สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1054 ใต้เท้าฉี ท่านก็กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเช่นกันหรือ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1054 ใต้เท้าฉี ท่านก็กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเช่นกันหรือ

บทที่ 1054 ใต้เท้าฉี ท่านก็กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเช่นกันหรือ

หลังออกมาจากสำนักบัณฑิต มู่ซืออวี่ก็เอ่ย “ฮูหยินหยางกลับมาที่เมืองฮู่เป่ยแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

หลี่หงซูได้ยินคำพูดของมู่ซืออวี่ก็รีบเล่าการเปลี่ยนแปลงในเมืองฮู่เป่ย และความรู้สึกพิเศษของนางที่มีต่อเมืองนี้ทันที

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินว่าเมืองฮู่เป่ยรุ่งเรืองมั่งคั่ง ข้าจินตนาการว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทว่าเมื่อได้เห็นด้วยตาตนเองแล้วยังตกตะลึงยิ่งกว่า หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง คงไม่เชื่อว่าเมืองทุรกันดารแห่งหนึ่งจะกลายเป็นเมืองที่รุ่งเรืองเช่นนี้ได้ ไม่กลัวพระชายาต้องขบขัน ข้าอิจฉาคนหนุ่มสาวเหล่านั้นจริง ๆ ที่ได้เห็นเมืองฮู่เป่ยที่สวยงามที่สุดเช่นนี้”

“ตอนนี้ฮูหยินหยางกลับมาแล้ว ทั้งยังได้เห็นภาพที่สวยงามที่สุดของมัน ในเมื่อชอบ เช่นนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ให้ดีเถิด พวกเราไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว พ้นวัยแห่งความรุ่งเรืองไปนมนาน บัดนี้พวกเราต้องการเพียงความสงบสุขมากกว่าสิ่งใด ใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่มองหลี่หงซู

หลี่หงซูกล่าว “พระชายากล่าวได้ถูกต้องแล้ว”

“พระชายายังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?” เจิ้งซูอวี้ถาม “หากไม่ยุ่งนัก พวกเราไปดื่มชาที่โรงน้ำชาที่เพิ่งเปิดใหม่กันเถิด ได้ข่าวว่าชาใหม่ของปีนี้กำเนิดมาจากที่นั่น”

“ข้ายังมีธุระ พวกท่านไปดื่มเถิด!” มู่ซืออวี่ขึ้นรถม้า “เช่นนั้นข้าไปก่อน”

หลี่หงซูค้อมคำนับ ส่วนเจิ้งซูอวี้โบกมือให้มู่ซืออวี่

หลังจากมู่ซืออวี่จากไป หลี่หงซูก็เอ่ยขึ้น “พระชายาเข้าถึงได้ง่ายจริง ๆ นึกไม่ถึงว่านางจะรู้แม้กระทั่งแซ่ของสามีข้า”

“ข้าเล่าให้นางฟังแล้ว” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “พระชายาความจำดี กล่าวเพียงคราเดียวก็จำได้”

อันที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น เจิ้งซูอวี้เคยบอกว่าหลี่หงซูกำลังจะกลับเมืองฮู่เป่ย ทว่าไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของนาง เมื่อครู่มู่ซืออวี่กล่าวคำเดียวก็เผยตัวตนของหลี่หงซูออกมา คงเคยตรวจสอบนางแล้ว

เจิ้งซูอวี้ไม่อยากให้หลี่หงซูถือสาจึงจงใจโยนความผิดให้ตนเอง

เพียงแต่ หลี่หงซูเฉลียวฉลาดมาโดยตลอด ย่อมไม่เชื่อคำพูดของนาง

หลังจากปรับปรุงเครื่องเล่นในลานหรรษาแล้ว มู่ซืออวี่ก็เลือกฤกษ์งามยามดีเปิดทำการอีกครั้ง

เพิ่งเปิดไม่นาน ลูกค้าก็หลั่งไหลมาประหนึ่งเกลียวคลื่นในทะเล ทั่วทั้งลานหรรษาเต็มไปด้วยผู้คน

มู่ซืออวี่เปิดใช้ช่องทางบัตรสิทธิพิเศษ บัตรผ่านรายปี และบัตรรายเดือน ทั้งยังมีบริการรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย

“เจ้าว่าน่าขันหรือไม่?” เจิ้งซูอวี้ยืนอยู่บนหอ มองดูฝูงชนตรงหน้า “เกิดอุบัติเหตุหลายครั้งหลายครา ผลที่ได้คือยังมีลูกค้ามากมายหลั่งไหลมาเพียงเพื่อเล่นสนุก กล้าเสี่ยงชีวิตแล้วจริง ๆ”

“ข้าไม่ชอบฟังสิ่งที่เจ้าเอ่ยเลย” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าเพิ่งปรับปรุงเครื่องเล่น จะมีปัญหาอะไรอีกเล่า? พวกเขาเล่นแล้วแย่หรือ? พวกเขาเชื่อข้า”

“ใช่ เชื่อเจ้า” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ดังนั้นเจ้าเลยประกาศว่าผู้ที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในท้องที่จะได้รับโอกาสเล่นโดยไม่เสียเงินเดือนละสามครั้ง นั่นจะเก็บเงินได้ไม่น้อยเชียวนะ”

“เจ้าผ่านการล้มป่วยมาครั้งหนึ่งก็ควรเปิดใจให้กว้างกว่านี้หน่อย เงินน่ะ ตอนเกิดนำมาไม่ได้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ตอนนี้พวกเราไม่ขาดแคลนอาหารการกินเครื่องดื่ม ดังนั้น ไยไม่ทำให้การค้าของตนมีมนุษยธรรมมากขึ้นอีกหน่อยเล่า? ”

เจิ้งซูอวี้หัวเราะออกมา

มู่ซืออวี่เห็นคนผู้หนึ่งท่ามกลางฝูงชน

“มีอะไรหรือ?” เจิ้งซูอวี้มองตามสายตานางไป “เจ้าเห็นอะไร?”

“บางทีข้าอาจตาฝาด” มู่ซืออวี่เอ่ย “เอาละ เจ้าออกมาข้างนอกนานเกินไปไม่ได้ ข้าจะพาเจ้ากลับ”

หลังจากมู่ซืออวี่ส่งเจิ้งซูอวี้กลับ นางก็เล่นเป็นเพื่อนยัยหนูที่เพิ่งเลิกเรียนมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาจวนลู่

เรือนย่อยของจวนลู่ถูกทิ้งร้างมานาน ถึงแม้จะมีบ่าวรับใช้คอยดูแลแต่กลับดูมืดหม่นเพราะไร้นายท่านและนายหญิง บัดนี้เมื่อมู่ซืออวี่ย้ายเข้ามาจึงมีชีวิตขึ้นมาทันที แม้กระทั่งพืชพรรณยังเขียวชอุ่มยิ่งกว่าเดิม

มู่ซืออวี่เดินเข้าไป เห็นบ่าวรับใช้ที่มาต้อนรับจึงเอ่ยถาม “ที่บ้านมีแขกหรือ?”

“พระชายาช่างสติปัญญาลึกล้ำดั่งเทพจริง ๆ ขอรับ” พ่อบ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ใช่ว่าข้าสติปัญญาลึกล้ำดั่งเทพ ทว่าดูจากท่าทางของเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องฉลาดดั่งเทพก็ดูออก” มู่ซืออวี่เอ่ย “ผู้ใดมา?”

“พี่หญิง” ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงข้าม

มู่ซืออวี่มองชายหนุ่มตรงหน้าที่อายุไม่มากไปกว่าลู่จื่อชิงเท่าใดนัก “จูเฉิน?”

“ข้าเอง”

“เจ้าเด็กคนนี้ มาได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่เดินเข้าไปทักทาย

จูเฉิน ลูกชายของท่านหมอจูและมารดานาง

ภายในชั่วพริบตา เขาก็สูงถึงเพียงนี้แล้ว

“ท่านแม่ได้ยินว่าท่านอยู่เมืองฮู่เป่ยจึงไล่ข้าออกมาโดยเฉพาะ ให้ข้ามาคอยติดตามท่าน” จูเฉินลูบหัวตนเบา ๆ “พอดีข้ากำลังเตรียมตัวไปสอบขุนนางที่เมืองหลวงแล้ว”

“ได้ เช่นนั้นก็มาติดตามข้าเถอะ หลังจากข้าทำธุระที่นี่เสร็จ ข้าจะกลับเมืองหลวง ไม่ทำให้การสอบขุนนางของเจ้าล่าช้า”

จูเฉินมาแล้ว นางจึงเข้าครัวเตรียมอาหารมื้อหรูด้วยตนเอง นึกไม่ถึงว่าก่อนที่จะทานอาหารมื้อหรูนี้เสร็จ แขกไม่ได้รับเชิญผู้หนึ่งจะมาที่บ้านของนาง

มู่ซืออวี่รินน้ำผลไม้ให้จูเฉิน จูเฉินยังไม่ทันได้ดื่ม ด้านข้างก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาหยิบน้ำผลไม้ของเขาขึ้น แล้วยกกระดกดื่มลงไปรวดเดียว

“ท่านมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?”

หากการปรากฏตัวของจูเฉินเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ การปรากฏตัวของคนผู้นี้ก็เหนือกว่าจินตนาการ

ฉีเซียว…

เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงหรือ?

“ข้าหิวมาก รอข้ากินก่อนค่อยว่ากัน” ฉีเซียวเอ่ย “อย่าได้โทษบ่าวรับใช้ในจวนเจ้า ข้าใช้ประตูลับมา เจ้าก็รู้ ไม่มีทางลับใดในจวนลู่ของพวกเจ้าที่ข้าไม่รู้จัก”

มู่ซืออวี่ “…”

หากไม่ใช่เพราะรู้ว่ารสนิยมทางเพศของบุรุษบ้านนางไม่มีปัญหา คงสงสัยจริง ๆ แล้วว่าลู่อี้ฉีเซียวสองคนนี้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรหรือไม่ ห้องลับของสกุลลู่ ไม่ว่าจะเป็นเรือนย่อยหรือจวนอ๋องในเมืองหลวง ฉีเซียวล้วนรู้ดีทั้งสิ้น

“กินข้าวก่อนเถอะ เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากัน”

มู่ซืออวี่กำชับให้สาวใช้ข้าง ๆ เปลี่ยนอาหารตรงหน้าฉีเซียวเป็นอาหารรสเบา

ฉีเซียวมองนางแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “พวกเจ้าสมกับเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ข้าอยากทานสิ่งใดล้วนไม่ได้ทาน”

“ร่างกายท่าน ท่านรู้ดีแก่ใจ ท่านไม่อาจทานอาหารรสจัดเกินไปได้ ทานได้เพียงของรสจืดเท่านั้น” มู่ซืออวี่กล่าว “แก่ปูนนี้แล้ว คิดว่าตนยังเป็นชายหนุ่มในตอนนั้นหรือไร ยั้งปากเสียบ้างเถอะ!”

จูเฉินกับมู่ซืออวี่ไม่ได้พบกันหลายปีแล้ว หากแต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย อย่างไรเสียพี่สาวกับพี่เขยก็ให้คนส่งของขวัญปีใหม่กลับมาทุกปี ทั้งยังมีส่วนหนึ่งที่มอบให้เขาโดยเฉพาะอีกด้วย

ถึงแม้จูเฉินจะไม่ได้อาศัยอยู่กับพวกเขา แต่ก็ติดต่อกับทั้งคู่เป็นประจำจึงรู้สึกเหมือนได้อยู่ด้วยกัน ความสัมพันธ์จึงยังดีมากทีเดียว

หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จ มู่ซืออวี่ก็ตระเตรียมผู้ติดตามให้จูเฉินผู้หนึ่ง ปล่อยให้เขาทำตัวตามสบาย หากต้องการสิ่งใด เพียงแค่บอกให้พ่อบ้านจัดเตรียมให้

นางและฉีเซียวคุยกันอยู่ที่สวน

“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”

“มาเพราะพรรคเทพจันทรา ข้าท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกมาหลายเดือนแล้ว บังเอิญผ่านเมืองฮู่เป่ยจึงกลับมาดู” ฉีเซียวกล่าว “นึกไม่ถึงว่าร้านข้าจะยังอยู่ที่นั่น แต่กิจการกลับย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะถูกร้านเจ้าเบียดเสียดจนจะตายอยู่รอมร่อ ไม่มีประโยชน์จริง ๆ หากข้าเกษียณแล้ว ข้าจะกลับมาเปิดร้าน ต่อไปข้าจะดูแลด้วยตนเอง ข้าไม่เชื่อว่าร้านของข้าจะสู้ร้านเจ้าไม่ได้”

“พรรคเทพจันทราอีกแล้วหรือ ดูเหมือนพวกท่านจะรู้อยู่แล้วว่ามีองค์กรนี้อยู่ เช่นนั้นท่านสืบได้อะไรมาบ้าง?”

“ข้าเพิ่งเจอบางอย่าง ทว่าคนของเจ้ากลับกวาดเรียบจนไร้ร่องรอยแล้ว” ฉีเซียวเหลือบมองนางแวบหนึ่ง “ข้าว่านะฮูหยินลู่ ความรู้สึกเฉียบไวของเจ้านี้มีมากกว่าบุรุษเสียอีก ทว่าภายหน้าเรื่องคดี เจ้าไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวแล้ว”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท