บทที่ 976 โกรธ แต่ไม่มีของให้ทุบ
บทที่ 976 โกรธ แต่ไม่มีของให้ทุบ
คดีฟ้องร้องระหว่างสกุลซ่งและสกุลสิงแพร่สะพัดไปทั่ว
วันต่อมา สกุลซ่งกลับปรากฏกายขึ้นทั้งขโยง ทว่าแทนที่จะเข้าไปในจวนสิง กลับให้บ่าวเฝ้าประตูเรียกคุณหนูห้าสิงออกมา พวกเขาชดใช้เงินจำนวนสามหมื่นห้าพันตำลึงคืนนางต่อหน้าผู้คนที่มามุงดูเต็มถนน
สิงเจียซือรับไว้แล้วกล่าวว่า “ข้ารับไว้แล้ว ข้าจะถอนการฟ้องร้องก่อนหน้านี้ อย่างไรเสียทั้งสองสกุลก็เป็นญาติกัน ข้ารู้ว่ายามนี้ไม่ได้ง่ายดายสำหรับสกุลซ่งเลย นี่ หนึ่งร้อยตำลึงเงินนี่นำกลับไปดื่มสุราเถอะ”
“คุณหนูห้าสิง นี่ท่านกำลังดูแคลนสกุลซ่งเราหรือ?” ผู้ที่นำเงินมาคืนเป็นนายท่านซ่ง หรือก็คือบิดาแท้ ๆ ของซ่งลี่กุ้ย เอ่ยขึ้นด้วยความโมโห
สิงเจียซือพลันประหลาดใจ มองผู้คนที่ห้อมล้อมดูเต็มถนน แล้วเอ่ย “ที่แท้เอาเงินให้ผู้อื่นดื่มกินบ้างเป็นการดูแคลน ดูเหมือนสกุลซ่งจะมีความประพฤติและคุณธรรมสูงส่งจริง ๆ ไม่รับเงินก็แล้วไปเถิด เป็นความผิดข้า ข้าไม่ควรนำเงินมาดูแคลนท่าน เช่นนั้นภายหน้าพวกท่านสกุลซ่งต้องยึดมั่นคุณธรรมนี้ต่อไปเล่า อย่าได้ให้เกิดความเสียหายเช่นนี้อีก สามหมื่นห้าพันตำลึงเงินนี้… คงเป็นความเข้าใจผิดกระมัง! อย่างไรเสียสกุลซ่งพวกท่านแม้กระทั่งหนึ่งร้อยตำลึงก็ยังไม่ต้องการ”
ผู้คนบนท้องถนนต่างระเบิดหัวเราะออกมา
“คุณหนูห้าสิงผู้นี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ นางแตกต่างจากคุณหนูสกุลใหญ่ที่มักเสแสร้งเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง” มีคนเอ่ยขึ้นมา
“ได้ยินว่าหลังจากเกิดเรื่องกับนายท่านใหญ่และฮูหยินใหญ่ คุณหนูห้าสิงก็พาน้องชายออกไปจากจวนสิง หนีไปอยู่กับตายายนางที่ชายแดน นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับทางตายาย พี่สาวน้องชายทั้งสองจึงอาศัยอยู่ข้างนอกด้วยตนเอง เพิ่งถูกฮูหยินผู้เฒ่าพาตัวกลับมาไม่นานนี้เอง คุณหนูห้าสิงผู้นี้จึงมีนิสัยแข็งกร้าวราวกับอัญมณีชั้นดีเช่นนี้ ไม่อาจเทียบกับสตรีธรรมดาทั่วไปจริง ๆ”
“นิสัยเช่นนี้ดุร้ายเกินไป แต่งภรรยาก็ต้องแต่งภรรยามีคุณธรรม แต่งคนนุ่มนวล นิสัยเช่นนี้เกรงว่าจะแต่งไม่ออกน่ะซี!”
“ได้ยินว่าสกุลหัวตั้งใจจะเกี่ยวดองกับสกุลสิง”
“คงประเมินคุณหนูห้าสิงผู้นี้ต่ำเกินไปแล้ว”
ลู่ฉาวอวี่ควบม้าผ่านมา บังเอิญได้รับชมละครดี ๆ ฉากนี้เข้า
จางอี้เอ่ย “คุณหนูห้าสิงช่างน่าสนใจจริง ๆ”
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “นางชอบหิน บางทีอาจไม่ใช่เพียงเพราะความหลากหลาย และรูปทรงที่แปลกตาของมัน หากแต่อาจเป็นความแข็งแกร่งของพวกมันก็ได้”
“ใต้เท้า พวกเรามีนัดหมายกับใต้เท้ากรมอาญา…”
“ไปกันเถอะ!”
อย่างไรเสียรูปร่างสูงโปร่งผึ่งผายเช่นนี้ แม้นอยู่ท่ามกลางผู้คนบนถนนก็มองเห็นได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเอ่ยว่ายังขี่ม้าลักษณะดีเช่นนั้นด้วย
“คุณหนู คุณหนู…” ฉิงโหรวเรียกสิงเจียซือ
สิงเจียซือพลันรู้สึกตัว “หือ?”
“ท่านมองอะไรอยู่หรือเจ้าคะ? บ่าวเรียกท่านหลายครั้งแล้ว ท่านกลับไม่ได้ยินเลย”
“ไม่มีอะไร พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
สกุลซ่งอาศัยความสัมพันธ์ขอเงินมาหลายปีเพียงนี้ ถึงแม้จะทำให้สกุลพวกเขาขุ่นเคือง สกุลสิงกลับไม่มีผลกระทบอะไร
ฮูหยินรองสิงยังไม่กล้าออกหน้า เห็นได้ชัดว่าเพื่อปกป้องสถานะตัวเอง นางไม่ได้สนใจไยดีสกุลซ่งแล้ว
ฮูหยินรองสิงโมโหกระฟัดกระเฟียดอยากทุบข้าวของ ทว่าเมื่อพินิจดูแล้วในห้องเหลือแจกันดี ๆ เพียงไม่กี่ใบเท่านั้น นางโกรธแล้วนั่งลงจิบชา ทั้งยังกระดกสุราหนึ่งไหลงไปรวดเดียว ถึงได้สงบจิตสงบใจลง
“ฮูหยินรองเจ้าคะ” ลวี่จวี๋เดินเข้ามาจากข้างนอกพร้อมด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ข้างนอกมีข่าวลือเกี่ยวกับกงซื่อเจ้าค่ะ ไม่สู้ดีนัก”
“ข่าวลืออะไร?” ฮูหยินรองสิงเอ่ยถาม
“ผู้คนข้างนอกเล่าลือว่ากงซื่อตกน้ำ ถูกบ่าวชายหลายคนช่วยเหลือขึ้นมา ทว่าเสื้อผ้านั้นเผยออกหมดแล้ว ทั้งยังเผยให้เห็นเสื้อชั้นใน เพื่อช่วยเหลือกงซื่อ บ่าวชายหลายคนนั้นยังเป่าปากให้…”
“ผู้ใดพูดจาเหลวไหล? สถานการณ์ตอนนั้น มีคนดูอยู่มากมาย นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?” ฮูหยินรองสิงเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห
สิงเจียเวยย่ำเท้าเข้ามา เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง “ท่านแม่ วันนี้ข้าขายหน้าจะตายแล้ว พวกท่านวุ่นวายอะไรอยู่ที่จวน ตอนนี้พี่หญิงน้องหญิงเหล่านั้นไม่อยากเล่นกับข้าแล้ว”
“เป็นอะไรไป?” ฮูหยินรองสิงก้าวเข้าไปหาสองสามก้าว คว้ามือนางมากุมทั้งยังเกลี้ยกล่อม “ผู้ใดทำให้เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม?”
สิงเจียเวยนอนลงบนเบาะนุ่มแล้วเริ่มร้องไห้ออกมา
เซียงเสวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยว่า “วันนี้คุณหนูไปเข้าร่วมงานชุมนุมกวี คุณหนูจวนหลี่ จวนหยาง ยังมีคุณหนูอีกหลายจวนกำลังพูดคุยเรื่องสกุลซ่ง สกุลสิง ทั้งยังกล่าวว่าฮูหยินจวนซ่งตกน้ำ ถูกบ่าวชายเอารัดเอาเปรียบทำนองนั้น…”
เซียงเสวี่ยก็เป็นแม่นางน้องที่ยังไม่ได้ออกเรือนผู้หนึ่งเช่นกัน เมื่อเอ่ยถึงข่าวลือเหล่านั้นก็รู้สึกเขินอาย เพียงแต่ฮูหยินรองเอ่ยปากถาม นางก็ไม่อาจปิดปากเงียบได้
เท่านั้นเองฮูหยินรองสิงถึงได้ตระหนักว่าเหตุการณ์ล่าสุดนี้ส่งผลต่อสิงเจียเวยแล้ว เดิมยังนึกโกรธขึ้นมา ทว่าตอนนี้นางกลับเริ่มกังวลมากกว่า
นางคิดจะหาคู่ครองดี ๆ ให้สิงเจียเวย ทว่ายิ่งภูมิหลังสกุลดีเพียงใด ชื่อเสียงของนางก็ยิ่งสำคัญเพียงนั้น หากสิงเจียเวยได้รับผลกระทบเพราะเรื่องเหล่านี้ เช่นนั้นย่อมเสียหายใหญ่หลวงแล้ว
บางคนสุขบางคนเศร้า ฮูหยินรองสิงทางนี้อยู่ในอารมณ์อึมครึมขมุกขมัว แต่สิงเจียซือกลับอารมณ์ดียิ่ง อีกทั้งยังอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่กลับมาสกุลสิง
นางมองเงินสามหมื่นห้าพันตำลึงและสินเดิมของมารดาที่ได้กลับคืนมาจากสกุลสิงที่วางอยู่ตรงหน้า รู้สึกว่าแม้แต่อากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ นี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อจิตใจที่แจ่มใสของนางแม้แต่น้อย
“คุณหนู ข่าวลือที่แพร่สะพัดอยู่ข้างนอกนั่นไม่น่าฟังเท่าใดเจ้าค่ะ” ฉิงฮุ่ยเอ่ย “เรื่องของฮูหยินจวนซ่งถูกใส่สีตีไข่ออกไปไกลยิ่งนัก ประหนึ่งว่าพวกเขาอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างไรอย่างนั้นเจ้าค่ะ”
“ข่าวลือพวกนั้นผู้ใดพูดออกไป” สิงเจียซือเอ่ย “คนที่เราจัดเตรียมไปไม่ได้พูดเรื่องเหล่านั้นกระมัง?”
“ไม่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” ฉิงฮุ่ยเอ่ย “ที่จวนมีบ่าวรับใช้มากเพียงนั้น ทุกคราที่กงซื่อมาที่นี่นางมักจะหาเรื่องผู้อื่นเสมอ ดุด่าต่อว่าบ่าวรับใช้ในจวนไว้ไม่น้อย บางทีคนที่ลอบเกลียดชังคงมีมากเกินไปจึงมีคนกล้าทำเช่นนี้กระมัง!”
“พวกเราไม่อาจทำลายชื่อเสียงผู้อื่น แม้นว่าคนผู้นั้นจะน่ารังเกียจเพียงใด พวกเราต้องจำไว้ว่าขีดจำกัดของเราอยู่ที่ใด” สิงเจียซือเอ่ย “ส่วนความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร นั่นพวกเราไม่จำเป็นต้องกังวล อย่างไรเสียนั่นก็เป็นหายนะของสกุลซ่ง ข้าไม่ทำร้ายนาง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยนาง”
“คุณหนู ต่อไปฮูหยินรองคงไม่กล้าสร้างปัญหาให้ท่านอีกอย่างแน่นอน” ฉิงโหรวเอ่ย “ตอนที่ท่านเพิ่งกลับมาที่นี่ บ่าวรับใช้เหล่านั้นล้วนไม่อยากมารับใช้ท่าน ยามนี้พวกเขากลับแย่งชิงเพื่อมารับใช้ท่าน ช่างประจบสอพลอจริง ๆ”
สิงเจียซือตอนนี้รอเพียงข่าวเดียวเท่านั้น นั่นคือหลังจากทราบเรื่องนี้แล้ว สกุลหัวจะรู้สึกว่านางก้าวร้าวเกินไปไม่คู่ควรให้แต่งออกหน้า จากนั้นจึงเป็นฝ่ายยกเลิกการหมั้นหมายหรือไม่
นี่เป็นจุดประสงค์หลักของนาง
อย่างไรก็ตาม สกุลหัวไม่ได้มายกเลิกการหมั้นหมาย แต่คุณชายสกุลหัวกลับปีนขึ้นไปบนกำแพงสกุลทัง ซุ่มมองคุณหนูสกุลทังจากนั้นจึงตกลงมา ผู้คนบนถนนทั้งสายล้วนรู้เรื่องนี้โดยทั่วกัน ท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้ยังทำให้ผู้นำสกุลหัวและสกุลหัวต้องออกหน้า
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงไม่ได้ออกจากจวน กล่าวตามเหตุผลแล้วเรื่องนี้ไม่ควรไปถึงหูนาง ทว่านางมีสะใภ้สามปากมากผู้หนึ่ง หรือก็คือฮูหยินสามสิง
ฮูหยินสามสิงมักจะคิดอยู่เสมอว่าฮูหยินผู้เฒ่าลำเอียง คู่ครองที่ดีเช่นนี้กลับเก็บไว้ให้สิงเจียซือ ภายหน้าลูกสาวบ้านใหญ่ย่อมแต่งงานได้ดีกว่าผู้ใดในสกุล พวกเขาครอบครัวอื่น ๆ ยังต้องดูสีหน้าลูกสาวบ้านใหญ่ จึงรู้สึกอัดอั้นตันใจอยู่เสมอ
ครั้นเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว ฮูหยินสามสิงย่อมดีอกดีใจที่ได้เห็นเรื่องน่าขัน จึงตรงมาพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าสิงในทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงโมโหเป็นอย่างยิ่ง หันไปบอกแม่นมเฒ่าว่า “เตรียมรถม้า ข้าจะไปสกุลหัว”