บทที่ 1023 ข้ารังแกเขาได้ แต่ผู้อื่นข้ามรังแกเขา
บทที่ 1023 ข้ารังแกเขาได้ แต่ผู้อื่นข้ามรังแกเขา
“ขี้หึงเสียจริง” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “เมื่อครู่นี้เจ้าใช้มีดเล่มเดียวแทงข้าอย่างราบรื่น เหตุใดยามนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วเล่า? เจ้าดูสิ ชิงเอ๋อร์ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขเพียงใด นางอยู่ต่อหน้าเจ้าก็ไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขเพียงนี้กระมัง?”
ซ่งหานจือเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าว่าท่านไม่ได้จริงใจกับชิงเอ๋อร์เท่าใดนัก หากท่านมีอารมณ์มาชมละครสนุกอยู่ที่นี่ ความจริงใจของท่านนั้นมีกี่ส่วนกัน?”
จี้ซ่งเฉิงยกเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่ม “ข้าเพียงอยากจะสู้กับเจ้า”
“ที่แท้ท่านได้ชอบชิงเอ๋อร์จริง ๆ หรือไม่?” ซ่งหานจือขมวดคิ้ว
“บางที…” จี้ซ่งเฉิงชี้ไปที่ซ่งหานจือ “ผู้ที่ข้าถูกใจอาจเป็นเจ้า”
“ถุย!” ซ่งหานจือผู้สง่างามมาโดยตลอดพ่นคำหยาบใส่เขา
“ฮ่า ๆๆ” เมื่อจี้ซ่งเฉิงเห็นสีหน้ารังเกียจของเขา ก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ลู่จื่อชิงหันกลับไปมองสองคนที่อยู่ไม่ไกล
จู่ ๆ ม้าของฟ่านซู่พลันตื่นตระหนก มันส่งเสียงร้องลั่น แล้วห้อตะบึงออกไป
“ชิงเอ๋อร์…” ฟ่านซู่แสดงสีหน้าตื่นกลัวออกมา
“เจ้ารีบมานี่” ลู่จื่อชิงตะโกนขึ้น
ฟ่านซู่กระโจนออกมา ข้ามไปนั่งบนหลังม้าของลู่จื่อชิง
ส่วนม้าคลุ้มคลั่งตัวนั้น บ่าวรับใช้ได้รุดไปควบคุมมันแล้ว
“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม
ฟ่านซู่กอดเอวของลู่จื่อชิงจากข้างหลัง เอ่ยกระซิบข้างหูนาง “ไม่เป็นไร”
ซ่งหานจือผุดลุกขึ้นทันที
ดวงตาคู่นั้นเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง
จี้ซ่งเฉิงเดาะลิ้น “เด็กน้อย เจ้าเจอคู่ต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว คนผู้นี้วิชาสูงส่งกว่าเจ้า เกรงว่าเจ้าจะเอาชนะเขาไม่ได้”
“หากชิงเอ๋อร์ชอบพอเขาเล่า?” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “กฎของสกุลลู่ เจ้าคงรู้ดีกว่าข้ากระมัง? หากชิงเอ๋อร์ชอบเขาจริง ๆ ท่านอ๋องลู่ไม่มีทางใช้ตะบองตียวนยาง*[1] ทั้งยังจะพยายามช่วยเขาทุกวิถีทาง”
“ไม่ได้” ซ่งหานจือเพียงแค่นึกถึงฉากนั้น หัวใจก็ราวกับถูกมีดกระหน่ำแทงเป็นสิบ ๆ ครั้ง
“อยากให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่?”
“อะไรนะ… โอ๊ย…” ซ่งหานจือหันกลับมา จี้ซ่งเฉิงก็ชกเข้าที่ท้องเขาเต็มรัก ความรู้สึกเจ็บปวดทำให้เขาต้องคู้ตัวลง
“ชิงเอ๋อร์ สหายซ่งใกล้จะไม่ไหวแล้ว!” จี้ซ่งเฉิงตะโกนดังลั่น
ซ่งหานจือ “…”
เขาจ้องมองจี้ซ่งเฉิงด้วยสายตาโกรธแค้น
จี้ซ่งเฉิงลดเสียงลงกล่าว “ข้ายังเป็นพี่น้องที่ดีกับเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าเห็นเราเป็นคู่แข่งกัน ข้ายังช่วยเจ้าถึงเพียงนี้ หากเจ้าตายแล้วก็บอกเสี่ยวชิงเอ๋อร์ให้นางแต่งให้ข้า ข้าจะต้องดูแลนางแทนเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน”
“ช่างเป็นพี่น้องที่ดีเสียจริง!” ซ่งหานจือเค้นเสียงลอดไรฟัน
“พูดได้ดี ๆ เกรงใจแล้ว ๆ พี่น้องที่ภักดีอย่างข้ามีไม่มาก เจ้าต้องรู้จักถนอมไว้เล่า” จี้ซ่งเฉิงเห็นลู่จื่อชิงรุดเข้ามา จึงเอ่ยอย่างขื่นขม “สาวน้อยไร้ใจ ได้ยินว่าเจ้าเกิดเรื่องก็รีบโผเข้ามา ดูเหมือนว่าหากเจ้าไม่ตาย ข้าคงไม่มีโอกาสจริง ๆ มิเช่นนั้น เจ้าก็ตาย ๆ ไปเถอะ!”
ซ่งหานจือ “…”
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสามคนกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
เริ่มแรกที่จี้ซ่งเฉิงปรากฏตัว ซ่งหานจือรู้สึกขัดหูขัดตาอีกฝ่ายในหลาย ๆ เรื่อง เขาเชื่อว่าจี้ซ่งเฉิงในตอนนั้น ต่อเขาแล้วก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ลู่จื่อชิงวิ่งเข้ามาถาม “พิษกำเริบอีกแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่” ซ่งหานจือไม่อยากให้นางอยู่กับฟ่านซู่ เพียงแต่เขาก็ไม่อยากใช้เรื่องนี้ทำให้นางกลัวเช่นกัน “อาจเป็นเพราะเมื่อคืนข้าต้องลมเย็น อีกทั้งวันนี้ยังทานของเย็นจึงรู้สึกไม่สบายท้อง”
“ที่เรือนพักผ่อนบนภูเขามีท่านหมอ ข้าจะให้ท่านหมอมาดู”
“ไม่ต้องแล้ว” หากท่านหมอมา อาจพบว่าพิษของเขากำเริบอีก “หากข้าได้พักสักประเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
“โธ่ ไม่ได้ลำบากเพียงนั้น” จี้ซ่งเฉิงมองมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด “เขาเพียงแค่ปวดท้อง เพียงแค่ระบายของเสียออกมาก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ซ่งหานจือ “…”
จู่ ๆ เขาก็เชื่อขึ้นมาว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูหัวใจจริง ๆ
นี่ไม่ใช่ว่าจี้ซ่งเฉิงไม่ปล่อยโอกาสที่จะทำลายภาพลักษณ์ของเขาป่นปี้หลุดลอยไปแม้แต่ครั้งเดียวหรือ
“เช่นนั้นท่านพาเขาไปสิ!” ลู่จื่อชิงไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
คนเรามีเรื่องเร่งด่วนสามประการ คนเรากินข้าวจะไม่จัดการปัญหาของร่างกายได้อย่างไร?
ฟ่านซู่เดินเข้ามาเอ่ย “สหายซ่งร่างกายไม่แข็งแรง ควรพักผ่อนให้มากจริง ๆ เอาอย่างนี้ วันนี้พวกเราไม่ต้องกลับเข้าเมือง พักผ่อนอยู่ที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาแห่งนี้ให้ดีเถิด”
“ไยเจ้าเดินเช่นนี้?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม “เมื่อครู่บาดเจ็บแล้วหรือ?”
ฟ่านซู่ลูบคลำแขนเบา ๆ “อืม คงเคล็ดแล้ว”
“เด็ก ๆ เชิญท่านหมอมา” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พอดีเลย พี่หานจือก็ต้องไปให้ท่านหมอตรวจดูเช่นกัน”
จี้ซ่งเฉิงเดินเข้ามาประชิดตัวซ่งหานจือ “พอดี… เจ้าได้รับเพียง ‘พอดี’ ดูเหมือนเจ้า พี่หานจือผู้นี้ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร!”
ซ่งหานจือปรายตามองเขา “หุบปาก”
ลู่จื่อชิงในฐานะคุณหนูรอง ที่นี่จึงมีห้องส่วนตัวของนาง ซ่งหานจือในฐานะเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของนาง ก่อนหน้านี้มักมาเล่นอยู่ที่นี่บ่อยครั้ง ห้องเฉพาะของเขาจึงอยู่ตรงข้ามลู่จื่อชิง
เช่นเดียวกับลู่จื่ออวิ๋นในตอนนั้น ห้องตรงข้ามกับลู่จื่อวิ๋นสงวนไว้ให้เซี่ยเฉิงจิ่น ในทำนองเดียวกัน ห้องตรงข้ามลู่จื่อชิงก็สงวนไว้ให้สหายที่สำคัญมากสำหรับนางเช่นกัน
จี้ซ่งเฉิงและฟ่านซู่เลือกห้องที่อยู่ใกล้ ๆ หน่อย เพียงแต่เป็นเพียงห้องพักแขกธรรมดา ๆ ไม่ได้วิจิตรงดงามอย่างห้องส่วนตัวที่สกุลลู่เก็บไว้
จี้ซ่งเฉิงกับฟ่านซู่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
ฟ่านซู่กล่าวยิ้ม ๆ “สหายจี้ คืนนี้ดื่มสักจอกหรือไม่?”
“ท่านเป็นคนบาดเจ็บ หากท่านไม่ถือสา ข้าก็ไม่ถือสา” จี้ซ่งเฉิงกล่าว “ซ่งหานจือก็ไม่ต้องเรียกแล้ว เขาไม่สบายท้อง ดื่มสุราแล้วจะยิ่งไม่สบาย มิเช่นนั้นคุณหนูรองลู่ทางนั้นคงฆ่าข้า”
“สหายจี้กับสหายซ่งความสัมพันธ์ไม่เลวกระมัง?”
“เรียกว่าพอได้! ข้าไม่ค่อยชอบเขา แต่คนผู้นี้น่าสนใจทีเดียว ดังนั้นข้ารังแกเขาได้ แต่กลับไม่ชอบให้ผู้อื่นรังแก” จี้ซ่งเฉิงกล่าวพลางหัวเราะ “สหายฟ่านก็น่าสนใจทีเดียว ข้าก็ชื่นชมเช่นกัน”
“เช่นนั้นต้องขอบคุณแล้ว”
ลู่จื่อชิงดึงผ้าขึ้นห่มให้ซ่งหานจือแล้วถามท่านหมอที่อยู่ข้าง ๆ “เขาเพียงแค่กินของแสลงเข้าไปจริง ๆ หรือ?”
ขณะที่ท่านหมอกำลังจะเอ่ยปาก กลับได้ยินซ่งหานจือกล่าวตอบนางเสียก่อน “แน่นอนว่าเพียงแค่กินของแสลง เจ้าอย่าได้กังวลไป”
ท่านหมอว่าตาม “ขอรับ”
“เช่นนั้นท่านเขียนใบสั่งยาเถอะ!” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ในเมื่อเขาท้องไส้ไม่ดี ควรเน้นเรื่องอาหารการกินให้มากกว่านี้ ท่านเขียนสิ่งที่เขากินได้เสียหน่อย”
“ขอรับ” ท่านหมอเหลือบมองซ่งหานจือแวบหนึ่ง แล้วเดินไปที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลเพื่อเขียนใบสั่งยา
ลู่จื่อชิงเอ่ย “รอประเดี๋ยว ข้าจะให้บ่าวไปต้มยาให้เจ้า เจ้าพักผ่อนให้มาก ๆ หากพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้น เราจะกลับเมืองหลวงไปหาหมอหลวง”
“ได้” ซ่งหานจือเอ่ย “โทษข้า ยากนักที่เจ้าจะได้ขี่ม้าอย่างมีความสุข ข้ากลับทำให้เจ้าหมดสนุกแล้ว”
“ข้ายังคงชอบขี่ม้าอยู่ข้างนอกมากกว่า” ลู่จื่อชิงกล่าว “เหมือนช่วงเวลาก่อนหน้านี้ บุญคุณต้องทดแทนความแค้นต้องชำระ นั่นไม่สนุกมากหรือ? ไปดูทะเลไกลฟ้ากว้าง อย่างไรข้าก็ไม่ชอบชีวิตที่ต้องถูกจำกัดอยู่เช่นนี้”
“เจ้าอยากไปที่ใด ข้าก็จะไปที่นั่น” ซ่งหานจือเอ่ย “อีกเพียงไม่กี่วัน พวกเราก็จะได้ไปสู่ทะเลไกลฟ้ากว้างอีกครั้งแล้ว”
“จริงสิ ทางหอนงคราญคงมีข่าวแล้วหรือไม่? พิษในร่างกายเจ้ารอไม่ไหว” ลู่จื่อชิงขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้ข้าจะกลับเมืองหลวง ไปหาท่านหมอเสียก่อน แล้วค่อยสอบถามเรื่องหอนงคราญ”
[1] ใช้ตะบองตียวนยาง หมายถึง แยกคู่รักจากกัน