บทที่ 1059 หึง
บทที่ 1059 หึง
ที่ชั้นเรียนของสำนักศึกษาหลวง ท่านอาจารย์หยางเดินหัวเราะฮ่า ๆ เข้ามา “วันนี้ชั้นเรียนของเรามีคนมาใหม่สองคน”
ทุกคนต่างสงสัยใคร่รู้
ดวงตาแต่ละคู่มองไปที่ประตู แต่ก็เห็นเพียงชายเสื้อผ้าเท่านั้น มองไม่เห็นสิ่งใดอีก
“อันที่จริงมีคนที่ไม่ใช่ผู้มาใหม่ หากแต่เป็นคนคุ้นเคยของทุกคน” ท่านอาจารย์หยางกล่าวแล้วมองไปทางประตู “เข้ามาเถอะ!”
ลู่จื่อชิงเป็นคนแรกที่เดินเข้ามา
นางสวมเครื่องแต่งกายบัณฑิตของสำนักศึกษาหลวง แววตาของนางเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ
“ลู่จื่อชิง!”
“นางกลับมาแล้ว!”
ทุกคนหันไปมองซ่งหานจือ
ซ่งหานจือมือถือพู่กัน ตามองไปที่ร่างของลู่จื่อชิง
“คนผู้นี้คือผู้ใดหรือ? หล่อเหลายิ่งนัก” เหล่าสตรีมองซือหม่าจี้อิงแล้วเริ่มพูดคุยกัน
ซือหม่าจี้อิงยกมือขึ้นแล้วกล่าว “ข้าน้อยซือหม่าจี้อิง คารวะสหายร่วมชั้นทั้งหลาย”
“ชื่อไพเราะ หน้าตาก็หล่อเหลา แซ่ซือหม่านี้หายากยิ่งนัก อาณาจักรฮุ่ยของเรามีสกุลใหญ่อย่างซือหม่าหรือ?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
ซือหม่าจี้อิงไม่สนใจความคิดเห็นของผู้อื่น รอให้ท่านอาจารย์เฉินกล่าวสองสามคำ จากนั้นก็เดินตามลู่จื่อชิงไปนั่งลงยังที่ว่าง
“นึกไม่ถึงว่าลู่รองจะไม่นั่งข้างซ่งหานจือ”
“ที่นั่งข้างซ่งหานจือไม่อนุญาตให้ผู้ใดนั่ง คนมีตาย่อมรู้ว่าที่นั่งนี้สงวนไว้ให้ผู้ใด”
“ลู่รองกับคุณชายซือหม่าผู้นี้รู้จักกันหรือ? พวกเขาดูเหมือนจะคุ้นเคยกันนะ!”
“ซ่งหานจือไม่เป็นที่โปรดปรานแล้วหรือ? ตำแหน่งท่านเขยรองสกุลลู่ถูกเปลี่ยนแล้วรึ?”
เมื่อชั้นเรียนจบลง ทุกคนก็รวมตัวกัน
“บ้านเกิดสหายซือหม่าอยู่ที่ใดหรือ?”
“สหายซือหม่ารู้จักคุณหนูรองลู่หรือ?”
“สหายซือหม่า คราวนี้ท่านจะเข้าสอบขุนนางหรือไม่?”
…
เหล่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ดูจะตรงไปตรงมากว่ามาก บางคนถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างลู่จื่อชิงและซือหม่าจี้อิง บางคนถามว่าซือหม่าจี้อิงเป็นผู้ใด ไยลู่จื่อชิงนั่งกับเขาแต่ไม่ไปหาซ่งหานจือ
“สหายซ่ง คุณหนูรองลู่ออกไปข้างนอกคราวนี้พาเด็กน้อยผู้หนึ่งกลับมา ท่านไม่โกรธหรือ?” บัณฑิตผู้หนึ่งเอ่ยถามซ่งหานจือ “ขอเพียงท่านกล่าวสักคำ พวกเราพี่น้องจะจัดการเขาทันที”
“ท่านมีความกล้านี้หรือ?” ซ่งหานจือเหลือบมอง “ดี เช่นนั้นท่านไปจัดการเขาต่อหน้าชิงเอ๋อร์สิ”
“นั่น… ข้าไม่กล้า”
“ถ้าอยากทำเรื่องเลว ๆ ก็ต้องทำอย่างลับ ๆ ผู้ใดทำอย่างเปิดเผยกันเล่า?”
“อย่างนั้นหรือ?” ซ่งหานจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าไม่ทำสิ่งที่น่ารังเกียจ หากจะทำก็ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา การแทงข้างหลังคนไม่ใช่นิสัยของข้า”
“เจ้าก็หุบปากเถอะ คนที่เจ้าเฝ้าทะนุถนอมมานานกว่าสิบปีถูกแย่งไปแล้ว”
ลู่จื่อชิงเหลียวมองไปรอบ ๆ รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างขาดหายไป นางจึงเอ่ยถาม “หลี่เยียนหรานเล่า?”
“เจ้าไม่รู้หรือ?” คุณหนูสูงศักดิ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น”นางแต่งงานแล้ว”
“แต่งงาน?” ลู่จื่อชิงพลันรู้สึกสนใจขึ้นมา “กับผู้ใดหรือ?”
“บุตรชายภรรยาเอกคนรองของขุนนางขั้นห้าผู้หนึ่ง” มีคนเอ่ยปาก “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าไปซื้อชาดกับแป้งผัดหน้า บังเอิญไปเจอนาง สามีผู้นั้นของนางกำลังถือของให้ ดูเอาอกเอาใจนางเป็นพิเศษ เห็นได้ว่าเขารักนางมากทีเดียว”
“บุรุษผู้หนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากสตรีจะไม่รักนางได้อย่างไร? คำว่า ‘เอาอกเอาใจ’ ที่เจ้าใช้เมื่อครู่เห็นได้ว่าเป็นคำตกแต่งให้ดูสวยงาม”
หลังจากเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาแล้ว คุณหนูผู้สูงศักดิ์หลายคนก็ปิดปากหัวเราะเยาะ
สตรีที่เป็นสหายที่ดีกับหลี่เยียนหรานเดิมทีก็ไม่กล้าพูดแทน ความจริงแล้วก่อนหน้านี้แค่เพียงเกรงกลัวอำนาจสกุลหลี่เท่านั้น ไม่แน่ว่าจะปฏิบัติต่อหลี่เยียนหรานด้วยความจริงใจ บัดนี้สกุลหลี่จบสิ้นแล้ว หลี่เยียนหรานไม่อาจลุกขึ้นเช่นกัน แน่นอนว่าไม่คุ้มที่จะล่วงเกินคุณหนูรองลู่เพื่ออีกฝ่าย
“หลี่เยียนหรานพอมีพรสวรรค์อยู่บ้างเช่นกัน เพียงแต่นางเย่อหยิ่งเกินไปจึงไม่มีผู้ใดชอบ บัดนี้สกุลหลี่ตกต่ำลง นางเก็บงำเขี้ยวเล็บของตนก็ไม่เลวแล้ว ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องดีสำหรับนาง” ลู่จื่อชิงกล่าว “เอาละ ชั้นเรียนใกล้จะเริ่มแล้ว”
ซือหม่าจี้อิงมาที่นี่เป็นครั้งแรกจึงไม่คุ้นเคยกับสำนักศึกษาหลวงนัก นอกจากนี้สกุลซือหม่ายังปลีกวิเวกจากโลกภายนอกมาโดยตลอด ซือหม่าจี้อิงเติบใหญ่มาในดินแดนเร้นลับ ไม่เข้าใจเรื่องขนบประเพณีภายนอกเท่าใด
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน ทว่าเขาก็ฉลาดมากพอ อีกทั้งยังเป็นคนรู้หนังสือ พรสวรรค์ของเขาจึงเป็นที่ยอมรับของทั้งสำนักศึกษาหลวง
ก่อนหน้านี้ ทุกคนล้วนคิดว่าซ่งหานจือเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักศึกษาหลวง ย่อมต้องได้เป็นจ้วงหยวนอย่างแน่นอน บัดนี้หรือ…
สายตาของทุกคนที่มองซ่งหานจือพลันเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด
ซ่งหานจือใช้เวลาอยู่ในหอตำรามากขึ้นเรื่อย ๆ ดึงดูดความสนใจของท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เฉินรับผิดชอบดูแลชั้นเรียน หลังจากพูดคุยกับซ่งหานจือเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง และยืนยันว่าจิตใจของเขาไม่มีอะไรผิดปกติจึงปล่อยเขาไป
ลู่จื่อชิงถือหนังสือไว้ นางกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ซ่งหานจือบังเอิญไปคืนตำราพอดี เมื่อลุกขึ้นจึงเห็นนางอยู่ที่นั่น แววตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา
เพียงแต่…
ดูเหมือนนางไม่ได้สังเกตเห็นเขา ความสนใจทั้งหมดจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือ
ซ่งหานจือรู้จักนางดี นางเป็นผู้ที่ไม่อดทนต่อการอ่านตำราที่สุด บัดนี้นางกำลังอ่านมันอย่างขะมักเขม้น เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเนื้อหาในตำราเกี่ยวกับอะไร
“เจ้ากำลังอ่านอะไรอยู่น่ะ?”
ลู่จื่อชิงได้ยินเสียงซ่งหานจือจึงเงยหน้าขึ้น
“เป็นเจ้านี่เอง” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ข้ากำลังอ่านตำราการแพทย์”
“ตำราแพทย์?” ซ่งหานจือขมวดคิ้ว “เจ้าไม่สบายที่ใดหรือ?”
“ไม่มี เพียงแค่อยากอ่านตำราอย่างอื่นบ้าง” ลู่จื่อชิงกล่าว “ได้ยินว่าหมู่นี้เจ้ายุ่งมาก กังวลเรื่องสอบขุนนางหรือ?”
“เปล่า” ซ่งหานจือกำมือแน่นก่อนจะเอ่ย “ชิงเอ๋อร์ พวกเราไปสนามม้ากันเถอะ เจ้าชอบไปสนามม้าไม่ใช่หรือ?”
“ข้าไม่ไปแล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ข้ากลับบ้านก่อนละ”
ซ่งหานจือกลับมาที่จวนซ่งอย่างไร้ชีวิตชีวา
จี้ซ่งเฉิงกำลังก่อกองไฟในสวนเพื่อย่างเนื้อกวางกิน เมื่อเห็นสีหน้าหดหู่ของเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ซือหม่าจี้อิงผู้นั้นเป็นเด็กขี้โรคตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาหรือ?”
ซ่งหานจือมองจี้ซ่งเฉิง “ท่านอยากจะพูดอะไร?”
“จวนลู่ทุ่มกำลังมากมายให้ซือหม่าจี้อิงผู้นี้ ว่ากันว่าซื้อสมุนไพรล้ำเลิศนานาชนิดเข้าจวนประหนึ่งไม่ต้องจ่ายเงิน ทุก ๆ สองสามวันท่านหมอหลวงจะมาจับชีพจรบำรุงให้ด้วยตนเอง เสี่ยวชิงเอ๋อร์ของเจ้าถึงขนาดพาเขาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ซือหม่าจี้อิงผู้นี้ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายก่อนที่จะเข้าสอบขุนนางเสียอีก เป็นคนที่ร้ายกาจผู้หนึ่ง ครานี้ดูเหมือนเจ้าไม่มีโอกาสจะชนะเขาได้เลย!”
“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว”
ท่าทีของลู่จื่อชิงที่มีต่อเขาดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลง อันที่จริงแล้วกลับแสดงให้เห็นถึงความห่างเหิน
หรือการที่เขาจากไปโดยไม่ร่ำลาครานี้มีความผิดใหญ่หลวงถึงเพียงนั้นจริง ๆ?
“เอาละ ความสัมพันธ์หลายปีที่ผ่านมาของพวกเจ้าไม่อาจสั่นคลอนได้ง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ยอมแพ้ หากเจ้าแพ้ซือหม่าจี้อิงผู้นี้ ข้าจะดูถูกเจ้าจริง ๆ แล้ว” จี้ซ่งเฉิงตบไหล่เขาปุ ๆ “หากอกหักจริง ๆ ละก็ ข้ามีข้อเสนอหนึ่ง ตามข้ากลับอาณาจักร แล้วข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นอ๋องนอกราชวงศ์ เจ้าจะเจริญรุ่งเรืองกว่าอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”
ซ่งหานจือมองคราบน้ำมันบนไหล่ตน “ท่านคิดว่าหากข้าติดตามท่าน ข้าจะมีชีวิตที่ดีหรือ?”
“เจ้ารั้งอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนี่! ลู่จื่อชิงผู้เดียวทำให้เจ้ากังวลผลได้ผลเสีย ลุ่มหลงหมกมุ่นถึงเพียงนี้” จี้ซ่งเฉิงกล่าว “เจ้าเพียงต้องตรงไปตรงมา ไปหาลู่จื่อชิง ถามนางว่าอยากแต่งงานกับเจ้าหรือไม่”
“ข้าอยากขอแต่งงานเมื่อชื่อของข้าอยู่ในป้ายทอง”
“ก่อนหน้าข้ายังมองเจ้าว่าดี เพียงแต่คราวนี้… ข้าส่งคนไปตรวจสอบซือหม่าจี้อิงผู้นั้นแล้ว เขามาจากสกุลซือหม่าที่ผลิตราชครูของฮ่องเต้มาสามรุ่น อีกทั้งสกุลซือหม่ายังเต็มไปด้วยผู้มีชื่อเสียงด้านวรรณกรรม เพียงเพราะสกุลพวกเขาเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ก่อน พวกเขาจึงไม่เปิดเผยชื่อมาหลายปี ทว่าภูมิหลังของพวกเขาก็ยังคงอยู่ตรงนั้น ความสามารถในการเรียนรู้ของซือหม่าจี้อิงผู้นี้พิเศษยิ่ง ข้ามีบทกวีที่เขาเขียน เพื่อซื้อบทกวีเหล่านี้มา ข้าจ่ายเงินจำนวนมากให้กับบ่าวรับใช้จวนลู่ เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องชดใช้ให้ข้า”