บทที่ 9 อยากจะหว่านเสน่ห์ให้ฉัน เธอยังอ่อนหัดเกินไป
ในดวงตาที่ใสสะอาดสวยงามของสวี่รั่วฉิง มีแววเชื่อมั่นแบบหนึ่งรุกโชนขึ้นมา
ขอแค่เธอสามารถปรุงน้ำหอมที่สองสามีภรรยาฮิลล์ชอบออกมาได้ ขอแค่เธอสามารถช่วยให้ลี่ซื่อกรุ๊ปร่วมงานกับสองสามีภรรยาฮิลล์ได้
ความรู้สึกที่ไม่มีทางให้คนควบคุมได้แบบนี้ อยู่ ๆ ก็ทำให้ลี่ถิงเซิ่งรู้สึกไม่ค่อยชอบใจขึ้นมา
เขาพิงเก้าอี้กลับไปอย่างขี้เกียจ นัยน์ตาสีดำวิเคราะห์สวี่รั่วฉิงที่เอาสองมือเท้าโต๊ะอยู่ตั้งแต่ตัวจรดท้ายอย่างเรียบเฉยอยู่
น้ำหอมกลิ่นจาง ๆ แต่ทำให้คนรู้สึกไม่สนใจไม่ได้ ลอยเข้าสู่โสตประสาทของเขาอย่างไม่มีทางต่อต้านได้
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วขึ้นทีหนึ่ง เหมือนกับว่าอยากจะสลัดความรู้สึกแบบนี้ทิ้งไปจากสมอง “คุณมีความมั่นใจขนาดนี้เลยเหรอ? จนกระทั่งถึงตอนนี้ คนที่มีความมั่นใจร้อยทั้งร้อยกับผม ล้วนพ่ายแพ้ไปแล้วทั้งนั้น คนที่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าผมเอาไว้ แต่ตอนหลังทำไม่ได้……”
เขาตั้งใจพูดไม่หมด และที่มุมปากมีรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งอันหนึ่งแฝงอยู่ “คงจะไม่ใช่แค่ไล่ออกง่าย ๆ แน่ คนไร้ค่าที่มาใช้เวลาอันมีค่าของผมแล้วแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ผมจะต้องให้เขาจ่ายค่าตอบแทนแน่”
ในคำพูดของลี่ถิงเซิ่งแฝงไว้ด้วยการตักเตือนอย่างเต็มเปี่ยม
สวี่รั่วฉิงเหมือนกับจะไม่ได้สนใจการตักเตือนของเขาเลยสักนิด หรือว่าเธออาจจะมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมอยู่
ลี่ถิงเซิ่งเห็นเธอแค่ยิ้มจาง ๆ ทีหนึ่ง หลังจากนั้นดวงตาคู่ที่เหมือนว่าสามารถพูดได้ของเธอก็จ้องมองเขาอย่างจริงจัง เรียวปากแดงค่อย ๆ ขยับขึ้น
“ประธานลี่ คุณวางใจเถอะ คำตอบที่ฉันส่งมอบออกมาจะต้องทำให้คุณพอใจแน่ ถ้าหากว่าฉันไม่สามารถทำให้สองสามีภรรยาฮิลล์มาร่วมงานกับคุณได้ ถ้าอย่างงั้น ชาตินี้ฉันก็จะขายตัวให้กับลี่ซื่อกรุ๊ปเลย แล้วจะปรุงน้ำหอมให้บริษัทที่สูงส่งนี้ฟรี ๆ เลย เป็นไง? การเดิมพันขอฉันนี้ไม่น้อยเลยนะ!”
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงพูดจบ แล้วในตอนที่ผู้ชายคนนี้ไม่ทันสังเกต ก็สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ ทีหนึ่ง และกำมือของตัวเองไว้แน่น
ครั้งนี้เธอเดิมพันสูงเกินไปแล้ว
ถ้าแค่พ่ายแพ้ ก็จะต้องทำงานให้ลี่ถิงเซิ่งฟรี ๆ ตลอดกาลเลยนะ
เธอจะพ่ายแพ้ไม่ได้ จะต้องทำสำเร็จเท่านั้น
ดวงตาที่สวยงามของลี่ถิงเซิ่งค่อย ๆ รุกโชนขึ้น หลังจากที่เงียบไปหลายวินาทีแล้ว เขาก็พูดเสียงขรึมขึ้นว่า “คุณเดิมพันสูงขนาดนี้ เพื่ออะไร?”
เขาไม่เชื่อว่าสวี่รั่วฉิงจะเป็นคนดีเลิศประเสริฐศรี ที่ไม่ต้องการอะไรเลย
สวี่รั่วฉิงเม้มปากขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอจะพูดเรื่องที่ตัวเองต้องการแก้แค้นสวี่รั่วยีให้ลี่ถิงเซิ่งรู้ไม่ได้
โลกภายนอกลือกันมากมายว่าลี่ถิงเซิ่งจะแต่งงานกับสวี่รั่วยีแล้ว คาดว่าตอนนี้ความรู้สึกของทั้งสองคนน่าจะดีต่อกันมาก
ตัวเองจะแก้แค้นสวี่รั่วยี และแย่งทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับมาจากมือของเธอ ก็จะต้องจัดการลี่ถิงเซิ่งให้อยู่หมัดให้ได้ก่อน
สวี่รั่วฉิงปรับสภาพจิตใจของตัวเองกลับมาให้ดีได้อย่างรวดเร็ว ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความมีเสน่ห์และความคล่องแคล่ว “ประธานลี่ ถ้าหากฉันจะพูดว่าฉันทำเพื่อคุณล่ะ?”
กลิ่นหอมจาง ๆ บนร่างกายของหญิงสาวติดตามการกระทำทุกท่วงท่าของเธอ แล้วก็เข้ามายึดครองประสาทรับกลิ่นของลี่ถิงเซิ่ง อย่างไม่มีเหตุผลอีกครั้ง
เมื่อวานก็เป็นอย่างนี้ หลังจากที่สวี่รั่วฉิงจากไปแล้ว เขาก็ถูกความง่วงเข้าจู่โจม พอผ่านไปไม่นานก็นอนหลับไปเลย
ลี่ถิงเซิ่งจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีท่าทางตั้งใจยั่วยุเขานี้ แล้วก็หัวเราะพรืดขึ้นมาคำหนึ่ง “แค่ผ่อนลมหายใจตอนจูบก็ยังไม่เป็น ยังอยากจะมาหว่านเสน่ห์ใส่ผม ไปเรียนมาเพิ่มก่อนเถอะ”
……
หลี่อานรุกหน้ามาส่งเอกสารให้กับลี่ถิงเซิ่ง แล้วมาพบเจอสวี่รั่วฉิงที่ใบหน้าบูดบึ้งทั้งหน้าออกไปจากห้องทำงานของประธานลี่
ประธานลี่กับผู้ช่วยแอนเกิดอะไรกันขึ้นอีกแล้ว? เมื่อวานตอนที่ผู้ช่วยแอนออกไปจากห้องทำงานประธานลี่ ก็มีท่าทางแบบนี้เหมือนกัน
หลี่อานผลักประตูเข้ามา “ประทานลี่ ผมเอารายงานการเงินของไตรมาสนี้มาให้คุณครับ”
ลี่ถิงเซิ่งยังคงมีท่าทีแบบที่หลี่อานคุ้นเคย ปฏิกิริยาเรียบเฉยกำลังแก้ไขรายงานอยู่ แม้แต่หน้าก็ยังไม่เงยขึ้นมามองสักครั้งเลย
“วางไว้ตรงนั้นเถอะ” ลี่ถิงเซิ่งสั่งออกไปเบา ๆ
หลี่อานรู้สึกสงสัย ดูไปแล้วประธานลี่ไม่ได้โมโหอยู่นี่ งั้นทำไมตอนที่ผู้ช่วยแอนออกมากลับมีท่าทีเหมือนอยากจะด่าคนยังไงอย่างงั้น?
สวี่รั่วฉิงคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีสภาพจิตใจไม่เลวแล้วนะ น้อยคนนักที่จะทำให้เธอโกรธขึ้นมาได้
แต่ว่าลี่ถิงเซิ่งกลับมักจะสามารถทำให้เธอโกรธขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เมื่อวานก็เป็น วันนี้ก็เป็นเหมือนกันอีก
ใครหว่านเสน่ห์ใส่เขากัน!
ตัวเองแค่อยากจะแก้แค้นสวี่รั่วยีเท่านั้น โอเคไหม
สวี่รั่วฉิงกัดฟันกรอก แล้วนั่งลงไปอย่างโกรธจัด เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา พอตอนที่กำลังจะเริ่มวางแผนว่าจะปรุงน้ำหอมยังไงเพื่อให้ได้แบบที่จะมาทำให้สองสามีภรรยาฮิลล์พอใจ และสามารถมาช่วยให้สองสามีภรรยาฮิลล์มาร่วมงานกับลี่ซื่อกรุ๊ปได้ แล้วเสียง“ติ๊งต่อง”คำหนึ่งก็ดังขึ้น และมีแจ้งเตือนอีเมลเข้ามาฉบับหนึ่งให้สวี่รั่วฉิง
เป็นไปตามคาด เป็นอีเมลที่สวี่รั่วยีส่งมา
สวี่รั่วฉิงปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ แล้วเปิดอีเมลออก
สวี่รั่วยีอยากจะได้น้ำหอมจนทนรอไม่ไหวแล้ว เธอออกคำสั่งกับสวี่รั่วฉิงในอีเมลว่า “แอนนา เร็ว ๆ หน่อย ฉันต้องการใช้น้ำหอมด่วน ถ้าหากว่าต้องการเงินเพิ่มก็ไม่มีปัญหา ฉันต้องการให้ได้รับน้ำหอมพวกนั้นอย่างรวดเร็วที่สุด!”
เพราะว่าคำพูดประโยคนั้นของลี่ถิงเซิ่ง ทำให้สวี่รั่วฉิงอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วสวี่รั่วยีก็มาพุ่งใส่หัวหอกเองนะ อย่ามาโทษเธอว่าไม่เกรงใจละกัน!
ในเมื่อว่าที่สามีของเธอมาทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดีก่อน งั้นก็ขอให้เธอเสียเงินเยอะ ๆ หน่อยละกัน จะได้ทำให้ฉันหายอารมณ์เสียสักหน่อย! สวี่รั่วฉิงคิดไป แล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมาทีหนึ่ง
เธอตอบกลับไปอย่างเชื่องช้าว่า “คุณสวี่ ปรุงน้ำหอมจะต้องใช้เวลา วันนี้คุณเพิ่งจะส่งตัวอย่างน้ำหอมมาให้กับฉัน ฉันไม่สามารถปรุงน้ำหอมออกมาได้ทันทีหรอกนะ! ถ้าหากคุณติว่าฉันทำช้า คุณก็สามารถไปจ้างคนอื่นที่เก่งกว่าได้ แล้วอีกอย่าง ฉันได้ตรวจสอบน้ำหอมขวดนี้ดูแล้ว ราคาวัตถุดิบนั้นสูงมาก คุณสวี่กรุณาจ่ายค่าซื้อวัตถุดิบเพิ่มมาด้วย ค่าวัตถุดิบสามล้าน”
สวี่รั่วยีได้รับอีเมลของสวี่รั่วฉิง แล้วก็โมโหเป็นอย่างมาก
แค่นักปรุงน้ำหอมคนหนึ่ง ทำไมถึงได้มาพูดจากับเธอแบบนี้!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้มีแต่แอนนาเท่านั้นที่พูดว่าสามารถปรุงน้ำหอมสูตรเหมือนกันออกมาได้ เธอก็จะทำให้นักปรุงน้ำหอมคนนี้อยู่ในวงการนี้ต่อไปอีกไม่ได้แน่
สวี่รั่วยีกัดฟันกรอกอย่างแรง แล้วก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาและโอนเงินให้สวี่รั่วฉิงไปอีกสามล้าน
สวี่รั่วฉิงมองโทรศัพท์ทีหนึ่ง แล้วก็ฮัมเพลงขึ้นอย่างอารมณ์ดีมาก
คืนนี้จะต้องพาสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานลูกรักทั้งสองคนออกไปกินมื้อใหญ่กันสักหน่อยแล้ว!
……
สวี่รั่วฉิงผลักประตูบ้านเข้ามา สวี่อี้หานก็รออยู่ที่หน้าประตูนานแล้ว ก็เงยใบหน้าน้อย ๆ ขึ้นมา แล้วพูดขึ้นอย่างชาญฉลาดว่า “วันนี้คุณแม่กลับมาเร็วจังเลยค่ะ! หนูกับพี่ได้เตรียมวัตถุดิบของอาหารเย็นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ!”
สวี่อี้หานมีท่าทางตื่นเต้นเตรียมพร้อมที่จะได้รับคำชื่นชม
สวี่อี้ฝานเดินออกมาจากห้องรับแขกช้า ๆ น้ำเสียงเย็นเฉียบเหมือนกันพ่อของเขายังไงอย่างงั้น “แค่เรื่องธรรมดาเล็กน้อย มีอะไรจะต้องชื่นชมกัน”
พอเด็กสาวได้ยินพี่ชายพูดแบบนี้ ก็ไม่พอใจขึ้นมา ปากเล็ก ๆ จู๋ขึ้นมาเล็กน้อย
สวี่รั่วฉิงเอากระเป๋าวางลงบนที่แขวนเอนกประสงค์ และถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วก้มตัวลงไปแล้วทิ้งรอยจูบไว้บนแก้มของสวี่อี้หานอันหนึ่ง
รองจูบสีแดงรอยหนึ่งประทับไว้บนแก้มใสสะอาดของสวี่อี้หาน
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีแล้ว สวี่อี้หานก็ตั้งสติกลับมาได้ “คุณแม่หอมแก้มหนูแล้ว ฮิ ฮิ” จากนั้น เธอก็ทำหน้าผีใส่สวี่อี้ฝานทีหนึ่ง
ใครใช้ให้นายว่าฉัน เห็นไหมคุณแม่หอมแก้มฉันแล้ว ไม่หอมแก้มนาย โมโหหรือเปล่าล่ะ! หึ!
บนใบหน้าที่น่ารักของสวี่อี้ฝาน ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เหมือนกับเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้วคนหนึ่ง ที่เก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ดีมาก
สวี่รั่วฉิงที่คุ้นเคยกับสวี่อี้ฝานดี รู้ว่าตอนนี้เจ้าเด็กคนนี้กำลังไม่พอใจขึ้นมาแล้ว
เธอจับแก้มที่ขาวใสกลม ๆ ของสวี่อี้ฝาน ใบหน้าเล็ก ๆ ที่เด้งดึ๋ง แล้วก็ทิ้งรอยจูบไว้บนใบหน้าของลูกรักอันหนึ่ง
ดวงตาโตที่ดำสนิทของสวี่อี้ฝานค่อย ๆ มองขึ้นมา แล้วแก้มแดงขึ้นเล็กน้อย “ผมอายุหกขวบแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องให้คุณแม่มาหอมแก้มเป็นรางวัลแล้ว”
สวี่รั่วฉิงทั้งอยากหัวเราะและอยากโมโห นิสัยที่ปากกับใจไม่ตรงกันแบบนี้ ตกลงได้สืบทอดจากใครมานะ!
พอคิดถึงผู้ชายคนนั้น ถ้าเกิดว่าขอหอมแก้มแบบลูก ๆ ขึ้นมาบ้าง ใจของเธอก็กระตุกขึ้นทีหนึ่ง และก็ตัวสั่นทั้งตัว……