สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1007 ความคิดเห็นของผู้คนอยู่เหนือการควบคุม

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1007 ความคิดเห็นของผู้คนอยู่เหนือการควบคุม

บทที่ 1007 ความคิดเห็นของผู้คนอยู่เหนือการควบคุม

ไม่กี่ชั่วยามให้หลัง หลี่เข่อหรงก็ออกมาจากจวนสหายสนิท นึกได้ว่าร้านอาหารเลิศรสออกขนมใหม่ ๆ มา จึงพาสาวใช้ไปซื้อขนม

ร้านอาหารเลิศรสเป็นร้านขนมชื่อดังในอาณาจักรฮุ่ย มีร้านอยู่ทั่วอาณาจักร เจ้าของแซ่หวง ได้ยินมาว่ามีผู้หนุนหลังที่ค่อนข้างใหญ่โต แต่กระทั่งบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังร้านอาหารเลิศรส

หลี่เข่อหรงมาซื้อขนมในช่วงสุดท้าย ทำได้เพียงเข้าแถวเหมือนคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงลำดับของนาง เนื่องด้วยได้ยินเสียงสตรีข้างหน้าสนทนาอย่างออกรสออกชาติ นางจึงรั้งอยู่ไม่ไหวอีกต่อไป จำต้องเบียดตัวออกจากฝูงชน

“คุณหนู…” สาวใช้ตื่นกลัวขึ้นมา

“เจ้าบอกว่าเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ?” หลี่เข่อหรงถาม “นี่คือที่เจ้าบอกว่าเรียบร้อยแล้วอย่างนั้นรึ?”

“สตรีเหล่านั้นเห็น ๆ อยู่ว่ารับปากแล้วว่าจะไม่พูดจาเหลวไหลออกไป” สาวใช้กลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ

“เจ้าให้เงินพวกเขาไปกี่มากน้อย?”

“คนละ… คนละหนึ่งตำลึงเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะน้อยเกินไป สตรีเหล่านั้นโลภมาก จึงไม่ทำตามที่รับปากเราไว้” สาวใช้ไม่กล้าสบตาหลี่เข่อหรง ทำได้เพียงหลบสายตาเท่านั้น

หลี่เข่อหรงยังไม่รู้ตัว ได้แต่ตำหนิสตรีเหล่านั้นที่รับเงินไปแต่ไม่ทำตามกฎ แพร่กระจายข่าวลือเรื่องฉีซืออี้กับลู่ฉาวอวี่ให้ทุกคนรู้ ตอนนี้ถึงได้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้น

“สกุลฉีไม่อาจล่วงเกิน” หลี่เข่อหรงกล่าว “หากซืออี้รู้เรื่องนี้เข้าแล้วตำหนิข้าเล่า? เรื่องนี้เกี่ยวโยงถึงชื่อเสียงของสตรีนางหนึ่งเชียวนะ”

“ถึงอย่างไรเราไม่พูด ผู้อื่นย่อมไม่รู้ว่าคุณหนูผู้นั้นเป็นผู้ใด คุณหนูฉีย่อมไม่รู้ว่าผู้ใดเอ่ยเรื่องนั้นออกมา” สาวใช้ออกความคิดเห็น

“เจ้าไม่พูด ผู้อื่นย่อมพูด เจ้าคิดว่าคุณหนูสกุลสิงเป็นสัตว์กินพืชที่จะช่วยพวกเราปกปิดเรื่องนี้หรือ? นางอดใจรอให้พวกเราล่วงเกินพี่หญิงสกุลฉีแทบไม่ไหวแล้ว”

“คุณหนูออกหน้าเพื่อนาง ถึงแม้จะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คุณหนูสกุลฉีก็ไม่อาจตำหนิคุณหนูกระมังเจ้าคะ?”

“พอแล้ว บอกไปตามตรงเถอะ!” หลี่เข่อหรงกล่าว “พี่หญิงสกุลฉีไม่ใช่คนโง่ เพียงแค่ได้ยินข่าวลือเหล่านี้ก็ต้องนึกออกว่ามาจากข้า หากสารภาพออกไปตามตรง ยังพอคิดหาหนทางแก้ไขได้”

สกุลฉี

ฉีซืออี้ได้ยินสาวใช้รายงาน สีหน้าก็บิดเบี้ยวไม่น่าดูชมขึ้นมา

“คุณหนู ข้างนอกมีข่าวลือเหล่านี้เต็มไปหมด จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

ฉู่หนิงจูเดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วเอ่ยว่า “ข่าวลือแพร่กระจายไปแล้ว สิ่งที่เจ้าทำได้ตอนนี้คือปล่อยให้ข่าวลือเหล่านั้นค่อย ๆ หายไปเอง”

“ท่านแม่” ฉีซืออี้ลุกขึ้นมา

“นั่งลงเถอะ!” ฉู่หนิงจูนั่งลงข้าง ๆ นาง “ลูกรัก แม่บอกเจ้าแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสตรีคือชื่อเสียงของตนเอง หากแม้กระทั่งชื่อเสียงยังไม่มี แล้วผู้ใดจะเห็นค่าเจ้า?”

“แต่ว่าท่านแม่ ท่านก็เคยบอก หากมีคนที่พึงใจ จะต้องลุกขึ้นสู้ มิเช่นนั้นจะเสียใจไปตลอดชีวิต” ฉีซืออี้เอ่ย “ถึงแม้ลูกเพิ่งกลับมาเมืองหลวงได้ไม่นาน แต่ก็พอได้ยินเรื่องราวมาบ้าง…”

“ซืออี้” ฉู่หนิงจูหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้หมายความอื่นใด ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าตอนท่านแม่ยังเยาว์ก็กล้าหาญถึงเพียงนั้น ท่านจะปล่อยให้ลูกกลายเป็นทหารหนีทัพได้อย่างไร?”

“แม่อยากให้เจ้าต่อสู้ ไม่ใช่บีบบังคับ” ฉู่หนิงจูกล่าว “ตอนที่เพิ่งรู้ความในใจของเจ้า ข้าก็พยายามสู้เพื่อเจ้าแล้วเช่นกัน แต่เจ้าก็เห็น อีกฝ่ายไม่ได้คิดเช่นนั้น ในเมื่อไม่ได้คิดเช่นเดียวกันก็ไม่ควรบีบบังคับ ลูกสาวของข้าโดดเด่นเพียงนี้ ผู้ที่อยากแต่งกับเจ้ามีมากมายถมไป ไยเจ้าต้องผิดต่อตนเองเล่า?”

“แต่ว่า ข้าชอบเพียงคนผู้นี้”

“ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า? สร้างความวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ พ่อเจ้าไม่รู้จะโกรธเพียงใด เจ้ายังจะชอบเพียงคนผู้นี้อีกหรือ?”

“ในเมื่อเห็นความดีงามที่สุดในโลกแล้ว ข้าย่อมแลไม่เห็นสิ่งอื่นใดอีก”

“แม่แนะนำเจ้าให้ไปหาเทพโอสถที่เมืองถงหยางโดยเร็วที่สุด จะได้รักษาใบหน้าเจ้าให้หาย หากสตรีผู้หนึ่งเสียโฉมแล้ว ภายหน้าผู้ใดจะยินดีแต่งงานด้วย? ถึงแม้ตำแหน่งขุนนางของบิดาเจ้าจะสูงขึ้นกว่านี้ ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม”

พ่อบ้านเดินเข้ามาจากข้างนอก กล่าวรายงาน “ฮูหยิน นายท่านให้คุณหนูไปที่ห้องตำราขอรับ”

“ท่านแม่…” ฉีซืออี้ตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว

ฉู่หนิงจูเอ่ย “ข้าจะไปกับเจ้า”

“นายท่านบอกว่าให้คุณหนูไปหาเขาเพียงผู้เดียวขอรับ” พ่อบ้านกล่าวเสริมต่อไป “ฮูหยิน ท่านก็รู้นิสัยของนายท่านดี”

“เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ ไปคุยกับพ่อของเจ้า อย่าได้ขัดคำสั่งเขา” ฉู่หนิงจูกล่าวเตือน

ฉีซืออี้พยักหน้า “เจ้าค่ะ”

ฉู่หนิงจูรอฉีซืออี้กลับมาอยู่ในห้อง ฉีซืออี้เข้าห้องตำราไปนานแล้ว นางดื่มชาไปหนึ่งกาก็ยังไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะกลับมา

“ฮูหยิน คุณหนูหลี่มาเยี่ยมเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้เดินเข้ามารายงานจากข้างนอก

“เชิญนางเข้ามา” ฉู่หนิงจูกล่าว

หลังจากหลี่เข่อหรงตามบ่าวรับใช้เข้ามา นางก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นฉู่หนิงจูรอนางอยู่ในห้องของฉีซืออี้

“คารวะฮูหยิน”

“ซืออี้ไปหาพ่อของนางแล้ว เกรงว่าจะไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ เจ้านั่งรอสักประเดี๋ยว เด็ก ๆ ยกชามา”

“ฮูหยิน ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากแล้วเจ้าค่ะ”

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับซืออี้ ประเดี๋ยวพบซืออี้แล้ว เจ้าช่วยข้าโน้มน้าวให้นางไปรักษาใบหน้าที่เมืองถงหยางโดยเร็วที่สุดเถอะ ข้าเป็นห่วงเรื่องบาดแผลบนใบหน้านาง หากล่าช้าไป ภายหน้าทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้จะทำอย่างไร? เจ้าเด็กคนนั้นดื้อดึงเหมือนบิดาของนาง สนใจแต่อารมณ์ตนเอง ไม่คิดถึงผลระยะยาวเอาเสียเลย”

“ฮูหยินวางใจ ข้าจะกล่อมนางเอง” ส่วนนางจะฟังหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหลี่เข่อหรงแล้ว

แทนที่จะกล่าวว่าพวกนางเป็นสหายสนิทกัน ยังไม่สู้บอกว่านางเป็นฝ่ายติดตามฉีซืออี้เพียงฝ่ายเดียว ด้วยหวังว่าจะอาศัยตัวตนของนางให้ตนได้ใช้ชีวิตในบ้านได้ง่ายดายขึ้นจะเหมาะสมกว่า หลี่เข่อหรงต้องการได้รับความสำคัญจากคนในบ้าน พวกเขาจะได้รู้ว่านางนั้นมีประโยชน์

“ข้ายังมีอย่างอื่นต้องทำ ไม่รอนางอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าค่อย ๆ ดื่มชา รออยู่ที่นี่สักประเดี๋ยวเถอะ!” ฉู่หนิงจูกล่าว

“เจ้าค่ะ”

หลังจากฉู่หนิงจูไปไม่นานนัก ฉีซืออี้ก็กลับมา

ใบหน้าของนางแดงเรื่อ ดูแล้วมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย

หลี่เข่อหรงเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้กังวลถึงเพียงนั้นแล้ว

อีกฝ่ายอารมณ์ดีไม่เลว หากรู้ทีหลังว่าเหตุการณ์นั้นเกี่ยวข้องกับนาง คงไม่โกรธจนสร้างความลำบากใจให้กันกระมัง?

“เจ้ามาแล้วหรือ” ฉีซืออี้เอ่ย “นั่งสิ”

“เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าเพิ่งมาพบกับฮูหยิน นางดูค่อนข้างกังวลทีเดียว” หลี่เข่อหรงเอ่ย “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ท่านแม่อยากให้ข้ารีบรุดไปเมืองถงหยาง” ฉีซืออี้กล่าว “ข้ารู้ว่านางเป็นห่วง อันที่จริงกลับไม่จำเป็นแม้แต่น้อย ถึงแม้หมอหลวงจะรักษาใบหน้าข้าไม่ได้ พวกเขาก็ต้องใช้ยาที่ดีที่สุดในการรักษาข้า อย่างน้อยคงไม่ย่ำแย่ไปกว่านี้”

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะไปเมื่อไหร่?”

“รออีกระยะหนึ่งเถอะ!”

สิ้นคำ ฉีซืออี้ก็มองนางอย่างสงสัย “เหตุใดเจ้าถึงสนใจว่าข้าจะไปเมืองถงหยางเมื่อใดเพียงนี้? หรือว่าท่านแม่ข้าให้เจ้ามาเกลี้ยกล่อมข้า?”

“แม้กระทั่งฮูหยินยังเกลี้ยกล่อมเจ้าไม่ได้ นับประสาอะไรกับข้า เพียงแต่ข้ามีบางอย่างจะบอกเจ้า…” หลี่เข่อหรงบิดผ้าเช็ดหน้าในมือ รวบรวมความกล้าเล่าให้ฟังว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น “ไม่คิดว่าเรื่องจะลุกลามรวดเร็วปานนี้ สิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดคือสตรีพวกนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกนางได้ผลประโยชน์แล้ว ทั้งยังรับปากว่าจะไม่เอ่ยออกไป ผลที่ได้คือข้ายังไม่ถึงบ้าน คำพูดไม่น่าฟังเหล่านั้นกลับแพร่กระจายจนล่วงรู้กันทุกคน…”

—————————————————-

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท