สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1017 ลู่ฉาวอวี่จนปัญญา

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1017 ลู่ฉาวอวี่จนปัญญา

บทที่ 1017 ลู่ฉาวอวี่จนปัญญา

หลังจากมื้ออาหาร เหล่าบุรุษก็ไปจัดการเรื่องของตนต่อ

ลู่ฉาวอวี่มีวันลาแต่งงานถึงสามวันจึงไม่จำเป็นต้องไปสำนักตรวจการ

มู่ซืออวี่ถามสิงเจียซือว่าบาดแผลที่แขนของนางเป็นอย่างไรบ้าง ฝ่ายหลังตอบว่าไม่ร้ายแรงอะไร

หลังจากยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่านางไม่เป็นอะไร มู่ซืออวี่จึงตัดสินใจพาทั้งครอบครัวออกไปซื้อของ อยากซื้อสิ่งใดก็ซื้อสิ่งนั้น

ยากนักที่ลู่จื่ออวิ๋นจะได้กลับมาสักครั้ง มู่ซืออวี่แน่นอนว่าย่อมต้องการเลือกของที่ลูกสาวคนโตชอบให้มากหน่อย นอกจากนี้ สิงเจียซือเพิ่งแต่งเข้ามา ในฐานะสะใภ้ของสกุลลู่ ย่อมต้องให้มีหน้ามีตาเสียหน่อย

ยิ่งกว่านั้น การจับจ่ายใช้สอยยังเป็นเรื่องสนุกสำหรับสตรี บัดนี้ในครอบครัวมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคน พวกเขาย่อมต้องไปจับจ่ายใช้สอยให้มาก กระชับความสัมพันธ์

สิงเจียซือลอบมองลู่ฉาวอวี่ ถามเขาอย่างไร้สุ้มเสียงว่าควรจัดการอย่างไรดี

ลู่ฉาวอวี่ส่งสัญญาณให้นางตามมารดาตนไป

“พระชายามาทางนี้แล้ว รีบเตรียมตัวต้อนรับเร็วเข้า” เถ้าแก่ร้านขายผ้าวิ่งกลับเข้าไปในร้าน บอกคนงานภายในร้านให้เตรียมตัวให้พร้อม

ไม่แปลกใจที่เหตุใดเถ้าแก่จึงตื่นเต้นเพียงนี้ วันนี้เทพแห่งความมั่งคั่งมาเผื่อแผ่ความมั่งคั่งด้วยตนเอง ขอเพียงนางเข้ามาในร้าน นางชอบสิ่งใดก็จะซื้อสิ่งนั้น ราวกับไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่น้อย

มู่ซืออวี่พาลูกชายกับลูกสะใภ้และลูกสาวทั้งสองคนเข้าไปในร้านขายผ้า

“ฉาวอวี่ รีบมาดูผ้าพับนี้เร็ว เป็นอย่างไร?” มู่ซืออวี่หยิบผ้าพับหนึ่งขึ้นมาเทียบลงไปบนตัวเขา

“ท่านแม่ ข้าไม่ชอบสีเข้มสดเพียงนี้” ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว

“เจ้าไม่ชอบ แต่เจียซือชอบนี่!” มู่ซืออวี่เอ่ย “สีนี้ใส่ได้ทั้งบุรุษสตรี ซื้อไปตัดชุดให้พวกเจ้าคนละชุด ใส่แล้วจะต้องดูดีเป็นแน่”

สิงเจียซือ “…”

ในสมองของนางปรากฏภาพที่สวมใส่ชุดสีเดียวกับลู่ฉาวอวี่ขึ้นมา ทั่วทั้งตัวนางพลันชะงักค้าง

“ท่านแม่ ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ” สิงเจียซือเอ่ย “ท่านพี่ไม่ชอบ พวกเราไปดูอย่างอื่นกันเถิด!”

“อย่างอื่นก็ดี ผืนนี้ก็เอา” มู่ซืออวี่เลือกผ้าไหมอีกสองสามพับให้กับลู่จื่ออวิ๋นและน้องสาว

“ท่านแม่ สีนี้ไม่เลวเลยนะเจ้าคะ? ท่านกับท่านพ่อตัดสักชุดจะต้องดูดีเป็นแน่” ลู่จื่ออวิ๋นเดินออกมาพร้อมกับผ้าพับหนึ่ง

มู่ซืออวี่มองปราดเดียวแล้วเอ่ย “ได้ เอามาเถอะ!”

นางเป็นคนหนังหนา ถึงแม้จะสวมใส่ชุดคู่กับลู่อี้ก็ไม่เป็นไร หลายปีมานี้ลู่อี้ก็เริ่มคุ้นชินกับนิสัยไร้ขีดจำกัดของนางแล้ว นับประสาอะไรกับผ้าสีม่วงเข้มพับนี้ แม้กระทั่งเป็นสีแดงสด เขาก็คงกล้าสวม

ท่านอ๋องลู่กลัวภรรยา เรื่องนี้เป็นที่รู้ดีกันทั่วหล้า ผู้ใดจะกล้าหัวเราะเยาะเขา?

ลู่ฉาวอวี่ถือของห่อน้อยห่อใหญ่ไว้ในมือ

สิงเจียซือหันกลับไปมองอีกฝ่าย แล้วช่วยแบ่งห่อเล็ก ๆ หลายห่อมาถือเอาไว้เอง

มู่ซืออวี่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น มองหน้าลู่จื่ออวิ๋นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ “ข้ากับน้องสาวสองคนของเจ้าจะเข้าไปดูข้างในหน่อย เจ้าจะเข้าไปหรือไม่?”

ลู่ฉาวอวี่มองตามสายตาของมู่ซืออวี่ จึงเห็น…

หอนงคราญ

หอนงคราญเป็นสถานที่ขายของใช้ส่วนตัวสตรีโดยเฉพาะ

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจเข้าไปที่นั่นได้

“ท่านแม่ ท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ!”

“ข้าเพียงแค่ถามความคิดเห็นของเจ้า หากเจ้าไม่ไป ข้ายังจะบังคับให้เจ้าเข้าไปได้หรือ? เอาอย่างนี้ เจ้ากับเจียซือไปทางนั้น ช่วยเราเลือกเครื่องประดับสักสองสามชิ้น ภารกิจนี้ให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้ว หลังจากเลือกเสร็จเจ้าก็พาเจียซือไปเดินเล่นเสียหน่อย กลางวันก็ไม่ต้องกลับมาทานอาหาร หาภัตตาคารสักแห่งเติมท้องสักมื้อเถอะ อย่าได้รังแกนางล่ะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ประเดี๋ยวข้าจะพาอวิ๋นเอ๋อร์ไปเที่ยวเล่น นางไม่ได้กลับมานานแล้ว ให้นางได้ผ่อนคลายบ้าง”

“ขอรับ”

หลังจากลู่ฉาวอวี่กับสิงเจียซือไปแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ เมื่อวานนี้เพิ่งเกิดเรื่อง วันนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เตร็ดเตร่เช่นนี้คงไม่เกิดเรื่องอีกนะเจ้าคะ?”

“หากมีคนคิดจะลงมือจริง ๆ คนที่พ่อเจ้าจัดเตรียมไว้ย่อมปรากฏตัวออกมาจับเขาได้พอดี เจ้าไม่เห็นหรือว่าถนนสองเส้นนี้ล้วนมีแต่คนคุ้นหน้า? คนเหล่านั้นล้วนเป็นหูตาที่พ่อเจ้าเตรียมการไว้”

ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้สังเกตจริง ๆ

นางคิดว่ามู่ซืออวี่พาพวกตนออกมาเดินเล่นช่างกล้าหาญยิ่งนัก ที่แท้ไม่ใช่กล้าหาญ หากแต่ได้เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว

หอนงคราญก็มีบุรุษเข้ามาเช่นกัน เพียงแต่จะดื่มชาพักผ่อนอยู่ที่ห้องแยกอีกห้องหนึ่งต่างหาก รอสตรีเลือกของแล้วค่อยจ่ายเงิน

“พี่หญิง ชิ้นนี้ไม่เลวเลย” ลู่จื่อชิงถือเสื้อในตัวหนึ่งไว้ ยื่นไปเบื้องหน้าลู่จื่ออวิ๋น

ลู่จื่ออวิ๋นยื่นมือไปบีบแก้มนาง “น่าเกลียดจริง ที่แท้เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงหรือไม่?”

“ท่านหน้าตางดงามเพียงนี้ สวมผ้าขี้ริ้วก็ยังน่ามองอยู่ดี”

“ได้ เช่นนั้นไม่ต้องซื้อแล้ว กลับไปข้าจะเย็บผ้าขี้ริ้วสักสองตัวให้เจ้า”

“ข้าหน้าตาไม่งดงามเท่าท่าน เช่นนั้นแต่งกายให้เรียบร้อยหน่อยจะดีกว่า” ลู่จื่อชิงหัวเราะออกมา

จู่ ๆ นางก็หุบยิ้มทันควัน

บุรุษผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน

บุรุษผู้นั้นมีรูปร่างปานกลาง สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบขาดรุ่งริ่ง สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน

อย่างไรก็ตาม…

“มีอะไรหรือ?” ลู่จืออวิ๋นมองตามสายตานางไป “เจ้าเห็นอะไรหรือ?”

“พี่หญิง ข้าเห็นคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นพวกเราตามหามานานแล้ว ข้าไม่อาจปล่อยให้เขาหนีไปได้ ดังนั้นไม่อาจซื้อของเป็นเพื่อนท่านกับท่านแม่อีก พวกท่านค่อย ๆ ซื้อของไปเถอะ”

สิ้นคำ ลู่จื่อชิงก็วิ่งออกไปข้างนอกทันที

“ชิงเอ๋อร์!” ลู่จื่ออวิ๋นตะโกนเรียกนาง

“มีอะไรหรือ?” มู่ซืออวี่ได้ยินเสียงร้องเรียกก็เดินออกมา

ลู่จื่ออวิ๋นข่มความกังวลของตนไว้แล้วเอ่ย “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ชิงเอ๋อร์ นังหนูคนนั้นไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเสียเลย นางไม่อยากซื้อของแล้วจึงวิ่งออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเจ้าค่ะ”

“นางทนมาได้กระทั่งตอนนี้ก็เห็นแก่หน้าเจ้ามากแล้ว” มู่ซืออวี่ค้านคำ “นางไม่อยากซื้อก็แล้วไปเถิด อย่างไรรสนิยมของนางก็ไม่ดีเอาเสียเลย พวกเราเลือกให้ก็พอแล้ว”

“เจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ข้าไปห้องสุขาก่อนนะเจ้าคะ”

“แม่จะรอเจ้าอยู่ข้างใน”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากมู่ซืออวี่เข้าไปแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นก็เดินออกไปข้างนอก

นางกวักมือเรียกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูให้มาหา

ผู้คุ้มกันเดินเข้ามา “พระนาง”

“เมื่อครู่นี้เห็นคุณหนูรองหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ประเดี๋ยวตามไปดูที นอกจากนี้ไปหาชายหนุ่มหลายคนที่กลับมาพร้อมกับคุณหนูรองด้วย เล่าสถานการณ์ของคุณหนูรองให้พวกเขาฟัง”

“ขอรับ”

ไป๋จื่อเอ่ย “พระนาง เรื่องนี้ไม่บอกกล่าวพระชายาหรือเจ้าคะ?”

“หลายปีมานี้ท่านแม่ลำบากมามาก อย่าปล่อยให้มีเรื่องใดทำนางกังวล” ลู่จืออวิ๋นเอ่ย “นางควรมีความสุขเสียที หากมีเรื่องอะไรจริง ๆ พวกเราจัดการก็พอแล้ว”

ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้เข้าไปในทันที หากแต่เรียกผู้คุ้มกันอีกสองคนเข้ามา

“พวกเจ้าไปตรวจสอบหอนงคราญนี้ดูเสียหน่อย”

“พระนางสงสัยว่า…”

“ตรวจสอบก่อน หากมีปัญหาอะไรตรวจสอบแล้วย่อมรู้ได้”

“ขอรับ”

“อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น มิเช่นนั้นถึงแม้มีปัญหา หากฝ่ายตรงข้ามรู้ล่วงหน้าก่อน คงตรวจสอบไม่พบสิ่งใด”

ลู่จื่ออวิ๋นจัดแจงเรียบร้อยแล้ว ขณะกำลังจะเข้าไปข้างใน กลับเห็นเจียงหว่านเฉินพาสตรีนางหนึ่งเดินมาทางนี้พอดี

เจียงหว่านเฉินนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับลู่จื่ออวิ๋น จังหวะนั้นเขาพลันกระอักกระอ่วนขึ้นมา สตรีผู้นั้นค่อนข้างเยาว์วัย อีกทั้งยังไม่ใช่ภรรยาเอกของเขา งานเลี้ยงในวังครั้งก่อน เขาได้พบกับนางจึงเกิดความรู้สึกประทับใจ

ลู่จื่ออวิ๋นแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

เจียงหว่านเฉินมองตามเงาร่างของลู่จื่ออวิ๋น แววตาพลันวูบไหวด้วยความผิดหวัง

เคยได้ยินบทละครเรื่องหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ยามเยาว์วัยไม่อาจพบผู้ที่โดดเด่นเกินไป มิเช่นนั้นชั่วชีวิตนี้คงไม่อาจลืมเลือน ต่อเจียงหว่านเฉินแล้ว เขาคงเป็นคนในบทละครผู้นั้นกระมัง!

“นายท่าน มีอะไรหรือเจ้าคะ?” หญิงนางนั้นเอ่ยถาม

เจียงหว่านเฉินเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีอะไร วันนี้ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ไม่ไปแล้ว วันหลังค่อยไปเถิด!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท