บทที่ 980 การให้ความสำคัญของพระชายาลู่
บทที่ 980 การให้ความสำคัญของพระชายาลู่
สิงเจียซือซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
นางพบกับพระชายาลู่เพียงไม่กี่ครั้ง ทว่าทุกครั้งล้วนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความเมตตา
ทุกคนในสกุลสิง รวมถึงฮูหยินผู้เฒ่าสิงและญาติหญิงอีกหลายคนจึงต้องมองสิงเจียซือใหม่อีกครั้ง
การปีนป่ายไปถึงสกุลหัวนั้นไม่เลว ทว่าเทียบกับสกุลลู่แล้วนับว่ายังอยู่ข้างหลัง
น่าเสียดาย บุรุษที่อายุเหมาะสมเพียงคนเดียวในสกุลลู่คือใต้เท้าลู่น้อย อีกทั้งท่านนั้นยังดูเข้าหาได้ไม่ง่าย แม้กระทั่งกุลสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงยังไม่เข้าตา แล้วจะต้องตานังเด็กบ้านป่าสกุลสิงผู้นั้นได้อย่างไร?
เมื่อคิดเช่นนี้ ความปรารถนาที่จะเข้าหาสกุลลู่จึงค่อย ๆ เย็นลง ไม่ว่าจะคิดคำนวณอย่างไร? ก็ยังคงต้องปีนป่ายเข้าหาสกุลหัว เช่นนี้โชคชะตาของสกุลสิงจึงจะได้เขียนขึ้นใหม่อีกครั้ง
“หมู่นี้เจ้ามีชื่อเสียงทีเดียว ข้าไม่ทันออกจากจวนก็ได้ยินเรื่องเจ้าแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยกระเซ้าสิงเจียซือ “ชนรุ่นหลังเก่งกว่าชนรุ่นก่อน เจ้ามีท่าทีกล้าหาญเหมือนข้า ข้าชื่นชมแม่นางน้อยที่เก่งกล้าอย่างเจ้า”
ซูจือหลิ่วที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “แม่นางห้าสิงไม่รู้ พระชายาลู่ของเราได้ยินเรื่องของเจ้าแล้วถึงกับกล่าวว่าโชคดีที่นังหนูชิงเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง มิเช่นนั้น นางต้องวิ่งไปให้กำลังใจเจ้าอย่างแน่นอน”
สิ้นคำ ซูจือหลิ่วก็หัวเราะออกมา
ฮูหยินหลายท่านที่อยู่ตรงนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกัน
ในแวดวงเมืองหลวง ท่าทีของมู่ซืออวี่ก็คือทิศทางลม คนที่ว่าสิงเจียซือก่อนหน้า ยามนี้กลับกล่าวยกย่องนางแทบทุกคำ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ไม่มีกฎเกณฑ์ในการแยกแยะผิดถูก
ไม่ไกลออกไป หลี่เยียนหรานเฝ้ามองฉากนี้ แล้วเอ่ยกับหยางเซียงจวินที่กำลังนึกอิจฉา “ดูเหมือนว่าพระชายาลู่จะชอบนังเด็กป่าเถื่อนไร้กฎเกณฑ์ประเภทนี้”
“พระชายาลู่ชมชอบผู้ที่กล้ารักกล้าเกลียด ข้าก็ทำได้เช่นกัน” หยางเซียงจวินเอ่ย
เมื่อทังหงซิ่วเห็นสิงเจียซือพูดคุยสรวลเฮฮาอย่างผ่อนคลายต่อหน้าพระชายาลู่และฮูหยินสูงศักดิ์คนอื่น ๆ เช่นนั้น นางก็เอ่ยกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ข้าง ๆ “ท่านแม่ข้ามักจะบอกเสมอว่า มีสหายเพิ่มขึ้นอีกคนชาญฉลาดกว่าการก่อศัตรูเพิ่มอีกคน ดูเหมือนที่ข้าฟังท่านแม่จะตัดสินใจได้ไม่ผิด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีสถานะอย่างไร หากเลี่ยงได้ก็อย่าสร้างศัตรู ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าผู้ที่ตนไปสร้างความขุ่นเคืองให้จะเป็นคนประเภทไหน?”
“พี่หญิงทังกล่าวเช่นนี้ กลัวเกรงนังเด็กสกุลสิงนั่นแล้วหรือ?” บุตรสาวสกุลผู้ดีคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยพลางยิ้มเย้ย “หากกลัว คุณชายสกุลหัวผู้นั้นก็จะเป็นของผู้อื่นแล้ว”
บุตรสาวสกุลผู้ดีหัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทังหงซิ่วไม่โง่ นางรู้ว่าคนเหล่านี้เพียงแค่อยากจะสุมไฟ
น่าเสียดาย นางไม่ได้ถูกหลอกง่ายเพียงนั้น
“เรื่องการแต่งงานเป็นไปตามคำชักนำของแม่สื่อ คำสั่งของบิดามารดา หากเป็นเช่นนั้น นั่นก็เป็นโชคชะตา” ทังหงซิ่วกล่าว “ข้าย่อมอวยพรให้พวกเขา”
กุลสตรีสูงศักดิ์สองสามคนมองหน้ากันไปมา แววตาดูถูกเย้ยหยัน
หากนาง ‘รู้กฎเกณฑ์’ เช่นนั้นจริง ๆ ข่าวลือนั่นคงไม่เป็นที่รู้กันทั่ว
คุณหนูที่เป็นสหายทังหงซิ่วดึงนางไปอีกทางแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้เจ้ากล่าวเหลวไหลอะไร? คุณชายสกุลหัวหลงรักเจ้า ไยเจ้าต้องมอบเขาให้ผู้อื่นด้วย?”
“วางใจเถอะ เขาสัญญากับข้าว่าจะไม่แต่งงานกับแม่นางสกุลสิงอย่างแน่นอน” ทังหงซิ่วเอ่ย “หากเพียงแค่เรื่องนี้ยังทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ช่างปะไร ข้าทังหงซิ่วผู้นี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการแต่งงาน แม้นสถานะของสกุลหัวสูงส่งเพียงใด แต่ข้าจำเป็นต้องทำผิดต่อตนเองหรือ?”
“ด้วยนิสัยใจคออย่างเจ้า หากแต่งเข้าสกุลหัวจริง ๆ ข้าว่า สกุลหัวจะต้องมีปัญหาเป็นแน่” คุณหนูสกุลซ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อข้าจะได้เลื่อนขั้นเร็ว ๆ นี้” ทังหงซิ่วโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูซ่งเป่าหลิงคุณหนูสกุลซ่ง “ถึงแม้ข้าจะชมชอบเขา แต่หากเขาเป็นบุรุษไม่มีความรับผิดชอบ เช่นนั้นข้าจะแต่งให้ผู้อื่น ท่านพ่อข้าเลื่อนขั้นแล้ว ภายหน้าข้าจะยิ่งมีตัวเลือกมากกว่านี้ นี่เป็นเรื่องดีเทียมฟ้า แน่นอนว่าข้าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ส่วนคุณหนูห้าสกุลสิง ข้านับถือนางจากใจจริง เจ้าก็รู้นิสัยของข้า ข้าก็ไม่ใช่คนยึดติดกับกฎเกณฑ์อะไร”
ซ่งเป่าหลิงเอ่ยยิ้ม ๆ “ทุกคนล้วนกำลังเดิมพันกันว่าเจ้าจะตบคุณหนูห้าสิงสักฉาดหรือคุณหนูห้าสิงจะตบเจ้า มีเพียงข้าที่คิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะทำได้ ยังคงเป็นข้าที่เข้าใจเจ้าดี”
สาวใช้หลายคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นเชิญคุณหนูที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคุณหนูใหญ่สกุลหัวไปที่ห้องหอ อีกผู้หนึ่งเชิญสิงเจียซือ อีกผู้หนึ่งเชิญทังหงซิ่ว
ประกายไฟแห่งการซุบซิบนินทาในหมู่ฝูงชนลุกโชนยิ่งกว่าเดิม
สิงเจียซือกำลังหารือเรื่องการแต่งงานกับสกุลหัว ยามนี้เชิญนางไปยังห้องของคุณหนูใหญ่สกุลหัว เช่นนั้นเรื่องที่ทั้งสองสกุลกำลังหารือเรื่องการแต่งงานก็ชัดเจนแล้ว เพียงแต่เชิญสิงเจียซือไปแล้ว ไยต้องเชิญทังหงซิ่วด้วย? เรื่องที่คุณชายใหญ่สกุลหัวเอะอะโวยวายใหญ่โตในสกุลหัวเพื่อสตรีในดวงใจ มิหนำซ้ำยังลอบปีนกำแพงสกุลทังเพียงเพื่อได้เห็นหน้าคุณหนูสกุลทัง เรื่องนี้ในโรงงิ้วได้ดัดแปลงไปหลายฉบับแล้ว ชาวบ้านต่างคาดเดาว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ใดจะชนะ
“สกุลหัวมีคุณหนูใหญ่เพียงคนเดียว ได้ยินว่านางจะแต่งไปจื้อโจว ท่านเขยใหม่เป็นขุนนางมีชื่อเสียงในจื้อโจว อย่าได้เห็นว่าทางนี้จัดงานเลี้ยงเสียครึกครื้นรื่นเริง กลับไปบ้านท่านเขยใหม่แล้ว ยังต้องจัดงานใหญ่โตอีกครั้ง” สตรีที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “ดูจากการจัดงานใหญ่โตของสกุลหัวแล้ว ได้ยินว่าที่บ้านท่านเขยใหม่ยังจะจัดใหญ่โตยิ่งกว่านี้อีก คิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไร”
“สกุลหัวเป็นที่เลื่องลือเรื่องความมั่งคั่ง ท่านเขยใหม่แต่งบุตรสาวภรรยาเอกสกุลหัวไปได้ ฐานะจะต้องไม่ย่ำแย่เป็นแน่”
“พวกท่านดูคุณหนูห้าสกุลสิงสิ…”
ดวงตาแต่ละคู่จับจ้องไปที่ร่างสิงเจียซือ
สาวใช้เชิญนางไปที่ห้องเจ้าสาวแต่นางกลับมีสีหน้าลำบากใจ
ผู้ใดมีตาล้วนมองออกว่านางไม่ต้องการคบหากับคนสกุลหัว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะรู้สึกว่านี่เป็นสิทธิพิเศษ
“พวกเจ้าไปหลายคนเพียงนี้แล้วก็ให้นางรั้งอยู่เป็นเพื่อนข้าเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “คุณหนูห้าสิง ข้าอยากไปเดินเล่นทางนั้น เจ้ายินดีไปกับข้าหรือไม่?”
นี่เป็นสิ่งที่สิงเจียซือตั้งตารอ นางเข้าไปควงแขนมู่ซืออวี่อย่างว่องไว “เจียซือรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้ร่วมชมบุปผากับพระชายา”
ยังมีเหล่าฮูหยินและคุณหนูสกุลหัวหลายคนอยู่ตรงนั้น ครั้นพวกนางเห็นมู่ซืออวี่ให้ความสำคัญกับสิงเจียซือเพียงนั้น ท่าทีที่ไม่แยแสสิงเจียซือแต่เดิมก็ได้เปลี่ยนไป ต้องพินิจดูคุณหนูห้าสิงใหม่อีกครั้ง
“นางเข้าหาพระชายาลู่ตั้งแต่เมื่อใดกัน?” ฮูหยินรองสิงเอ่ยเหน็บแนมนางพลางดันสิงเจียเวย “สมองเจ้าไม่โตแล้วใช่หรือไม่? สิงเจียซือทำให้พระชายาลู่พอใจได้ เหตุใดเจ้าไม่เริ่มก่อนเล่า? เจ้าย่ำแย่กว่านางหรือไร?”
ฮูหยินสามสิงหัวเราะขึ้นมาพลางกล่าวว่า “เจ้าสี่ใช้การไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ พระชายาลู่ชอบอย่างนังหนูไม่รู้กฎเกณฑ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยนั่น ไม่ใช่กุลสตรีที่อยู่กับเหย้ากับเรือน เจ้าห้าคล้ายคลึงนางอยู่บ้างจริง ๆ”
สิงเจียเวยเม้มปาก “ท่านย่า ท่านแม่ ข้าจะไปสูดอากาศบริสุทธิ์เสียหน่อย”
“ท่านยายของเจ้าอับอายขายขี้หน้าแล้ว แม้กระทั่งเจ้ายังถูกพี่หญิงน้องหญิงหมางเมิน ยามนี้เจ้าไม่ควรหลบหนี หากแต่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับพวกเขา ข่าวลือเหล่านั้นมีผู้ไม่ประสงค์ดีจงใจปล่อยออกไป บางทีอาจยังรักษาชื่อเสียงไว้ได้สักเล็กน้อย หากเจ้าเอาแต่หนีก็จะไม่มีผู้ใดสนใจเจ้า เจ้าหนีไปที่อื่นเพียงลำพังก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“ท่านย่า พวกเขาจะเชื่อสิ่งที่ข้าพูดได้อย่างไร?” สีหน้าสิงเจียเวยดูทุกข์ใจ “ข้าไม่มีความสามารถในการเอ่ยคำพูดสละสลวยน่าฟังเหล่านั้น หากท่านย่ารู้สึกว่าขายหน้า ท่านก็คุยกับผู้อื่นให้น้อยลงยังจะมีประโยชน์เสียกว่า”