บทที่ 1032 โมโหแล้ว อีกทั้งยังเกลี้ยกล่อมไม่ได้
บทที่ 1032 โมโหแล้ว อีกทั้งยังเกลี้ยกล่อมไม่ได้
เมื่อมู่ซืออวี่กลับถึงจวนก็ได้ยินว่าลู่จื่อชิงกำลังขุดดอกไม้อยู่ในสวน จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินนวยนาดไปหา
นางเห็นร่างเพรียวบางนั่งยอง ๆ ขุดดอกไม้อยู่ตรงนั้น เบื้องหน้าเต็มไปด้วยบ่อหลุมมากมาย ดอกไม้ที่เติบโตเป็นอย่างดีถูกขุดขึ้นมาแล้ว
“นี่มีเรื่องอะไรกัน?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ
“คุณชายซ่งไปแล้วเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้เอ่ยเสียงแผ่วเบา “เมื่อครู่นี้พ่อบ้านจวนซ่งมาที่นี่ นำจดหมายจากคุณชายซ่งฉบับหนึ่งกับกระถางดอกไม้มาให้ เพียงแต่คุณหนูไม่เหลียวแลแม้เพียงแวบเดียว นางโยนมันทิ้งไปแล้วเจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่มองตามสายตาของสาวใช้จึงเห็นกระถางดอกไม้งดงามกระถางหนึ่งและจดหมายยับยู่ยี่ฉบับหนึ่งซึ่งวางอยู่บนกระถางดอกไม้นั้น
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นชิงเอ๋อร์ของเราโมโหเพียงนี้ นางโกรธมาก เช่นนั้นนางจะทำอะไรกับดอกไม้เหล่านี้?” สิ้นคำ จู่ ๆ มู่ซืออวี่ก็เอ่ยขึ้นมา “ข้านึกขึ้นได้ว่าดอกไม้เหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าเด็กสกุลซ่งผู้นั้นปลูกให้นางกระมัง?”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางทำตามความต้องการเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ระบายความโกรธดีกว่าเก็บเอาไว้เพียงในใจ”
“สวนใหญ่เพียงนี้ คุณหนูต้องขุดไปอีกนานเพียงใดเจ้าคะ? หวางเฟยเกลี้ยกล่อมนางเถิด หากนางโกรธมากเกินไป ท่านจะทุกข์ใจเอาได้นะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ทุกข์ใจหรอก” มู่ซืออวี่เอ่ย “ผู้ใดบ้างที่ครั้งยังเยาว์ไม่รู้สึกสับสนกับความรู้สึกตนเอง? แม่นางน้อยวัยนางควรมีชีวิตชีวามากกว่านี้ ห่อเหี่ยวไปจะมีประโยชน์อะไร?”
ลู่จื่ออวิ๋นจูงลูกสาวของนางเข้ามา เมื่อเห็นการกระทำของลู่จื่อชิงจึงเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “ท่านแม่ ข้าอยากกินเนื้อย่างแล้ว”
มู่ซืออวี่กล่าวยิ้ม ๆ “ได้ แม่จะทำให้เจ้า”
“ท่านแม่ พี่หญิง…” ลู่จื่อชิงหยุดมือ “พวกท่านใจร้ายจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะไม่สนใจข้าแม้แต่น้อย”
“สตรีสกุลลู่เรายังมีพายุลูกใหญ่อะไรไม่เคยเห็นอีก พวกเราต้องกังวลด้วยหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นยิ้ม “ราชสำนัก ยุทธภพ ยกทัพไปปราบโจร เจ้าทำเรื่องใหญ่ที่สตรีมากมายล้วนไม่เคยทำ บัดนี้เป็นเพียงเรื่องความรู้สึกเล็กน้อย ต่อเจ้าแล้วมีอะไรยากกัน?”
“ข้าโกรธมาก”
“ข้าก็พอจะมองออกอยู่บ้าง”
“ข้าไม่อยากยุ่งกับเขาแล้ว”
ลู่จื่อชิงจ้องมองลู่จื่ออวิ๋น “พี่หญิง เหตุใดท่านไม่โน้มน้าวใจข้าเล่า?”
“คนสกุลเราไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวอะไร” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “อยากทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น อย่างมากก็มีท่านพ่อท่านแม่คอยปัดกวาดให้ อีกอย่างเพียงแค่บุรุษผู้หนึ่งแล้ว คุ้มค่าที่จะต้องคอยพะวงผลได้ผลเสียหรือ?”
“คุณหนู…” สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ดอกไม้เหล่านี้จำเป็นต้องทำลายจริง ๆ หรือเจ้าคะ? หากปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องตาย หากคุณหนูอยากกำจัดพวกมันจริง ๆ บ่าวจะพาคนมาย้ายพวกมันออกไป”
“เอาละ ข้าจะทำเนื้อย่างให้เด็กน้อยของเรา” มู่ซืออวี่อุ้มลูกสาวของลู่จื่ออวิ๋นขึ้นมา พานางออกไปจากเรือนของลู่จื่อชิง
ลู่จื่อชิงมองดูสิ่งของในสวน
ภาพซ่งหานจือปลูกดอกไม้เหล่านี้ให้นางผุดขึ้นมาในห้วงความคิด
ครั้งซ่งหานจือปลูกดอกไม้เหล่านี้ พวกเขายังเยาว์วัย เพื่อที่จะปลูกดอกไม้ ซ่งหานจือศึกษาวิธีการกับคนสวนเป็นเวลานานและมักจะเรียนรู้จากตำรา เขาคิดว่านางไม่รู้ ทว่านางรู้ทุกอย่าง
นางนั่งยอง ๆ หยิบพลั่วขึ้นมาฝังดอกไม้กลับคืนไปที่เดิมของมัน
บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ “…”
คุณหนู ไยต้องลำบากเช่นนี้?
“คุณหนู ให้พวกเราทำเถอะเจ้าค่ะ!”
“ไม่จำเป็น” ลู่จื่อชิงเอ่ยนิ่ง ๆ “ข้าขุดมันขึ้นมาเองก็จะฝังมันกลับไปเอง ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าช่วย”
บ่าวรับใช้ทำได้เพียงยืนคอยลู่จื่อชิงอยู่ที่นั่นเท่านั้น
จวบจนฟ้ามืด ลู่จื่อชิงก็ยังจัดการนำดอกไม้เหล่านั้นลงดินไม่หมด
บ่าวรับใช้ถือตะเกียง ท่ามกลางแสงสลัว ในที่สุดลู่จื่อชิงก็กลบดินของดอกไม้หลุมสุดท้ายเสร็จ
“คุณหนู เหนื่อยแล้วกระมังเจ้าคะ ล้างมือเสียหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
ลู่จื่อชิงล้างมือ แล้วสะบัดแขนที่ปวดเมื่อยไปมาเบา ๆ
ขณะที่นางเตรียมจะผละจากไป นางก็สะดุดล้ม ทับกระถางดอกไม้นั้นพอดี
“ของสิ่งนี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง บ่าวจะเอามันไปทิ้งแล้ว”
“วางไว้ใต้ต้นไม้นั่นเถอะ!” ลู่จื่อชิงกล่าว
“เจ้าค่ะ”
ลู่จื่อชิงกลับไปที่ห้อง
วันนี้นางทานได้เพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังเข้านอนเร็วกว่าปกติ
หลังจากบ่าวรับใช้ถอยออกไปแล้ว ลู่จื่อชิงก็นอนพลิกตัวไปมาอยู่ลำพัง
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบถูกย้อมไปด้วยผ้าคลุมสีเงิน
นางลุกขึ้นยืนพิงข้างหน้าต่าง มองดูกระถางดอกไม้ที่อยู่ใต้ต้นไม้กระถางนั้น
“ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าคิดจะหลอกข้าอย่างไร”
ลู่จื่อชิงเดินออกไปจากห้อง ก้าวไปยังต้นไม้ต้นนั้น แล้วหยิบเอาจดหมายยับยู่ยี่ที่วางอยู่ข้างบนขึ้นมาคลี่เปิดอ่าน
อย่างไรก็ตาม…
แสงกลับสลัวเกินไป
นางทำได้เพียงนำจดหมายกลับไปที่ห้อง จุดเทียน แล้วลงมืออ่านจดหมายฉบับนั้นภายใต้แสงรำไร
“กล่าวเสียยืดยาว สุดท้ายก็เป็นเพียงคำหวานหูเท่านั้น” ลู่จื่อชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่าคิดว่าข้าจะให้อภัยเจ้าง่าย ๆ”
ซ่งหานจืออธิบายกับนางในจดหมายว่า ยุทธภพนั้นอันตราย เขาไม่อยากให้นางตกอยู่ในอันตราย อีกทั้งยังกล่าวอีกว่าจะรีบกลับมาโดยเร็ว จะไม่ใช้เวลานานเกินไป ดอกถานฮวา*[1] กระถางนั้นเป็นเครื่องยืนยัน อีกฝ่ายบอกให้ลู่จื่อชิงรอดอกไม้บานอยู่ที่บ้าน
“ดอกถานฮวา? คิดว่าข้าโง่หรือไร? ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามันจะรอดหรือไม่เลย ถึงแม้จะรอด มันก็ไม่บานข้ามคืน ซ่งหานจือ เจ้าตายแน่” ลู่จื่อชิงยิ้มเย็น
ซ่งหานจือผู้ที่กำลังควบม้าจู่ ๆ ก็จามออกมา
จี้ซ่งเฉิงหัวเราะเยาะ “น้องชาย เจ้าจะต้องโชคร้ายเป็นแน่”
“หุบปากเถอะ!”
“ข้าไม่ได้เป็นกระต่ายตื่นตูม ด้วยนิสัยของสาวน้อยผู้นั้น หากเจ้าจากไปโดยไม่บอกกล่าว ถึงแม้ว่าจะเอ่ยคำหวาน ๆ มากมายเพียงใด นางก็ไม่มีทางไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ ทว่า เจ้าจะรอดจากช่วงเวลาระหว่างนี้ได้หรือไม่นั้นยังไม่แน่ เรื่องเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องกังวล หากตายอยู่ข้างนอกแล้ว สาวน้อยผู้นั้นจะหมดความโกรธเมื่อได้ยินข่าวร้ายเอง มิหนำซ้ำยังจะร้องไห้เสียจนน้ำหูน้ำตาไหลด้วย”
“ในมือข้าบังเอิญมียาผงอยู่พอดี หากท่านไม่รู้จักหุบปาก ข้าสามารถสั่งสอนท่านได้”
“ก็ได้ ๆ ไม่พูดแล้ว”
ณ เมืองหลวง มู่ซืออวี่ได้ยินคำพูดของลู่จื่อชิงก็ถึงกับอ้าปากค้าง
“ลูกรัก เจ้าโกรธซ่งหานจือจนเลอะเลือนไปแล้วหรือ? พี่ชายเจ้าจะไปเยือนชนเผ่าทุ่งหญ้า นั่นก็เพื่อตรวจสอบเรื่องหนึ่ง เจ้าจะตามเขาไปทำอะไร?”
“พี่สะใภ้ยังไปได้ ไยข้าจะไปไม่ได้?”
ลู่ฉาวอวี่กล่าวอย่างใจเย็น “พี่สะใภ้ของเจ้าเป็นแผนที่มีชีวิต ไม่มีที่ใดที่นางไม่เคยไป ข้าพานางไปย่อมสะดวกกว่า เจ้าจะตามไปทำอะไร? ก่อเรื่องหรือ?”
“ฝืมือข้าไม่เลวเลย สามารถปกป้องท่านได้” ลู่จื่อชิงกล่าว
“ข้าไม่ต้องการการปกป้องจากเจ้า”
“เช่นนั้น ข้าปกป้องพี่สะใภ้ได้ พี่สะใภ้เยี่ยมยอดจริง แต่นางไม่รู้วิทยายุทธกระมัง? ข้างกายท่านล้วนเป็นบุรุษ คงไม่อาจปล่อยให้ผู้คุ้มกันชายปกป้องพี่สะใภ้ ถูกหรือไม่?”
“ในที่สุดข้าก็ฟังออกแล้ว เจ้าโกรธซ่งหานจือจึงคิดจะตามข้าไปที่อื่น หากซ่งหานจือกลับมา เจ้าจะได้ไม่รอเขาอยู่ที่นี่อย่างว่านอนสอนง่าย ต้องการทำให้เขานึกเสียใจ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย
“ข้าลู่รองไม่อาจเอาแต่ตามเขาต้อย ๆ ขอเพียงข้าอยากไปที่ใดข้าก็จะไปที่นั่น มีโอกาสมากมายถมเถ เขาไม่พาข้าไป ข้าก็ยังเป็นอิสระเสรีอยู่ข้างนอกเช่นเคย” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ท่านจะพาข้าไปหรือไม่?”
มู่ซืออวี่มองสิงเจียซือ “เจียซือ ไม่เช่นนั้นให้นางตามไปดีหรือไม่? นังหนูผู้นี้พูดถูก นางฝีมือไม่เลว อยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้”
สิงเจียซือพยักหน้า “แน่นอนว่าข้ายินดีให้น้องหญิงชิงเอ๋อร์ไปด้วยกัน อย่างนี้ยังมีคนให้พูดคุย”
“เช่นนั้นเป็นอันตกลงตามนี้” ลู่จื่อชิงกล่าว “ข้าจะไปเก็บข้าวของ อีกประเดี๋ยวจะกลับมาหาพวกท่าน”
หลังจากคล้อยหลังลู่จื่อชิงไป มู่ซืออวี่ก็หันกลับมามองลู่ฉาวอวี่ “พวกเจ้าจะไปทุ่งหญ้า การเดินทางครานี้คงไม่ง่ายดายปานนั้น”
“ฝ่าบาทหมายจะตรวจสอบว่ามีปัญหาใด ๆ ระหว่างกลุ่มชนเผ่าในทุ่งหญ้าหรือไม่ ยามนี้เมืองหลวงดูเหมือนเงียบสงบ ทว่าในความเป็นจริงกลับมีคลื่นใต้น้ำโหมกระหน่ำ ชนเผ่าในทุ่งหญ้ามักจะขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งความขัดแย้งภายในของที่นั่นยังไม่เคยว่างเว้น”
“อย่างไรก็ตาม หมู่นี้เงียบเกินไป มีบางอย่างผิดปกติ ข้าใช้การสืบสวนคดีเป็นข้ออ้าง ลอบตรวจสอบสถานการณ์ของแต่ละชนเผ่าอย่างลับ ๆ หากมีปัญหาอะไรจะได้สามารถควบคุมได้ทัน”
[1] ดอกถานฮวา หรือเรียกอีกชื่อคือราชินีแห่งรัตติกาล บานเฉพาะตอนกลางคืนในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ภาษาดอกไม้คือ ความงามของชั่ววินาทีที่เป็นนิรันดร์ มักใช้อธิบายถึงสิ่งดีงามที่คงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ