สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1035 ตรวจสอบอีกครั้ง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1035 ตรวจสอบอีกครั้ง

บทที่ 1035 ตรวจสอบอีกครั้ง

ก่อนที่มู่ซืออวี่จะมาที่นี่ก็เปลี่ยนผู้ดูแลเหล่านั้นแล้ว อีกทั้งยังแต่งตั้งคนอีกสองสามคนมาช่วยดูกิจการเรือขนสินค้า

นอกจากนี้นางยังนำช่างต่อเรือไปห้าคน ยามนี้ช่างเหล่านั้นกำลังตรวจสอบซากเรือสินค้าเพื่อหาสาเหตุเรือล่ม

“ไม้มีปัญหาจริง ๆ มันถูกเคลือบด้วยยาชนิดพิเศษ เริ่มแรกมองไม่ออกแต่มันจะเน่าเปื่อยภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนในการเดินทาง เรือสินค้าย่อมต้องจมลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง”

“ตอนนั้นพวกท่านไม่สังเกตเห็นหรือ?”

“พระชายา ขออภัยที่ต้องกล่าวตามตรง เพียงแต่ตอนนั้นยุ่งมากจริง ๆ หลังจากผู้ดูแลหาไม้มาได้แล้ว หลังทุกคนปรึกษาหารือกันก็รู้สึกว่าสินค้าชุดนั้นใช้ได้ ผู้ใดจะคิดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างนี้?”

“ท่านกำลังโทษข้าที่เปลี่ยนตัวผู้ดูแลเหล่านั้นหรือ?”

“ไม่ได้ ๆ พระชายากังวลมากไปแล้ว” นายช่างเหลียงกล่าว “ถึงแม้ว่าผู้ดูแลเหล่านั้นยังพออภัยได้ ทว่าพวกเขาไม่ควรปิดบังพระชายา ไม่ต้องพูดถึงการปลอมแปลงบัญชีเพื่อปิดบังสถานการณ์ หากพวกเขาสารภาพอย่างตรงไปตรงมา พระชายาคงไม่ทำเช่นนี้กับพวกเขา ข้าเข้าใจความกังวลของท่านและไม่ได้รู้สึกว่าท่านทำผิด”

“นับว่าข้ามองท่านไม่ผิด” มู่ซืออวี่กล่าว “หลายปีที่ผ่านมา ข้าไม่ได้สนใจเรื่องกิจการมากนัก แต่ข้ารู้สถานการณ์ของพวกท่านแต่ละคน ผู้ดูแลเหล่านั้นเป็นพวกฉลาดในเรื่องเล็กน้อย แต่หากน้ำใสเกินไปย่อมไม่มีปลา ข้าไม่ใช่คนที่ทนต่อทรายที่เข้าตาตนเอง ข้าเองก็มีขีดจำกัด ขอเพียงไม่ได้แตะขีดจำกัดข้า ข้าก็นับได้ว่าเป็นเจ้านายที่ใจกว้างทีเดียว”

“ขอรับ”

“ผู้เสียชีวิตอย่างไม่ยุติธรรมเหล่านั้นมีคนไปรับมาแล้วหรือยัง?”

“คนในครอบครัวพวกเขาไปแล้วขอรับ เพียงแต่คดียังไม่ปิดลง ที่ว่าการย่อมไม่ยอมปล่อยให้พวกเขานำศพออกไป”

“ข้าอยากพบพวกเขา”

มู่ซืออวี่ได้พบกับคนในครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว

อาจเป็นเพราะสถานะของนางสูงศักดิ์เกินไป หรือบางทีอาจเพราะอุบัติเหตุครานี้ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิด พวกเขาจึงไม่สร้างปัญหาใด ๆ อย่างไรก็ตาม มู่ซืออวี่ได้ขอโทษอย่างจริงใจ ทั้งยังมอบค่าชดเชยก้อนใหญ่แก่พวกเขา

มู่ซืออวี่รู้สึกว่าหัวใจหนักอึ้งยิ่งนัก

นางรู้ว่าสถานการณ์นี้พุ่งเป้ามาที่นาง พุ่งเป้ามาที่สกุลลู่ คนเรือเหล่านั้นก็ดี ผู้ที่โดยสารเรือไปด้วยก็ดี ล้วนประสบภัยพิบัติอย่างไร้ซึ่งเหตุผลอันควร

เงินแก้ปัญหาได้หลายอย่าง ทว่าเงินไม่สามารถซื้อชีวิตคนได้ หากทำได้ นางก็หวังว่าคนเหล่านั้นจะไม่ตาย ถึงแม้จะพิการนางก็เต็มใจเลี้ยงดูพวกเขาไปตลอดชีวิต อย่างน้อยก็เพื่อคนในครอบครัวพวกเขา มิใช่ไม่ได้พบเจอกันอีกเหมือนอย่างตอนนี้

“ท่านแม่ เรือลำอื่นอยู่ไกลจากที่นี่มาก ท่านยังอยากไปดูเรือเหล่านั้นอยู่หรือไม่?”

“อืม ไปดูเถอะ”

ไม่ว่าจะหาเบาะแสได้หรือไม่ อย่างน้อยก็ยังต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต

ณ ชานเมือง นอกเมืองหลวง

ลู่อี้นั่งอยู่บนพื้นโดยมีลูกธนูปักอยู่ที่หน้าอก เลือดไหลรินออกมาจากบาดแผล ทว่าเลือดนั้นกลับเป็นสีดำ

ฉีเซียวมองดูบาดแผลแล้วเอ่ย “ลูกธนูมีหนาม ดึงออกไม่ได้ ต้องให้ท่านหมอเป็นคนเอาออกให้”

“ต้องพล่ามมากความเพียงนี้ที่ใดกัน?” ลู่อี้เอ่ย “พวกเรายังมีประสบการณ์ไม่พอหรือ? ท่านเพียงแค่ใช้กริชกรีดแผลแล้วเอาลูกธนูออกมาก็ได้แล้ว”

“หากเลือดไหลไม่หยุด แม้ไม่ถูกลูกธนูยิงจนตายก็เกรงว่าเลือดจะไหลออกมาหมดตัวก่อน”

“ใต้เท้าฉี ท่านไม่เห็นหรือว่าลูกธนูนี้มีพิษ?” ลู่อี้สูดลมหายใจ “หยุดพูดจาไร้สาระ หากข้าตายในมือท่านจริง ๆ ข้าไม่มีอะไรจะบ่น เพียงแค่ท่านต้องช่วยข้าตามหาคนที่ยิง อีกทั้งยังต้องช่วยข้าดูแลฮูหยินให้ดี ไม่สิ ฮูหยินนั้นไม่ต้องให้ท่านดูแล ฉาวอวี่จะดูแลนางเป็นอย่างดี ท่านเพียงแค่ช่วยข้าแก้แค้นก็พอ”

ฉีเซียว “…”

“ลงมือเร็วหน่อย”

ฉีเซียวนำกริชออกมา ก่อนจะเปิดบาดแผลออก

“ฮู่ว…”

ลู่อี้เอนตัวพิงต้นไม้ ความเจ็บปวดทำให้เขาหลั่งเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมาก

“อายุปูนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะตกหลุมพรางได้จริง ๆ นับวันยิ่งไม่มีประโยชน์แล้ว”

“ข้าว่าท่านก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน” ฉีเซียวเอ่ย “อีกฝ่ายเพียงแค่ล่องูออกจากถ้ำ ท่านก็ตกหลุมพราง หากข้าไม่สังเกตเห็นความผิดปกติและตามมา ท่านคงตายอยู่ในมือของอีกฝ่าย น่าเสียดายที่คนที่ติดตามท่านมาครานี้ ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตแม้เพียงคนเดียว”

ดวงตาของลู่อี้แดงก่ำ

ใช่แล้ว!

เขาพายอดฝีมือออกมาสิบคน ทว่าทุกคนกลับเสียชีวิตด้วยน้ำมือของอีกฝ่าย

ในเงามืด มีกลุ่มหนึ่งที่สามารถต่อกรกับเขาได้จริง ๆ มิหนำซ้ำยังใช้วิธีการต่าง ๆ จัดการกับสกุลลู่ อย่างเช่น กิจการของมู่ซืออวี่ ลู่อี้อยู่ในราชสำนักก็เหมือนเดินอยู่บนน้ำแข็งแผ่นบาง ๆ

“ฮูหยินทางนั้นคงไม่เกิดเรื่องอะไร” ฉีเซียวกล่าว “ลูกเขยของท่านมอบหน่วยกล้าตายฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดทั้งหมดให้ลูกสาวท่านไปแล้ว อีกทั้งท่านยังจัดเตรียมคนให้ฮูหยินอีกยี่สิบคน ผู้คุ้มกันลับก็ติดตามพวกเขาไปด้วยเช่นกัน”

ฉีเซียวจงใจพูดคุยกับลู่อี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ทว่าความเคลื่อนไหวในมือเขาไม่ได้อ่อนโยนเลย มันทั้งรวดเร็วและแม่นยำ ไม่แตกต่างกับวิธีที่ใช้ฆ่าคนมากนัก

ลู่อี้มองฉีเซียวอย่างผ่อนคลาย “ท่านไม่ได้อยากฆ่าข้ามานานแล้วหรือ? ความเคลื่อนไหวนี้เชี่ยวชาญเสียจนข้าคิดว่าท่านฝึกฝนมาหลายร้อยครั้ง”

“เหลวไหล ที่ท่านพูดน่ะน้อยไป” ฉีเซียวดึงลูกธนู เค้นเลือดพิษออก แล้วล้างแผลด้วยน้ำจากกระบอกน้ำ “ข้าฝึกฝนมาแล้วอย่างน้อยหลายพันครั้งต่างหาก”

ลู่อี้หัวเราะอยู่ในลำคอ

“พวกเรานับว่าเป็นสหายผ่านความเป็นตายด้วยกันมาแล้ว” ฉีเซียวกล่าว “ผ่านมาหลายปี พวกเรายังใช้ชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายเช่นนี้ ไม่น่าเบื่อเกินไปหน่อยหรือ?”

“หากอย่างนี้ยังน่าเบื่อ เช่นนั้นท่านคิดจะใช้ชีวิตอย่างไร?”

“เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด เดินเล่นหากไม่มีอะไรทำ กินปลาย่างริมแม่น้ำอะไรอย่างนั้น” ฉีเซียวเอ่ย “รอพบกรงเล็บที่ซ่อนอยู่ในความมืดก่อน ข้าจะขอฝ่าบาทเกษียณกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว”

ฉีเซียวฉีกเสื้อผ้าของลู่อี้ออกแล้วพันแผลให้

ลู่อี้ขึงตามองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์

“ได้ยินหรือไม่?” ฉีเซียวกล่าว “คนของข้าก็ไม่ได้ขวางข้าเช่นกัน เกรงว่าครานี้จะเป็นโชคร้ายเสียมากกว่า”

ไม่ว่าจะเป็นลู่อี้หรือฉีเซียว พวกเขาต่างก็รักลูกน้องตนเองยิ่ง หากเป็นไปได้ ผู้ใดจะอยากนำลูกน้องตนไปใช้ชีวิตที่ต้องเลียเลือดจากคมดาบอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่อาณาจักรไม่มั่นคง คมดาบของพวกเขาจึงยังไม่อาจเก็บเข้าฝัก

“ข้าจะหาทางล่อพวกเขาออกไป ท่านคิดหาวิธีกลับเมืองหลวงเถอะ” ฉีเซียวลุกขึ้นยืน “หากข้าตายที่นี่ อย่าลืมจัดแผ่นจารึกไว้เป็นอนุสรณ์ให้ข้า สักการะข้าด้วยธูปสามดอกทุกวันด้วย”

“ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น ท่านอย่าได้แม้แต่จะคิด ดังนั้นจงกลับมาอย่างมีชีวิต”

ฉีเซียวแค่นเสียงเย็น “เจ้าคนไร้หัวใจ”

สิ้นคำ เขาก็หยิบกระบี่แล้วจากไป

ลู่อี้พยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้น

ฉีเซียวไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ ตอนนี้เขาย่อมไม่อาจต้านทานมือสังหารเหล่านั้นไหว

ไม่ได้การ! ไม่อาจปล่อยให้ฉีเซียวไปตายเปล่า

ฉีเซียวขวางชายชุดดำที่กำลังไล่ล่าเอาไว้

ยามนี้เขาเป็นเสมือนต้นสนต้นหนึ่งที่ยืนหยัดอยู่ระหว่างฟ้าดิน แข็งแกร่งมั่นคง ทั้งยังให้กลิ่นอายของผู้ที่ผ่านประสบการณ์มามาก

รูปร่างหน้าตาของเขางดงามหาใดเปรียบ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีหนวดเครา ทว่าเขาก็ยังคงเป็นท่านลุงที่หล่อเหลาที่สุดในเมืองหลวง

“เขาไม่มีกำลังภายใน ลงมือ!” หัวหน้ามือสังหารสั่งคนของเขาให้รุดเข้าไป

ฉีเซียวเหวี่ยงกระบี่ในมือ

ไม่ใช่ว่าฉีเซียวไม่อาจใช้กำลังภายใน เพียงแต่หากเขาใช้กำลังภายใน ร่างกายจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก กระทั่งภายหน้าอาจไม่สามารถลุกจากเตียงได้

แน่นอนว่าในสถานการณ์นี้เขาจำเป็นต้องใช้แล้ว ไม่เช่นนั้นหากตายด้วยน้ำมือของมือสังหารเหล่านี้ ทั้งชีวิตของเขาจะไม่จบสิ้นโดยสมบูรณ์หรือ?

เสียงการต่อสู้เกิดขึ้น

ในยามนี้เอง มีคนผู้หนึ่งรุดออกมาจากด้านหลัง

“ท่านมาทำอะไรที่นี่?”

“เดิมพันชีวิต!” ลู่อี้กล่าว “ข้าอยากรู้ว่าสวรรค์จะยอมรับชีวิตของข้าไปหรือไม่ ข้าลู่อี้จะไม่ปล่อยให้ท่านฉีเซียวตายเพื่อข้า มาดูกันว่า สวรรค์จะยอมรับพวกเราทั้งคู่หรือรับคนพวกนี้ไป”

“ช่างซาบซึ้งเสียนี่กระไร! ท่านคิดว่าหากฮูหยินเห็นท่านแสดงความรักต่อข้าเช่นนี้ นางจะหึงหรือไม่?”

“หุบปากเถอะ ท่านจะเทียบกับฮูหยินของข้าได้อย่างไร?”

“ใช่ เทียบไม่ได้” ฉีเซียวเอ่ย “อย่างไรเสียชาติหน้าข้าก็จะแย่งชิงฮูหยินกับท่าน”

ลู่อี้จ้องถลึงตามองอีกฝ่าย “หุบปากเถอะ!”

“ประเดี๋ยวก็จะตายเร็ว ๆ นี้แล้ว ยังไม่ให้ข้าพูดความจริงอีกหรือ?” ฉีเซียวฆ่ามือสังหารผู้หนึ่งในดาบเดียว และกล่าวว่า “สัญญากับข้า ชาติหน้าท่านไม่ต้องแย่งข้าแล้ว”

“หลายปีมานี้ท่านไม่แต่งงาน เพียงเพราะไม่อาจแต่งกับผู้ที่ต้องการแต่งหรือ?”

“ข้าช้าไปเพียงก้าวเดียว แต่ข้ามั่นใจว่า หากข้าพบนางก่อน ไม่แน่ว่านางจะเลือกท่าน เพียงแต่สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม ช้าไปเพียงก้าวเดียวกลับหมายถึงสายไปทั้งชีวิต ดังนั้นข้าจึงไม่ทะเลาะกับท่าน!” ฉีเซียวเอ่ยอย่างใจกว้าง “ไม่ใช่ว่าข้าจงใจไม่แต่งงาน เพียงแค่ไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่ทำให้ข้าหวั่นไหว หากข้าฉีเซียวจะแต่งงานก็ต้องแต่งกับสตรีที่ชอบ หากพบเจอ ข้าย่อมไม่มีทางผัดวันประกันพรุ่ง”

“เรื่องชาติหน้าไว้ค่อยคุยกันชาติหน้า ข้าไม่โดนท่านหลอกหรอก” ลู่อี้กล่าว “หยุดใช้กำลังภายในของท่านซะ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”

ใบหน้าของฉีเซียวซีดขาวราวกับกระดาษ

คำพูดที่ดูตลกเหล่านั้นของเขา เหมือนคำพูดจาสั่งเสียมากกว่า เห็นได้ชัดว่าจงใจเอ่ยคำพูดที่แน่วแน่เช่นนี้ด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

เดิมทีมีมือสังหารห้าคน เพียงแต่ตอนนี้ถูกกำจัดไปแล้วสี่คน ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งคน

อย่างไรก็ตาม ทั้งฉีเซียวและลู่อี้ พวกเขาไม่อาจแกว่งกระบี่ได้แม้แต่น้อย

มือสังหารที่เหลืออยู่ผู้นั้นแข็งแกร่งที่สุด

ลู่อี้และฉีเซียวโน้มตัวเข้าหากัน

“นี่ น้องชาย ข้าสู้ไม่ไหวแล้ว วันนี้จะต้องอยู่ตายกับท่านหรือ?” ฉีเซียวตบลงบนไหล่ลู่อี้

ลู่อี้รู้สึกเจ็บปวดยิ่ง “ข้ายังมีบาดแผลที่ไหล่”

“นี่ไม่ใช่เพราะข้าตั้งใจจะปลุกท่านหรือ ข้าเกรงว่าท่านจะเสียเลือดมากเกินไปและตายไปทั้งอย่างนี้” ฉีเซียวพูด แล้วผลักลู่อี้ออก เหวี่ยงกระบี่ในมือโจมตีมือสังหารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ลู่อี้โซชัดโซเซ ล้มลงข้าง ๆ

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นกระบี่ของมือสังหารแทงเข้าที่ท้องฉีเซียวพอดี

หากดาบนั้นทะลุ ฉีเซียวคงไม่รอดชีวิตแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นดั่งลูกศรที่แผ่วปลาย ไม่มีพลังของกระบี่แม้แต่น้อย

ฉีเซียวหยักยกมุมปากขึ้น

จบสิ้นแล้วหรือ?

ชีวิตนี้เหนื่อยยิ่งนัก!

ชาติหน้าข้าขอเกิดเป็นหมูตัวหนึ่งได้หรือไม่?

ไม่ นั่นน่าเกลียดเกินไปแล้ว! เป็นดอกไม้ดีกว่า อย่างไรก็งดงามกว่า

ฉีเซียวแทงกระบี่ในมือใส่มือสังหาร

ถึงแม้แทงพลาดเป้า ทว่าการเคลื่อนไหวนี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว นี่เป็นแผนของฉีเซียว

อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่คาดคิดไว้ไม่ปรากฏ ได้ยินเพียงเสียงทะลุแหวกผ่านอากาศ

ลูกธนูพุ่งไปยังทิศทางของมือสังหาร

มือสังหารนิ่งงันไปชั่วขณะ

ลูกธนูดอกแรกหลบพ้นแล้ว ทว่าครั้นลูกธนูดอกที่สองและสามเข้ามา ท้ายที่สุดเขาก็ถูกลูกธนูสังหารจนสิ้นใจ

ลู่อี้และฉีเซียวมองไปยังที่มาของลูกธนู

พบว่าเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ถือธนูและลูกธนูเอาไว้

ชายหนุ่มเกาหัวแล้วเอ่ย “ข้าเห็นว่าเขาสวมชุดอำพรางตัว อีกทั้งยังปิดใบหน้ามิดชิด ดูแล้วมืดหม่น คงเป็นคนไม่ดี ข้า… ไม่ได้ฆ่าคนผิดกระมัง?”

ลู่อี้และฉีเซียวมองหน้ากัน

เด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ คันธนูและลูกธนูในมือเขาก็เป็นของทำเอง ดูธรรมดาทั่วไป นึกไม่ถึงว่าจะมีทักษะการยิงธนูสูงส่งเช่นนี้

นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังมีเค้าความเยาว์วัยอยู่บ้าง คงอายุไม่มากนัก

อึก!! ฉีเซียวกระอักเลือดออกมา

ตอนแรกเขาใช้กำลังภายใน ตอนนี้มันเริ่มกัดกินเขาแล้ว

ลู่อี้รีบคว้าฉีเซียวไว้อย่างรวดเร็ว สายตาเป็นกังวล “สหายฉี ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”

“ตายนั้นยังไม่ตาย เพียงแต่ห่างจากความตายไม่กี่ก้าวแล้ว” ฉีเซียวสูดหายใจและพูดว่า “ทำตามคำพูดที่ข้าบอกไว้ ไม่เช่นนั้นหากข้ากลายเป็นผีโดดเดี่ยว นั่นคงน่าสงสารมากทีเดียว”

อึก!! ฉีเซียวกระอักเลือดออกมา

ตอนแรกเขาใช้กำลังภายใน ตอนนี้มันเริ่มกัดกินเขาแล้ว

ลู่อี้รีบคว้าฉีเซียวไว้อย่างรวดเร็ว สายตาเป็นกังวล “สหายฉี ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”

“ตายนั้นยังไม่ตาย เพียงแต่ห่างจากความตายไม่กี่ก้าวแล้ว” ฉีเซียวสูดหายใจและพูดว่า “ทำตามคำพูดที่ข้าบอกไว้ ไม่เช่นนั้นหากข้ากลายเป็นผีโดดเดี่ยว นั่นคงน่าสงสารมากทีเดียว”

“เอาละ ท่านไม่ต้องพูดแล้ว” ลู่อี้มองเด็กหนุ่ม “บ้านเจ้าอยู่ที่ใด? ข้าต้องการรักษาเขา”

“ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ ยังจะรักษาเขาอีกหรือ?” เด็กหนุ่มประหลาดใจ “ทว่าแม่ข้าเป็นหมอ นางรู้ทักษะทางการแพทย์ ดังนั้นน่าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกท่านได้”

“น้องชายผู้นี้โปรดนำทาง”

—————————————————-

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท