บทที่ 1066 ถูกหลอกแล้ว
บทที่ 1066 ถูกหลอกแล้ว
“ฮูหยิน!” ผู้คุ้มกันรีบช่วยดึงมู่ซืออวี่ขึ้นมา
มู่ซืออวี่หันไปมองผู้ที่ช่วยชีวิตนาง “เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”
“ไม่เป็นไรขอรับ เพียงแค่…”
ได้รับบาดเจ็บแล้ว
“คนพวกนั้นต้องอยู่ใกล้ ๆ เป็นแน่ หากไม่มีฉนวนย่อมไม่อาจจุดฉนวนเองได้ หมายความว่าจะต้องมีคนคอยจุด” มู่ซืออวี่กล่าว “แยกย้ายกันค้นหา ต้องจับคนเหล่านั้นออกมาให้ได้!”
ผู้คุ้มกันลับพามู่ซืออวี่ออกจากสถานที่อันตรายแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ทันได้ลงจากเขา นักฆ่าก็ปรากฏตัวขึ้นคนแล้วคนเล่า
นักฆ่าเหล่านี้มองดูพวกเขาแต่ละคนด้วยท่าทางโหดเหี้ยม ราวกับคนที่กำลังเลียเลือดจากคมดาบ
เมื่อมู่ซืออวี่เห็นคำว่าคุกประทับอยู่บนใบหน้าพวกเขา นางก็เข้าใจ ที่แท้มือสังหารเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากนักโทษประหารที่เพิ่งหลบหนีออกมา
นักโทษประหารเหล่านี้ร่วมมือกันกลายเป็นพลังขุมหนึ่ง หากนางไม่ได้คาดเดาผิด ทั้งหมดนี้คงเป็นฝีมือของพรรคเทพจันทรา สิ่งที่พวกมันทำคือรวบรวมคนโดยเร็วเพื่อใช้งาน
“ฆ่าคนผู้นี้ซะ เจ้าสำนักบอกแล้ว ผู้ใดฆ่านางได้จะได้เลื่อนตำแหน่ง!”
มู่ซืออวี่หยิบหน้าไม้ขึ้นมาชี้ไปทางนักโทษประหาร
นางไม่มีพละกำลัง แต่นางมีอาวุธลับ!
ในเมื่อพร้อมสำหรับการต่อสู้ถึงตายสนามนี้มานานแล้ว นางจะไม่เตรียมการล่วงหน้าได้อย่างไร?
ฉึก!
ฉึก ๆ!
นักโทษประหารที่ดาหน้าเข้ามาล้มลงไปคนแล้วคนเล่า
นักโทษประหารลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อคิดว่าตนไม่มีทางออกก็ยังคงฝ่าเข้ามา
หากตกไปอยู่ในมือทางการยามนี้พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน มีเพียงติดตามพรรคเทพจันทราที่กบฏเท่านั้นจึงจะเหลือทางรอด สตรีตรงหน้าจึงเป็นเสมือนขั้นบันไดของพวกเขา
“ไม่ได้การ คนเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“ถอย!”
นักโทษประหารคิดจะร่นถอย แต่กลับไม่มีโอกาสแล้ว
ผู้คุ้มกันลับของมู่ซืออวี่ไม่ใช่พวกกินพืช
ไม่นาน พวกเขาก็ถูกคุมตัวไว้ทั้งหมด
“พากลับไปไต่สวน!” มู่ซืออวี่เอ่ยกับลูกน้อง
แม้นางจะรู้ว่าคงไม่สามารถเค้นอะไรออกมาจากการไต่สวนนี้ได้ก็ตาม
นักโทษประหารเหล่านี้เพิ่งหลบหนีออกไป นั่นหมายความว่า ถึงแม้คนในพรรคเทพจันทราจะใช้พวกเขา แต่พวกเขาก็เป็นเพียงหมากเท่านั้น เกรงว่าจะไม่ได้สัมผัสแม้กระทั่งประตูของพรรคเทพจันทราด้วยซ้ำ หมากไร้ประโยชน์เช่นนี้เดิมทีก็ไม่มีความสำคัญแม้แต่น้อย ไต่สวนไปก็เกรงว่าจะสูญเปล่า
“พระชายา ตอนนี้จะทำอย่างไร? ยังไม่รู้ที่อยู่ขององค์หญิงเลยนะขอรับ”
“หาต่อไป” มู่ซืออวี่เอ่ย “คนของพรรพจันทราต้องการใช้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์มาฆ่าข้า บัดนี้ล้มเหลวไปครั้งหนึ่ง คราวหน้าจะต้องลงมืออีกแน่นอน เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เป็นตัวประกันที่ดีเพียงนั้น ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะตัดใจเลิกใช้ได้”
ขอเพียงยังมีประโยชน์ นางก็จะปลอดภัย
นอกจากนี้ เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ยังฉลาดเฉลียว นางไม่เชื่อว่าเมื่อตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูแล้ว ลูกสาวนางจะไม่คิดหาหนทางช่วยตนเอง บางทีอาจมีข่าวเร็ว ๆ นี้
มู่ซืออวี่กลับไปยังศาลาว่าการด้วยสีหน้าเยือกเย็น
ขณะที่เจ๋อหลานและชิงไต้เข้ามาต้อนรับ
“พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“อีกฝ่ายเดิมทีก็ไม่คิดปรากฏตัว” มู่ซืออวี่เอ่ย “เพียงแต่ก็ไม่ใช่ไม่ปรากฏตัวเสียทีเดียว หากแต่ผลักนักโทษประหารพวกนั้นให้ออกมาตายแทน”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?” ชิงไต้ขมวดคิ้ว “องค์หญิงยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย แม้เพียงชั่วขณะ อันตรายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จริงสินายหญิง ท่านเขยทางนั้นมีข่าวมา คนของเขารายงานว่าท่านเขยหายตัวไป”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ได้ยินคนของท่านเขยเล่าว่าเขาได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจึงไปรออีกฝ่ายตามเนื้อหาในจดหมาย ผลที่ได้คือขณะที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อรอให้ปลางับเหยื่อ เจ้านายของพวกเขาก็หายตัวไป”
มู่ซืออวี่ได้ยินดังนั้นก็ปวดหัว นางเอ่ยว่า “เจ้าเรียกหัวหน้าของพวกเขามาอธิบายให้ข้าฟังอย่างละเอียดที”
ไม่นานนัก องครักษ์เงาของเซี่ยเฉิงจิ่นก็รีบเข้ามาคุกเข่าต่อหน้ามู่ซืออวี่เพื่ออธิบายที่มาที่ไป
“เจ้าหมายความว่านายท่านของเจ้าก็อยู่ที่เขาว่านเฟิ่งด้วยหรือ?”
“ขอรับ”
“เรื่องเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“สองชั่วยามที่แล้วขอรับ”
ชิงไต้กล่าว “พระชายา นับเวลาดูแล้ว หากท่านเขยอยู่ที่เขาว่านเฟิ่ง เราก็ควรสวนทางกับเขา เมื่อครู่นี้ท่านได้พบท่านเขยแล้วหรือเจ้าคะ?”
มู่ซืออวี่ส่ายหน้า
“เช่นนั้นท่านเขยไปที่ใดแล้ว?”
“ไม่ได้ยินขอรับ”
“เป็นเขาว่านเฟิ่งที่เดียวกัน เสียงระเบิดดังเพียงนั้น จะไม่ได้ยินได้อย่างไร? เว้นแต่พวกเจ้าจะไม่ได้อยู่ที่เขาว่านเฟิ่งตั้งแต่แรก” มู่ซืออวี่เอ่ย “บอกตำแหน่งที่พวกเจ้าไปมา”
คนเหล่านั้นบอกเส้นทางที่พวกเขาไป ตลอดจนลักษณะเฉพาะของที่นั่น
ถึงแม้ว่ามู่ซืออวี่จะไปที่นั่นเพียงครั้งเดียว แต่นางก็สังเกตเส้นทางและสภาพแวดล้อมเป็นพิเศษ นางเอ่ยว่า “เจ้าไม่ได้พูดถึงเขาว่านเฟิ่ง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาว่านเฟิ่งที่ข้าไป เจ้าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ข้าฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนเถอะ”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเริ่มต้นจากจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
มู่ซืออวี่ยิ่งฟังก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ขณะที่เขาหายตัวไป นายท่านพวกเจ้ามีคนเพียงคนเดียวอยู่ข้างกาย คนอื่น ๆ ซ่อนตัวอยู่ รอให้ผู้ร้ายที่ส่งจดหมายมาปรากฏตัวขึ้นหรือ?”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นคนข้างกายนายท่านพวกเจ้าผู้นั้นเล่า?”
“เขาก็หายไปเช่นกันขอรับ”
“ขึ้นเขาไปค้นหาประเดี๋ยวนี้”
มู่ซืออวี่เพิ่งกลับมาศาลาว่าการ ชาในมือยังไม่ทันได้ดื่ม เพราะเป็นห่วงลูกเขยที่ตามคนไปยังเขาว่านเฟิ่งที่ว่า ขณะที่นางรุดมาถึงเขาว่านเฟิ่ง การคาดเดาก็ได้รับการยืนยัน เขาว่านเฟิ่งที่พวกเขาไปไม่ใช่เขาว่านเฟิ่งที่แท้จริง หากไม่ใช่เพราะไม่รู้จักสถานที่จึงถูกคนหลอกก็ต้องเป็นเพราะมีคนจงใจล่อพวกเขาไปที่อื่น
คนของมู่ซืออวี่ออกค้นหารอบหนึ่งแล้วกลับมารายงาน “พระชายา เขาว่านเฟิ่งที่ท่านเขยไปคือเขาว่านเฟิ่งที่พวกเราเพิ่งไป ทว่าเขาว่านเฟิ่งที่คนของเขาไปนั้นไม่ใช่เขาว่านเฟิ่งที่แท้จริง หากแต่ถูกหลอก”
“ผู้ใดพาพวกเจ้าไปที่นั่น?”
“ท่านเขยบอกให้พวกเราไปซุ่มอยู่ที่นั่นก่อน เพื่อรอจับปลาใหญ่ แต่พวกเรารอนานก็ไม่มีทีท่า จริงสิ คนที่พาพวกเราไปที่นั่นเป็นนักการของศาลาว่าการผู้หนึ่งขอรับ”
“เกรงว่าพวกเจ้าจะถูกหลอก” มู่ซืออวี่เอ่ย “คนผู้นั้นจงใจพาพวกเจ้าไปที่อื่น ส่วนท่านเขยของพวกเจ้าก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
หลังจากค้นหา พวกเขาก็พบกระบี่ของเซี่ยเฉิงจิ่นอยู่บนเขาว่านเฟิ่ง
ที่เกิดเหตุเละเทะกระจุยกระจายเนื่องจากระเบิดลูกใหญ่ พวกเขาหากระบี่ของเซี่ยเฉิงจิ่นพบก็นับว่าดีแล้ว หากกระบี่ไม่ได้ปักอยู่ที่พื้น มิหนำซ้ำยังมีคราบเลือดอยู่ใกล้ ๆ คงหาได้ยาก
มู่ซืออวี่เป็นห่วงทั้งลูกสาวและลูกเขย เนื่องจากเซี่ยเฉิงจิ่นหายตัวไปใต้จมูกของตน นางจึงส่งกำลังคนจำนวนมากออกค้นหาที่อยู่ของเขา
นักโทษประหารถูกจับกุมกลับคืนมาแล้ว
นายอำเภอขอบคุณมู่ซืออวี่เป็นอย่างยิ่ง เขาอยากจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณนางด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นใบหน้าเยือกเย็นของนาง แม้กระทั่งกล่าวขอบคุณ นายอำเภอยังเอ่ยตะกุกตะกัก ไม่กล้าแสดงความมีตัวตนของตนต่อหน้า ทำได้เพียงกระดิกหางไปมาอย่างว่าง่ายเท่านั้น
หลังจากไต่สวนแล้ว นักโทษประหารก็ไม่รู้อะไรจริง ๆ รู้เพียงแค่มีคนสั่งฆ่ามู่ซืออวี่ ขอเพียงฆ่านางได้ก็จะได้เข้าร่วมกับพรรคเทพจันทราอย่างเป็นทางการ