บทที่ 1040 เขาไม่ได้ฆ่า ผู้ใดฆ่า
บทที่ 1040 เขาไม่ได้ฆ่า ผู้ใดฆ่า
“หากเจ้าไม่ได้ฆ่าคน เช่นนั้นผู้ใดฆ่าเล่า?” ผู้จัดการเฉียนถาม
“เมื่อคืนข้าต้องตาแม่นางบ้านนั้นจริง ๆ ข้ามองว่านางหน้าตาสะสวย แต่ข้าก็รู้ว่าเราพักอยู่บ้านผู้อื่น ดังนั้นย่อมไม่กล้าวางแผนอะไร! ตอนแรกข้าหลับไปแล้ว ต่อมาเมื่อตื่นขึ้นมากลางดึก ข้าก็เห็นครอบครัวนั้นถือตะเกียงกำลังเปิดแผ่นกระดานไม้ ใต้กระดานไม้มีแสงไฟส่องออกมา ข้ารู้สึกสงสัยจึงลองเข้าไปดู”
“เจ้าเห็นอะไร?”
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย ทันทีที่ข้าลงไปก็ล้มหมดสติลงทันที พอข้าตื่นมาก็มีศพนอนอยู่บนเตียงแล้ว แม่นางผู้นั้นถูกทรมานอย่างน่าเวทนายิ่งนัก เตียงนอนเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าของข้าถูกถอดออกไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ทันใดนั้นครอบครัวของนางถึงรุดเข้ามาในห้อง พวกเขาทั้งต่อยทั้งเตะข้า จับข้ามัดเชือก เรื่องภายหลังพวกท่านก็น่าจะรู้แล้วว่าดำเนินไปอย่างไร ผู้จัดการ ข้าได้รับความไม่เป็นธรรมจริง ๆ! ถึงแม้ข้าจะมักมาก แต่ก็รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร!”
“เอาละ พวกเรามีหมอมาด้วยผู้หนึ่ง ในเมื่อเจ้าบอกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่นนั้น เจ้ากล้าให้เขาตรวจร่างกายหรือไม่?”
“กล้าสิ มีอะไรให้ต้องไม่กล้ากัน? ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง ๆ!” หลี่เสี่ยวฝานร้อง “หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ผู้นี้ช่วยข้าไว้ ข้าคงจมน้ำตายแล้ว คนเหล่านั้นไม่เห็นคุณค่าชีวิตคนจริง ๆ”
ท่านหมอทำการตรวจร่างกายของหลี่เสี่ยวฝานอย่างละเอียด
ไม่นานนัก ท่านหมอก็กลับมารายงาน “ฮูหยิน คุณหนู คนผู้นี้ไม่มีร่องรอยของการร่วมประเวณีจริง ๆ ขอรับ”
“ดูสิ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม!” หลี่เสี่ยวฝานบ่นกระปอดกระแปดอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ผู้จัดการเฉียนกล่าว “ฮูหยิน คนก็ช่วยกลับมาได้ เหตุการณ์นี้เสียเงินไปเพียงห้าร้อยตำลึงเงินเท่านั้น ขอเพียงคนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกเราถือเสียว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นเถอะ ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
“หมู่บ้านนี้มีปัญหา หากเราแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด ภายหน้าย่อมมีคนถูกฆ่ามากกว่าเดิม คนของท่านมีพวกเราปกป้องคอยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เช่นนั้นคนอื่น ๆ เล่า? พวกเขาจะโชคดีเพียงนี้หรือ?”
“ฮูหยินหมายความว่า…”
“ไปศาลาว่าการ”
“เช่นนั้น ข้าน้อยจะไปเตรียมการขอรับ” ผู้จัดการเฉียนกล่าว
“หากท่านไม่อยากลุยน้ำโคลน สามารถปล่อยคนงานผู้นี้ไว้ที่นี่ได้ ท่านพาคนอื่น ๆ เดินทางไปต่อก็สิ้นเรื่อง”
“ไม่ได้ ฮูหยินทวงความยุติธรรมให้กับคนของเรา ข้าในฐานะผู้จัดการจะขี้ขลาดได้อย่างไร? ข้าน้อยยินดีเป็นพยานให้ฮูหยิน เพื่อให้คนของทางการเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด”
เมื่อนายอำเภอเห็นป้ายประจำสกุลลู่ เขาก็วิ่งออกมาคำนับมู่ซืออวี่และลู่จื่ออวิ๋นอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางคนมากมาย สองคนนี้ดูมีบารมีมากที่สุด เจ้านายย่อมไม่อาจเป็นคนอื่นได้อีก
“ท่านคงเป็นใต้เท้าเจิ้งกระมัง? ท่านรู้ความผิดหรือไม่”
“ข้าน้อยไม่รู้ว่าข้าน้อยกระทำความผิดใด?” นายอำเภอเจิ้งค้อมตัวลงต่ำ
“เขตของพวกท่านเกิดพรรคเทพจันทราขึ้นมาพรรคหนึ่ง อีกทั้งพวกเขายังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปทั่วทุกหนแห่ง นี่ไม่ใช่เพราะท่านไม่เข้มงวดในการปกครองหรือ?”
“เรื่องนี้…” นายอำเภอเจิ้งเช็ดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมา “รายงานฮูหยิน พรรคเทพจันทราไม่ได้มีเพียงที่นี่ หากแต่เป็นพรรคในยุทธภพที่มาจากที่อื่น ทั้งยังมีสาขาในที่ต่าง ๆ มากมาย เพียงแต่พวกเขาทำตัวลึกลับ ไม่ได้ตั้งสาขาอยู่ในเมืองที่พลุกพล่าน พวกเขาเลือกที่จะแทรกซึมไปในหมู่ชาวบ้านทั่วไปในหมู่บ้านที่ห่างไกลเท่านั้น ข้าน้อยก็อยากดูแล ทว่านายอำเภอคนก่อนตายอย่างน่าอนาถ ข้าน้อยกลัวความตายจริง ๆ!”
“ท่านนับว่าซื่อสัตย์ ไม่ได้ปิดบังอะไร” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “เอาอย่างนี้ ท่านเล่าเรื่องพรรคเทพจันทราโดยละเอียดมา หากเป็นเรื่องที่พอยอมรับได้จริง ๆ เราจะยกโทษให้”
“ขอบคุณคุณหนู”
ถึงแม้นายอำเภอเจิ้งจะเป็นเพียงขุนนางท้องถิ่น ทว่าเขาก็จดจำสัญลักษณ์ของสกุลลู่ได้ จำต้องรู้ว่าหนึ่งในสามัญสำนึกที่จำเป็นในการเป็นขุนนางคือต้องรู้จักสัญลักษณ์ประจำสกุลลู่
เพียงแต่ นายอำเภอเจิ้งไม่แน่ใจว่าผู้สูงศักดิ์หลายคนนี้เป็นผู้ใดในสกุลลู่
สรุปคือ ถึงแม้จะเป็นเพียงผู้ดูแลธรรมดาในสกุลลู่ เขาก็ไม่กล้าล่วงเกิน
มู่ซืออวี่กับลู่จื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ พักอยู่ที่ศาลาว่าการ
นายอำเภอเจิ้งเล่าว่าพรรคเทพจันทราปรากฏตัวเมื่อใด ทำเรื่องใดเพื่อเอาชนะใจราษฎร ตลอดจนบัดนี้มีอำนาจอย่างไร
หลังจากอธิบายจบก็เอ่ยถึงความมหัศจรรย์ของแม่น้ำหมู่ตาน ขอเพียงพวกชาวบ้านลอยโคมดอกบัวในแม่น้ำ พรรคเทพจันทราก็จะตัดสินใจให้พวกเขา แน่นอนว่าหากท่านจงใจใส่ร้ายผู้อื่น ต้องการใช้พรรคเทพจันทรากำจัดผู้เห็นต่าง ผู้ที่ลอยโคมดอกบัวแม่น้ำผู้นั้นจะต้องตาย
ก่อนหน้านี้เคยมีคนใช้พรรคเทพจันทราจัดการกับศัตรูของตน ผลที่ได้คือไม่เกิดอะไรกับศัตรู ทว่าตนเองกลับต้องเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา นับตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างก็รู้ว่าพรรคเทพจันทราไม่ได้หลอกลวงได้ง่าย ๆ
“พรรคเทพจันทรานี้น่าอัศจรรย์จริง ๆ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม “ลูกศิษย์ของพวกเขาเป็นคนเช่นไร?”
“บุรุษ สตรี ผู้เฒ่า ผู้เยาว์ ล้วนได้ทั้งสิ้น เพียงยินดีเข้าร่วมกับพวกเขา หากผ่านการทดสอบและการตรวจสอบก็เข้าร่วมพรรคพวกเขาได้ทั้งสิ้น”
“พวกเขามีสัญลักษณ์พิเศษ อย่างเช่น รอยสักรูปพระจันทร์บนร่างกายหรือไม่?”
“เรื่องนี้กลับไม่เคยได้ยินมาก่อน” นายอำเภอเจิ้งกล่าว “แต่ข้าน้อยส่งคนไปตรวจสอบได้”
“หากอีกฝ่ายเข้าร่วมพรรคเทพจันทราแล้ว เขาจะเผยแพร่มันไปทุกแห่งหนหรือไม่?”
“ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องเช่นนั้นขอรับ”
มู่ซืออวี่หันไปมองลู่จื่ออวิ๋น “ดูเหมือนว่าพรรคเทพจันทราจะมีชื่อเสียงดีงามในหมู่ราษฎร เป็นพรรคที่ดีพรรคหนึ่ง”
“นอกจากพรรคเทพจันทราแล้ว พวกเรายังต้องการสอบถามเรื่องหมู่บ้านสกุลหยางด้วย” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ท่านรู้จักหมู่บ้านสกุลหยางหรือไม่?”
นายอำเภอเจิ้งกล่าวตอบ “หมู่บ้านสกุลหยางเป็นหมู่บ้านใหญ่ ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในพื้นที่ของเรา ผู้คนที่นั่นน้อยนักที่จะปลูกพืชผล พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกดอกไม้ขาย ดอกไม้ในหมู่บ้านของพวกเขาขายให้กับร้านดอกไม้ บางส่วนก็ส่งไปเรือนหลังของสกุลผู้มั่งคั่ง บ้างก็ทำเป็นชาดหรือแป้งน้ำ บ้างก็ทำเป็นเครื่องหอม สรุปได้ว่า หมู่บ้านนั้นค่อนข้างร่ำรวยทีเดียว”
“เมื่อวานเราพักที่นั่น”
“หรือพวกเขาสร้างความขุ่นเคืองให้ฮูหยินเข้าแล้ว?”
“ไม่อาจกล่าวว่าสร้างความขุ่นเคือง เพียงแต่ทำให้ตกใจไม่น้อยทีเดียว”
“ข้าน้อยละเลยหน้าที่ ไม่เข้มงวดในการปกครอง ปล่อยให้คนไร้กฎระเบียบเหล่านี้ทำให้ฮูหยินตกใจ”
“พอแล้ว ท่านไม่รู้แม้กระทั่งเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงจะขอโทษได้อย่างไร” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “หากท่านคิดจะขอโทษก็ย่อมได้ ข้ามีเรื่องมอบให้ท่านจัดการพอดี”
สิ่งที่ลู่จื่ออวิ๋นให้นายอำเภอเจิ้งจัดการคือให้เขาตระเตรียมคนไปตรวจสอบหมู่บ้านสกุลหยาง ดูว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ในชั้นใต้ดินของหมู่บ้านดังกล่าว
เรื่องนี้ไม่อาจตรวจสอบอย่างเปิดเผย ทำได้เพียงตรวจสอบอย่างลับ ๆ เท่านั้น ส่วนเหตุผลนั้นมีแล้ว เนื่องจากหมู่บ้านมีคนตายไปหนึ่งคน ศาลาว่าการทางนี้ทราบเรื่องแล้วจึงต้องสืบสวนคดี
หากผู้ตายถูกฝังแล้ว เช่นนั้นก็ขุดขึ้นมาทำการชันสูตร
หากไม่อาจตรวจสอบเสร็จภายในวันเดียวก็ต้องพักอยู่ที่นั่นหนึ่งคืน เจ้าหน้าที่ทางการพักอยู่ที่นั่น ส่วนคนในหมู่บ้านนั้นจะเล่นลูกไม้อีกหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ หากพวเขามีแผนการใด ๆ ก็สามารถรวบหัวรวบหางได้ในคราวเดียว