห่งนี้เสียอีก หากเจ้าแต่งกับสกุลหัว บางทีเรือนหลังสกุลหัวคงมีชีวิตชีวาขึ้นมากทีเดียว”
“ท่านกล่าวอะไร?” สิงเจียซือขมวดคิ้ว
คุณชายหัวไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วกลับไปยังที่นั่งตน
สิงเจียซือหันกลับไปมองสิงเจียเวย จึงเห็นสิงเจียเวยเผยสีหน้าโล่งใจออกมา
“สกุลสิงต้องการเกี่ยวดองกับสกุลหัวหรือ?” สิงเจียซือถาม
สิงเจียเวยเอ่ย “นั่นเป็นความหมายของท่านย่า สกุลหัวมีทั้งอำนาจมีทั้งเงิน หากมีงานแต่งที่ดีเช่นนี้ ต่อสกุลสิงทั้งสกุลแล้วล้วนเป็นประโยชน์”
“เหตุใดต้องเป็นข้า?”
“เดิมทีไม่ได้บอกว่าเป็นเจ้า เพียงแค่เลือกคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีอายุเหมาะสมมาหนึ่งคน ยามนี้สกุลสิงที่อายุเหมาะสมมีเพียงเจ้ากับข้า”
สิงเจียซือมองสิงเจียเวย แววตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ท่านไม่อยากแต่งจึงคิดจะให้ข้าแต่ง เมื่อเช้าท่านให้เสื้อผ้ากับเครื่องประดับข้า เพราะอยากให้ข้าแต่งตัวมีชีวิตชีวาจะได้ดึงดูดคุณชายหัว ท่านมักจะแต่งตัวหรูหรา ยามนี้กลับแต่งตัวเรียบ ๆ ไม่ได้สวมใส่อาภรณ์งดงามหรือเครื่องประดับก็เพื่อบดบังตนเอง”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากล่าวอะไร การแต่งงานเป็นเรื่องระหว่างสองสกุล สตรีอย่างเราไม่อาจตัดสินใจได้ ผู้ใดที่สกุลหัวเลือกเป็นสะใภ้ นั่นเป็นการตัดสินใจของพวกเขา ข้าควบคุมได้ที่ใดกัน?”
“พวกท่านร้อนใจจะให้ข้ารั้งอยู่ที่จวนเพียงเพื่อจะขายข้า พวกท่านคิดจะเสวยสุขไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งสินะ” สิงเจียซือยิ้มหยัน “ช่างเป็นแผนการที่ดีจริง ๆ เพียงแต่ อยากแต่งพวกท่านก็แต่งเองเถอะ ข้าไม่แต่ง!”
————————————-