สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 972 แม่เฒ่าซ่งซักไซ้เอาความ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 972 แม่เฒ่าซ่งซักไซ้เอาความ

บทที่ 972 แม่เฒ่าซ่งซักไซ้เอาความ

“ท่านแม่…” ฮูหยินรองสิงทักทายกงซื่อ แล้วค้อมคำนับอย่างเคารพ

ด้านหลังกงซื่อมีแม่นมเฒ่าผู้หนึ่ง

แม่นมเฒ่าคารวะฮูหยินรองสิงแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินมีเรื่องจะกล่าวกับกูหน่ายนาย*[1] ไม่รู้ว่ากูหน่ายนายจะให้ผู้อื่นออกไปก่อนได้หรือไม่?”

ฮูหยินรองสิงโบกมือ ส่งสัญญาณให้คนอื่น ๆ ถอยออกไป

“ท่านแม่ นี่มันอะไรกัน? ลูกทำอะไรผิดหรือ ท่านเพียงบอกข้ามา ไยต้องโมโหเพียงนี้?”

“เจ้ายังรู้หรือว่าข้าเป็นแม่เจ้า? เจ้ายังรู้หรือไม่ว่าตนเป็นลูกสาวสกุลซ่ง?” กงซื่อถาม “ข้าขอถามเจ้า ไยเจ้าต้องทำร้ายพี่ชายของเจ้าด้วย?”

“พี่ชายคนใด?”

“ยังมีพี่ชายคนอื่นรบกวนเจ้าอีกหรือ? นอกจากลี่กุ้ยแล้วยังจะเป็นผู้ใดได้?” กงซื่อเอ่ยด้วยสีหน้าเคือง ๆ “นี่เจ้าจงใจแสร้งโง่หรือ แม้กระทั่งข้าแม่แท้ ๆ ผู้นี้ก็ยังคิดจะหลอกลวงใช่หรือไม่?”

“ลี่กุ้ยเป็นอะไรไปหรือ? อ้อ ข้านึกได้แล้ว ข้าขายร้านให้แม่นาง เขาไม่มีงานทำแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นไม่เป็นไร ข้ายังมีร้านอื่น กิจการยังไปได้ดียิ่งกว่าร้านชาดเสียอีก ไม่จำเป็นต้องโกรธถึงเพียงนั้น” ฮูหยินรองสิงคิดว่าตนเข้าใจเหตุผลแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เพียงกล่าวปลอบใจมารดาด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าคิดจะทำร้ายสกุลซ่งเรา ทั้งยังทำร้ายลี่กุ้ย ตอนนี้ยังหัวเราะออกอีกหรือ” กงซื่อยิ้มหยัน “ข้านับว่ามองออกแล้ว ลูกสาวที่ออกเรือนไปก็เหมือนสาดน้ำทิ้ง เจ้าคิดจะฮุบประโยชน์ไว้แต่เพียงผู้เดียวสินะจึงไม่สนใจว่าเราจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร”

ยิ่งฮูหยินรองสิงฟังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสับสนมากเท่านั้น ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธตามโทสะ

เริ่มแรกนางยังปลอบกงซื่อ ตอนนี้กงซื่อชักจะทำเกินไปจนทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจแล้ว

ยามนี้ทั้งสกุลซ่งล้วนพึ่งพานางถึงได้กินดีอยู่ดี หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่กลับไปนางมักจะได้รับคำเยินยอสรรเสริญจากสกุลซ่ง แม้กระทั่งบิดามารดายังต้องเกรงใจนาง ไม่เคยได้รับความคับข้องใจเช่นนี้มาก่อน

แม่นมเฒ่าที่ติดตามกงซื่อมากลับมีสติกว่า เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกกำลังประจันหน้ากันตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก็รีบเข้าไปขวาง

“ฮูหยิน หรือว่ากูหน่ายนายจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป อย่างน้อยก็ให้กูหน่ายนายได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

กงซื่อมีทีท่าสงบลง

“เช่นนั้นเจ้าบอกนาง”

แม่นมเฒ่าอธิบายที่มาที่ไปโดยละเอียด

เมื่อฮูหยินรองสิงได้ยินเรื่องนี้ นางก็ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ “เขาไม่ได้บอกว่าร้านนั้นค้าขายไม่ดีจึงมักจะขาดทุนหรือ? ถึงแม้ว่าบางครั้งบางคราจะได้กำไรอยู่บ้างก็เป็นเงินเพียงไม่กี่ร้อยตำลึง เหตุใดเขาจึงยักยอกเงินไปหลายหมื่นตำลึงเงินได้?”

กงซื่อรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็เกิดความมั่นใจขึ้นมา

“สกุลซ่งเราหลายปีมานี้นับวันยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อสกุลสิงของพวกเจ้าตกต่ำลง สกุลซ่งเรานับวันยิ่งไม่อยู่ในสายตาผู้คน สกุลสิงใหญ่โตเช่นนี้ จะนำเงินออกมาเลี้ยงดูบ้างไม่ได้เชียวหรือ?”

“ท่านแม่ ที่แท้ท่านเป็นแม่ผู้ใด? หากซ่งลี่กุ้ยเป็นลูกชายแท้ ๆ ของท่าน ท่านปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ข้าล้วนยอมรับ แต่เขาเป็นเพียงลูกชายบ้านรอง ข้านี่จึงจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่าน ท่านรู้ว่าเขาโกงเงินไปเช่นนี้ ยังช่วยเขาปิดบังข้า นั่นเป็นร้านของข้า เงินทั้งหมดที่หามาได้ล้วนเป็นเงินของข้า เขาเอาเงินไป ผู้ที่เสียเงินคือข้า! ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะเอาเงินทั้งหมดให้สกุลซ่งและเอาไปให้พวกท่านใช้”

“เจ้าไม่กตัญญูต่อข้า ยังจะไม่ให้พี่ชายเจ้ากตัญญูต่อข้าอีกหรือ? ไม่ผิด เขาไม่มีทางนำเงินทั้งหมดมาให้สกุลซ่ง ทว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งก็นำมาให้สกุลซ่งใช้ แล้วเจ้าให้มากน้อยเท่าใดกัน?”

“ท่านแม่…”

“ท้องของข้าไม่รักดี นังปีศาจจิ้งจอกสองสามคนนั้นก็ไร้ประโยชน์ ไม่คลอดลูกชายให้พ่อเจ้าแม้แต่ผู้เดียว สกุลซ่งทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับบ้านรองให้สืบเชื้อสายสกุลต่อไป พี่น้องคนอื่น ๆ ย่อมต้องช่วยเหลือ” กงซื่อกล่าว

“ได้ พวกท่านเป็นคนสกุลเดียวกัน ข้าเป็นคนนอก ตอนนี้เรื่องของซ่งลี่กุ้ยอยู่นอกเหนือการควบคุม เช่นนั้นพวกท่านก็คิดหาวิธีแก้ปัญหากันเอาเองเถอะ ไม่ต้องมาหาข้า ข้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรแล้ว”

“เจ้าเป็นอาสะใภ้รองของนังเด็กสารเลวนั่น เป็นผู้อาวุโสของนาง คำพูดของเจ้า นางจะยังไม่ฟังได้หรือ? อีกอย่าง ร้านนี้ก็เป็นเจ้าที่ให้นาง หากเจ้าไปขอกลับมา จากนั้นก็บอกว่าร้านนี้มอบให้พี่ชาย เรื่องนี้ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว”

“ข้าเขียนสัญญาแล้ว จะนำกลับมาได้อย่างไร?”

“เหตุใดจะไม่ได้? เจ้าก็บอกว่าเจ้านึกเสียดายขึ้นมาสิ”

“ถึงแม้ข้าจะยินดี นังหนูนั่นก็ไม่แน่ว่าจะยินดี”

“ซานเหนียง เจ้าไม่สนใจความเป็นความตายของครอบครัวเจ้าจริง ๆ หรือ? สกุลซ่งหวังพึ่งลี่กุ้ย เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ท่านย่าเจ้าถึงกับเป็นลมล้มพับไปทันที ตอนนี้จะฟื้นกลับคืนมาหรือไม่ยังไม่รู้! หากเจ้าไม่จัดการให้ดี ภายหน้าสกุลซ่งคงไม่ยอมรับเจ้า สตรีออกเรือนที่ไม่มีสกุลเดิมคอยหนุนหลังผู้หนึ่ง อยู่ในสกุลสามีคงไม่แม้แต่จะเชิดหน้าชูคอ เจ้าคิดว่าเจ้าทำอย่างนี้จะเป็นผลดีหรือ?”

“ท่านแม่ ข้าเหนื่อยแล้ว ท่านให้ข้าอยู่เงียบ ๆ สักประเดี๋ยวเถอะ” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “เรื่องนี้ข้าจะหาทาง”

“เจ้ายังจะหาทางอะไรได้? ใต้เท้ากรมพระคลังต้องการให้พี่ชายเจ้ามอบเงินสามหมื่นห้าพันตำลึงเงินออกไปภายในพรุ่งนี้…”

“สามหมื่นห้าพันตำลึงเงิน!” ฮูหยินรองสิงหัวเราะออกมาด้วยความคับแค้น

ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายล้วนบอกว่าค้าขายไม่ค่อยดี ไม่เพียงไม่ทำกำไรให้นาง มักจะให้นางนำเงินไปเสริมให้เสมอ นางเคยคิดที่จะขายร้านเปลี่ยนไปทำกิจการอื่น แต่ซ่งลี่กุ้ยไม่ยอม บอกว่าตนอยากจะพยายามให้มากขึ้น เรียนรู้ให้มาก ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งอาจสร้างกำไรขึ้นมาก็เป็นได้ อีกทั้งเขายังบอกอีกว่ากำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการผสมชาด ในไม่ช้าจะต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน

ซ่งลี่กุ้ยผู้นี้ เป็นดั่งหนอนชอนไช กัดกินไปทั่วทั้งร่างกายนางแล้ว

“พวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน ถึงแม้จะมีความเข้าใจผิดอยู่บ้าง เพียงแค่พูดจากันก็พอ ลี่กุ้ยรู้ความผิดตนแล้ว เขาทำเพื่อสกุลซ่ง ถึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ ภายหน้าพวกเราจะต้องคอยจับตาดูเขาเป็นแน่ เช่นนี้ก็ได้กระมัง?”

“ข้ารู้แล้ว ข้าจะคิดหาวิธี” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “ตอนนี้ที่บ้านนำเงินออกมาได้มากน้อยเพียงใด?”

“เรามีเงินที่ใดกัน?”

“ท่านแม่ ท่านคิดว่าจะไม่นำเงินออกมาแม้แต่อีแปะเดียวก็จะแก้ไขเรื่องนี้ได้หรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้” ฮูหยินรองสิงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “แทนที่จะทำเช่นนี้ ไม่สู้ข้าบอกท่านตามตรงดีกว่าว่าข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”

“ก็ได้ พวกเรานำออกมาได้ห้าพันตำลึง หากนำของมีค่าในบ้านบางส่วนออกไปขาย คงแลกได้มาอีกห้าพันตำลึง พวกเรามีเท่านี้” กงซื่อกล่าว

“สองหมื่นตำลึง” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “ท่านหามาให้ได้สองหมื่นตำลึงเงิน ข้าจะไปคุยกับนังหนูนั่น”

“สองหมื่นตำลึง?” กงซื่อถลึงตามองนาง “นี่คิดจะปล้นกันหรือ?”

“ถึงแม้พวกท่านจะนำสองหมื่นตำลึงนี้มาได้ ก็ใช่ว่าข้าจะเกลี้ยกล่อมนางสำเร็จ นางกับข้าไม่ถูกกัน นังหนูนั่นเห็นข้าโชคร้าย ไม่รู้ว่าจะดีใจมากเพียงใด แล้วนางจะไว้หน้าข้าได้อย่างไร? ข้าให้พวกท่านนำเงินสองหมื่นตำลึงนั่นออกมา แต่ข้าก็ยังต้องไปต้องเลียแข้งเลียขาประจบเอาใจนาง เกลี้ยกล่อมนาง ยกยอนาง ให้นางยอมปล่อยเรื่องนี้ไป ยังไม่แน่ว่านางจะไว้หน้าข้า ดังนั้นได้หรือไม่ได้ยังไม่แน่นอน”

“ได้ ข้าจะกลับไปเตรียม”

“อย่างมากสองชั่วยาม เวลากระชั้นชิด หากล่าช้ากว่านี้เกรงว่าจะไม่ทันกาลแล้ว”

กงซื่อเดินไปที่ประตูด้วยท่าทีโมโหโกรธา

เมื่อเดินผ่านสวนด้านหลังก็เห็นหญิงสาวหน้าบวมตุ่ยผู้หนึ่งกำลังนั่งให้อาหารปลาอยู่ข้างสระน้ำ ไม่มีบ่าวรับใช้อยู่ใกล้ ๆ แม้แต่ผู้เดียว

ทั่วทั้งจวนนี้ ดรุณีอายุอานามเท่าสิงเจียเวย แต่งกายอย่างเจ้านาย มีเพียงคุณหนูห้าสกุลสิง นังเด็กน่ารำคาญนั่นแล้ว

ความคิดชั่วร้ายของกงซื่อผุดขึ้นมา นางเดินย่องเข้าไปเงียบ ๆ และยื่นกรงเล็บปีศาจไปทางสิงเจียซือ

[1] กูหน่ายนาย คือ คำเรียกที่คนทางครอบครัวฝ่ายหญิงใช้เรียกลูกสาวในบ้านที่ออกเรือนไปแล้ว

—————————————————-

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท