บทที่ 1039 จงใจเกินไป
บทที่ 1039 จงใจเกินไป
หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านไปแล้ว ชิงไต้ก็ยืนอยู่ที่หน้าต่าง ฟังเสียงหัวหน้าหมู่บ้านเข้าห้องข้าง ๆ ไป จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้มู่ซืออวี่
บ้านในชนบท ถึงแม้จะเป็นบ้านอิฐ ทว่าการกันเสียงรบกวนนั้นไม่ค่อยดีนัก
มู่ซืออวี่กล่าว “วันนี้เหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนกันเถอะ!”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน” เจ๋อหลานตอบ
จากนั้นเจ๋อหลานกับชิงไต้ก็ไปจัดเตียง ตรวจดูสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง
มู่ซืออวี่เหลือบมองออกไปข้างนอก รู้ว่ามีผู้คุ้มกันลับสองคนอยู่บนต้นไม้ถึงได้วางใจ
เตียงในบ้านชาวไร่ชาวนามีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นทั้งสี่คนจึงนอนเบียด ๆ กันเล็กน้อย พอให้ผ่านพ้นคืนหนึ่งไปได้
ค่ำคืนผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ทุกคนตื่นแต่เช้า
มู่ซืออวี่กำลังล้างหน้าล้างตา ลู่เยี่ยก็เข้ามาจากข้างนอก หลังจากคำนับนางแล้วจึงเอ่ย “ฮูหยิน ดูเหมือนจะเกิดเรื่องกับกองคาราวานตระกูลฉินทางนั้นแล้วขอรับ”
“มีเรื่องอะไร?”
“มีคนในคาราวานข่มเหงแม่นางในหมู่บ้าน อีกทั้งยังทำให้คนตายด้วย”
“ว่าอย่างไรนะ?!” หัวหน้าหมู่บ้านเพิ่งออกมาจากข้างในก็ได้ยินถ้อยคำที่น่าตกใจเหล่านี้
มู่ซืออวี่และลู่จื่ออวิ๋นมองหน้ากัน
เข้าพักเพียงคืนเดียว กองคาราวานก็ก่อปัญหาแล้ว ที่แท้เป็นเหตุบังเอิญหรือมีเหตุผลอื่นใดกันแน่?
หัวหน้าหมู่บ้านโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “คนนอกพวกนี้ตอบแทนคุณด้วยความแค้นจริง ๆ พวกเราใจดีต่อพวกเจ้า นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะทำร้ายแม่นางในหมู่บ้านของเรา วันนี้เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้แน่!”
“หัวหน้าหมู่บ้าน คำพูดนี้ของท่านหยาบคายไปหน่อยหรือไม่ พวกเรากับคนในกองคาราวานนั้นไม่เหมือนกัน” ชิงไต้กล่าว “อีกอย่าง เรื่องเกิดแล้ว ยามนี้ควรเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนหรือไม่”
“พวกท่านมาด้วยกัน จะไม่ใช่พวกเดียวกันได้อย่างไร?”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อนเถิด” มู่ซืออวี่กล่าว
ทุกคนมาถึงที่เกิดเหตุ
มู่ซืออวี่พบว่าผู้จัดการเฉียนกำลังทะเลาะกับคนในหมู่บ้าน ดูจากสีหน้าฉุนเฉียวหัวเสียของเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้สร้างความเดือดร้อนให้เขาอย่างหนัก
“ฮูหยิน ท่านมาแล้ว” ผู้จัดการเฉียนเข้ามาทักทาย “ฮูหยิน ตอนนี้จะทำอย่างไรดี? คนของข้าทำเรื่องโง่ ๆ ลงไป คนในหมู่บ้านต่างจับจ้องเราไม่วางตา เกรงว่าจะทำร้ายฮูหยินไปด้วย”
เจ๋อหลานเอ่ย “คำพูดนี้ของท่านไม่สมเหตุสมผล พวกเราไม่ใช่พวกเดียวกัน เหตุใดยังต้องดึงเราไปเกี่ยว?”
“เอ่อ… คนในหมู่บ้านบอกว่าเรามาด้วยกัน ไม่เชื่อว่าพวกเราไม่ใช่พวกเดียวกัน” ผู้จัดการเฉียนมองอย่างรู้สึกผิด “ข้าน้อยอธิบายให้ฟังแล้ว ทว่าพวกเขาไม่สนใจ!”
“ผู้จัดการเฉียน ท่านเล่ามาเถิดว่าเกิดอะไรขึ้น” มู่ซืออวี่กล่าว
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้…”
เมื่อคืนหัวหน้าหมู่บ้านจัดการแยกพวกเขาออกจากกัน กองคาราวานของสกุลฉินมีชายผู้หนึ่งชื่อหลี่เสี่ยวฝานถูกตระเตรียมให้พักอยู่ในบ้านของชาวนาแซ่หยาง หยางต้าจวงผู้นั้นมีลูกสาวคนหนึ่ง เป็นบุปผาของหมู่บ้าน เพิ่งหมั้นหมายทว่ายังไม่ได้แต่งงาน หลี่เสี่ยวฝานเป็นคนเสเพลมาแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้งที่เขากลับจากทำการค้าก็มักไปที่ย่านสราญรมย์หาความสนุก บัดนี้พบหญิงสาวจากครอบครัวที่ดี เขาก็ไม่อาจละสายตา ก่อนจะเข้านอนจึงเอาแต่คุยจ้อกับแม่นางน้อยผู้นั้น
“ที่บ้านหยางต้าจวงอยู่กันกี่คน?”
“สามคน สองสามีภรรยาและลูกสาวคนโตอีกหนึ่งคน”
“ในเมื่อที่บ้านมีสามคน ทั้งสองคนล้วนอยู่ที่นี่ เหตุใดไม่ห้ามหลี่เสี่ยวฝานเล่า?”
“ได้ยินพวกเขาบอกว่าห้ามแล้ว ผู้ใดจะคิดเล่าว่าหลี่เสี่ยวฝานจะข่มเหงแม่นางน้อยบ้านผู้อื่นกลางดึก ภายหลังยังฆ่านางตายด้วย รุ่งเช้า สามีภรรยาคู่นั้นตื่นขึ้นมาสังเกตเห็นความผิดปกติ พวกเขาเห็นหลี่เสี่ยวฝานกำลังสวมกางเกงเตรียมที่จะหลบหนี แม่นางหยางผู้นั้นไม่มีลมหายใจแล้ว สถานการณ์น่าหดหู่ยิ่ง”
“แจ้งทางการแล้วหรือยัง?”
“คนในหมู่บ้านไม่อนุญาตให้แจ้งทางการ” ผู้จัดการเฉียนกล่าว “พวกเขาบอกว่าต้องการโยนหลี่เสี่ยวฝานลงแม่น้ำหมู่ตาน ส่งเขาไปให้พรรคเทพจันทรากำจัด”
มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเขาไม่ต้องการรายงานทางการ หากแต่คิดถึงพรรคเทพจันทราหรือ? ดูเหมือนว่าพรรคเทพจันทราจะมีอิทธิพลต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก ผู้จัดการเฉียน ผู้คนในหมู่บ้านเลอะเลือน แต่ท่านไม่อาจเลอะเลือนตามไปด้วย ตอนนี้ยังสามารถปลีกตัวไปได้ ท่านจัดคนไปแจ้งทางการเถอะ บัดนี้เกิดเหตุคดีฆาตกรรมขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ต้องให้ทางการตรวจสอบ”
ผู้จัดการเฉียนรับคำ
อย่างไรก็ตาม แม้การจัดแจงของทางผู้จัดการเฉียนจะดีมาก ทว่าคนในหมู่บ้านกลับไม่ให้ความร่วมมือ
หลังจากเกิดเรื่องขึ้น คนทั้งหมู่บ้านก็มารวมตัวกัน
ดังนั้น คนในกองคาราวานตระกูลฉินและคนของมู่ซืออวี่จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากหมู่บ้านแม้เพียงครึ่งก้าว
“ชุ่ยเอ๋อร์ใกล้จะแต่งงานแล้ว บัดนี้นางตายด้วยน้ำมือของเดรัจฉานตัวนี้ พวกท่านคือผู้ร้าย เรื่องนี้มีราคาต้องจ่าย”
“พวกท่านต้องการจัดการอย่างไร?” มู่ซืออวี่ถาม
“แน่นอนว่าควร… ฝังไปพร้อมกัยชุ่ยเอ๋อร์!” หยางต้าจวงเอ่ยด้วยความเคียดแค้น
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านก็ตั้งใจจะทำเช่นนี้หรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วพลางกล่าว “ต้าจวง ข้าเข้าใจว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรกับการสูญเสียลูกสาวไป เพียงแต่พวกเราไม่อาจทำเรื่องเหลวไหลได้ ไม่ว่าอย่างไร ผู้อื่นก็เป็นผู้บริสุทธิ์”
“ลูกสาวข้าจะต้องตายเปล่าหรือ?”
“ชุ่ยเอ๋อร์จะไม่ตายเปล่า ผู้ร้ายที่ทำร้ายผู้อื่นจับไว้ได้แล้วไม่ใช่หรือ? โยนเขาลงแม่น้ำหมู่ตาน ให้เทพจันทราลงโทษเถอะ ชาติหน้าเขาต้องได้เกิดเป็นสัตว์ร้ายจนอยู่ไม่สู้ตายแน่”
“ชุ่ยเอ๋อร์ของข้า…”
มู่ซืออวี่มองชายหนุ่มที่ถูกชาวบ้านมัดไว้ ทั้งยังมีผ้ายัดอยู่ในปาก
ดูเหมือนเขามีบางอย่างจะกล่าว
เดิมทีตั้งใจจะแจ้งทางการ ทว่าเมื่อเห็นการกระทำของพวกชาวบ้าน มู่ซืออวี่จึงตัดสินใจปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลังจากการหารือกัน ชาวบ้านตัดสินใจโยนหลี่เสี่ยวฝานลงแม่น้ำหมู่ตาน จากนั้นผู้จัดการเฉียนจะต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินห้าร้อยตำลึงเงินให้กับครอบครัวของหยางต้าจวง
ผู้จัดการเฉียนเองก็ต้องการให้เรื่องนี้จบลงจึงตกลงตามเงื่อนไขของอีกฝ่าย นอกจากนี้นี่เป็นคดีฆาตกรรม แม่นางทั้งคนตายไป พวกเขาจึงรู้สึกผิด
ไม่กี่ชั่วยามต่อมา เรื่องนี้จึงคลี่คลาย จากนั้นมู่ซืออวี่ ผู้จัดการเฉียน และคนอื่น ๆ ก็เดินทางต่อไป
หลังจากขบวนรถม้าออกมาได้ไม่นาน ชิงไต้ก็สั่งให้ทุกคนหยุด
ผู้จัดการเฉียนยังคงนำทางอยู่ด้านหน้า เมื่อได้ยินเสียงข้างหลังจึงสั่งให้คนของเขาหยุดลง
“ฮูหยิน มีอะไรจะกำชับหรือ?”
“ผู้จัดการเฉียน เรื่องนี้จะปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้” มู่ซืออวี่ไม่ได้ลงจากรถม้า อีกทั้งยังไม่ได้ขอให้คนของนางเปิดม่าน แต่นั่งอยู่ในรถม้าแล้วเอ่ยกับผู้จัดการเฉียน
“ฮูหยินหมายความว่า…”
“พวกเขาไม่รายงานเรื่องนี้ต่อทางการ เพียงแค่โยนคนของท่านลงไปในแม่น้ำหมู่ตาน ท่านยอมรับการจัดแจงนี้หรือ?”
“เจ้าเด็กคนนั้นทำผิด อีกทั้งยังฆ่าคน ในเมื่อฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถึงแม้จะมอบให้จวนว่าการ ผลก็ยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ดี”
“ข้ากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในเรื่องนี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านไม่เห็นหรือ? คนงานของท่านถูกปิดปากพูดไม่ได้ ข้าคิดว่าเขาดูเหมือนอยากจะเอ่ยบางอย่าง”
“ตอนนั้นข้าไม่ได้สนใจ เมื่อฮูหยินกล่าวเช่นนี้ คิด ๆ ดูแล้วก็เหมือนมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ ทว่าคนก็ถูกถูกโยนลงแม่น้ำหมู่ตานต่อหน้าต่อตาเราแล้ว กล่าวตอนนี้ก็สายเกินไปอยู่ดี”
“ไม่สาย”
ลู่เยี่ยพาชายหนุ่มที่เปียกโชกไปทั้งตัวผู้หนึ่งเดินเข้ามา
“หลี่เสี่ยวฝาน!” ผู้จัดการเฉียนตกใจ “นี่เจ้า…”
“ผู้จัดการ ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม!” หลี่เสี่ยวฝานคุกเข่าลงตรงหน้าผู้จัดการเฉียน “ข้าไม่ได้ฆ่าใคร พวกเขาทำผิดต่อข้า!”